ลองเล่น ViewSonic M1+ G2 โปรเจคเตอร์ขนาดพกพา ปรับฉากอัตโนมัติ มีขาตั้งในตัว (เล็กขนาดที่เรียกว่าถือในมือเดียวได้) แบรนด์จากอเมริกา ที่ทั้งมีแบตในตัวเล่นได้ 6 ชั่วโมง, รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบมีสาย และไร้สาย, ลำโพง Harman\Kardon, รองรับภาษาไทย, ชาร์จผ่าน USB C ได้ และหมุนฉายได้ 360 องศามีขาตั้งในตัว...
ทาง ViewSonic ส่งมาให้ยืมลองกับ Projector ตัวใหม่ของเขาที่เพิ่งออกมา และเหมาะกับสาย Gadget และ Entertainment แบบน้ำหนัก 700 กรัม พกใส่กระเป๋าสะพายไปเล่นที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องต่อสายให้ยุ่งยากแม้แต่สายไฟ เพราะมีแบตในตัวเล่นได้เลย...
พอแกะกล่องมาอย่างแรก คือมันเล็กจริง ๆ แถมหาพอร์ตเชื่อมต่อไม่เจอเลย ตัวเครื่องเนียนเรียบร้อยไปหมด (จนเปิดคู่มือว่ามีฝาปิดที่เรียบเนียนไปกับตัวเครื่องซ่อนอยู่) และด้วยวิธีการเปิดที่ง่าย แค่หมุนฝาปิด ให้กลายเป็นขาตั้ง ก็เปิดดูได้แล้ว (เวลาจะปิดก็แค่เอาขาตั้งไปบังช่องฉายภาพก็ปิดเครื่องเลย) สะดวกมาก ๆ ...
จะวางโต๊ะฉายไปที่ผนังก็ทำได้ง่าย ฉายมุมเสยก็ปรับจอสี่เหลี่ยมอัตโนมัติ ฉายขึ้นเพดานได้ด้วยฝาปิดที่แปลงร่างเป็นขาตั้งได้ในตัว...
เรื่องความสว่างทำได้ 300 (LED Lumens) ฉายในห้องที่เปิดไฟก็ยังพอมองเห็น หรือฉายบนผนังได้ชัดเจน รวมถึงการปรับสี่เหลี่ยมคางหมู Keystone เข้ากับฉากที่ฉายหลายทิศทางได้ในตัวโดยไม่ต้องกดอะไรเลย (หมุนแต่โฟกัส) ระยะฉายตั้งแต่ 1.6-2.6 เมตร (ได้ขนาดภาพ 60-100 นิ้ว) ซึ่งเอาจริง ๆ การปรับฉากนี้ทำได้ดีมาก ๆ เท่าที่ได้ลองคือ พอเราอยากฉายขึ้นให้เอียงสูงขึ้นกว่าระดับที่ตั้งไว้ ปกติภาพจะบานข้างบน แต่ตั้งไว้ซักพักก็จะปรับเป็นจอสี่เหลี่ยมอัตราส่วน 16 : 9 ให้เอง...
เรื่องการเชื่อมต่อ มีหลายทางมากเพราะพอร์ตที่ให้มาค่อนข้างเยอะ ทั้ง HDMI สำหรับสื่อต่าง ๆ เช่นโน๊ตบุ๊ค PC หรือเครื่องเกม, USB สำหรับแฟลชไดรฟ์, รวมถึง USB C สำหรับโน๊ตบุ๊คหรือมือถือเครี่องที่มีพอร์ต USB C และส่งภาพออกมาให้ได้ด้วย (Thunderbolt ทำได้สบาย)...
ระบบ Bluetooth เท่าที่ลองแล้วทำได้ดีมีประโยชน์มาก ๆ ตั้งแต่ปล่อยสัญญาณเสียงออกไปยังลำโพงบลูทูธตัวอื่นเพื่อขับเสียง ในกรณีบางคนมีเครื่องเสียงที่ใหญ่กว่า หรือลำโพงที่ดีกว่า แถมยังสามารถเป็นลำโพงบลูทูธเพื่อรองรับการเชื่อมต่อจากมือถือได้ด้วย...
ลำโพง Harman\Kardon เสียงดี และดังมากในห้อง (3W 2 ข้างซ้ายขวา Stereo) 26dB ถ้าแค่เล่นเกมหรือดูหนังถือว่าปรับสุดก็คือดังลั่นห้องเลยต้องปรับลดเสียงลงมา...
การเชื่อมต่อแบบไร้สายทำได้สะดวก ทั้ง Android, iOS และ MacOS ฝั่ง Android คือใช้ Google Home ที่อยู่ในเครื่อง เชื่อมต่อเพื่อส่งภาพทั้งจอขึ้นไปได้เลย (ไปทั้งภาพและเสียง) ส่วน iOS และ Mac OS ใช้ AirPlay ในการส่งสัญญาณภาพและเสียงไปขึ้นจอ แต่ทั้งหมดต้องผ่านสัญญาณ Wifi ตัวกลาง เพื่อป้องกันไม่ให้ บุคคลภายนอกส่งสัญญาณแทรกเข้ามาเพื่อเปิดภาพ (อันนี้เป็นระบบรักษาความปลอดภัยของระบบ)...
ส่วนการช่องต่อ USB นั้น นอกจากจะอ่านไฟล์จาก Flash Drive ผ่าน OTG ได้แล้ว ยังสามารถที่จะเป็น USB ไว้ต่อเมาส์แบบ Wire/Wireless ควบคุมเมนูต่าง ๆ บนหน้าจอได้อีกด้วย เพราะอย่าง คีย์บอร์ดบนจอ บางทีถ้ามาใช้รีโมทไล่ทีละตัวผมลองแล้วลำบากมาก ๆ เอาเมาส์จิ้มง่ายกว่า...
เมนูสามารถตั้งค่าเป็นภาษาไทยได้ ทำให้เมนูอ่านง่าย และเข้าใจง่ายสำหรับผู้ใช้ใหม่ ๆ ...
ตัวรีโมทเองควบคุมได้สะดวก เมนูข้างในไม่ซับซ้อนเลยทำให้ใช้งานง่ายคล้าย Android TV แต่จะมีจุดนึงที่รู้สึกว่าไม่เหมือนตรงแอปที่ให้มาเลือกน้อยไปหน่อย ส่วนใหญ่จะเป็นแอปนิยมฝั่งอเมริกา ของไทยที่พอใช้นิยมก็ Netflix และ Youtube ส่วนแอปอื่น ๆ ผมไม่ได้ใช้เลย ส่งภาพจากมือถือไปจะง่ายกว่า...
จุดที่ดูเป็นข้อจำกัดของโปรเจคเตอร์รุ่นนี้เท่าที่ลองเล่นมา 2 วันทั้งหมด ก็คือมันมีความละเอียดของภาพที่ฉายไปแค่ 854 x 480 pixel แม้จะรองรับจากต้นทางแบบ 1080p (ได้ทั้ง 16:9 และ 4:3) สาเหตุก็เพราะเป็นโปรเจคเตอร์ที่มีขนาดเล็ก ซึ่งเหมาะกับการใช้ Entertain เป็นหลัก ส่วนการพรีเซนต์เทชั่นตัวสไลด์อาจจะต้องมีตัวหนังสือที่ใหญ่หน่อย ก็แก้ปัญหาได้เช่นกัน ไม่เหมาะกับงานพรีเซนเทชั่นที่มีตัวหนังสือเล็ก ๆ หรือการทำงานกราฟิกที่เมนูด้านข้างเล็กและต้องการความละเอียดสูง...
สรุปจุดเด่น...
- ขนาดพกพาสะดวกใส่กระเป๋าได้ น้ำหนัก 700 กรัม...
- มีแบตเตอรี่ในตัว ใช้งานได้ 6 ชั่วโมง...
- ชาร์จผ่าน USB C ได้ทั้งจากพาวเวอร์แบงค์และหัวชาร์จ นอกจากหม้อแปลงใหญ่ที่ให้มา...
- หมุนฉายได้ 360 องศา มีฝาปิดทำงานเป็นขาตั้งเครื่องให้...
- ลำโพง Stereo ปรับแต่งโดย Harman\Kardon ดังมาก...
- เชื่อมต่อได้ทั้งแบบมีสาย และไร้สาย ทั้ง Wifi และ Bluetooth...
- ให้สีที่สดใส ภาพเคลื่อนไหวไม่มีกระตุก หรือหน่วง...
- หลอดฉายภาพมีอายุ 30,000 ชั่วโมง (เล่นวันละ 8 ชั่วโมง ได้อย่างต่ำ 10 ปี)...
- ประกันเกือบทุกเจ้าในไทยให้ประกัน 3 ปี...
- มีทั้งเมนูไทย และคีย์บอร์ดภาษาไทยในตัว...
ข้อสังเกต...
- ความละเอียดที่ฉายได้ 854 x 480 pixel ถ้าฉายภาพละเอียดไปใช้เครื่องขนาดกลางหรือใหญ่จะดีกว่า...
- มีราคาค่อนข้างสูง...
Viewsonic M1+_G2 ราคาประมาณ 11,690 - 13,900 แล้วแต่เจ้า (ส่วน Mi TV Stick ราคาประมาณ 1,000-1,400 บาท) เนื่องจากบริษัทขายผ่านตัวแทนจำหน่ายทั้งหมด เลยรวมร้านที่ดูน่าเชื่อถือมาให้ ทั้ง จาก ViewSonic, Shopee, Lazada และ JD Central ครับ...
ViewSonic M1+_G2
ลิงค์หลักสำหรับซื้อจาก ViewSonic Official : https://bit.ly/3velJYE
Shopee : ราคาจะอยู่ไม่เกินหมื่นสอง และเป็นร้านที่มีฟีดแบคดีจากลูกค้าที่ซื้อไป...
https://shp.ee/qdnxknj อันนี้ ViewSonic Online เอง
https://shp.ee/eq8rjyh
https://shp.ee/s79ffbe
https://shp.ee/h84czwt
Lazada : ราคาส่วนใหญ่ไม่เกินหมื่นสอง และเป็นร้านที่มีฟีดแบคแล้ว...
https://bit.ly/3vseQ5P
https://bit.ly/3yHx7ye
https://bit.ly/2SsHB3P
https://bit.ly/3oVPwmo
JD Central : ขายเองเลยมีอยู่เจ้าเดียว 13,900 บาท
https://u.jd.co.th/tztIlFH
*Disclosure: เนื้อหานี้ ได้รับการสนับสนุนให้ยืมเครื่องโปรเจคเตอร์มารีวิวจาก ViewSonic ประเทศไทย...
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...