/NEWS/ NSX THE BOYS CHO RẰNG DÒNG PHIM MARVEL ĐANG TRỞ NÊN 'NGUY HIỂM' VỚI XÃ HỘI
The Boys đã trở thành một trong những chương trình truyền hình được nhắc đến nhiều nhất trong năm. Mùa thứ hai của bộ phim chuyên châm biếm siêu anh hùng của Amazon là một cú hích đối với cả người xem lẫn giới phê bình. Cuộc nói chuyện về The Boys đã đi sâu vào vấn đề hiện tại xung quanh các nhân vật siêu anh hùng trong văn hóa đại chúng. Nhiều người chú ý đến cách mà bộ phim trực tiếp chế giễu/ gây liên tưởng đến các bộ phim của Marvel và DC trong phần 2.
Nhà sản xuất The Boys - Eric Kripke - đã đưa ra bình luận về sự thành công của Vũ trụ điện ảnh Marvel (Marvel Cinematic Universe) rằng tuy bản thân là một fan hâm mộ nhưng anh lo lắng về sự ảnh hưởng của chúng đối với thế giới.
Kripke nói với tờ The Hollywood Reporter: “Mọi người có thể ngạc nhiên, nhưng tôi thực sự là một fan hâm mộ của Marvel. Quá trình làm phim của họ rất tuyệt vời. Tôi thích cách họ lồng ghép sự hài hước trong đó. Siêu anh hùng của họ rất nhanh nhẹn, hào nhoáng và tôi thích phong cách đó."
"Vấn đề của tôi với họ không phải ở các bộ phim, mà là ở số lượng tổng thể có quá nhiều phim. Tôi phải nói rằng chuyện này rất nguy hiểm, tôi không có ý cường điệu hóa hoặc kịch tính hoá, nhưng bản thân tôi cho rằng sẽ hơi nguy hiểm nếu cả một thế hệ được đào tạo ra để chờ đợi ai đó mạnh mẽ đến cứu mình."
"Như vậy thì bạn cuối cùng sẽ trở thành những người như Trump và những người theo chủ nghĩa dân túy (....) Tôi cũng hiểu đó là cách văn hóa đại chúng tinh tế điều khiển mọi người, nhưng nó đang điều chỉnh mọi người sai cách - bởi vì có quá nhiều những bộ phim như thế. Thế nên tôi nghĩ xã hội này nên có sự thay đổi, ít nhất là một phần nhỏ trong chúng ta phải đứng lên để nói, 'Họ sẽ không đến cứu bạn. Hãy gắn kết gia đình lại và tự cứu mình đi.'"
Kripke cũng tiết lộ phân cảnh "Girls get it done" cuối mùa 2, khi Starlight (Erin Moriarty), Queen Maeve (Dominique McElligot) và Kimiko (Karen Fukuhara) đối đầu với Stormfront, là phản hồi trực tiếp với khoảnh khắc "The female team-up" trong Avengers: Endgame. Kripke giải thích rằng ý tưởng đó xuất phát từ Giám đốc sản xuất Rebecca Sonnenshine, người đã rất tức giận sau khi xem Endgame.
"Tôi cũng xem phim mà, tôi đã bảo 'Thật lố bịch và giả tạo'. Cô ấy cũng đồng ý với tôi 'Thôi cậu đừng nói nữa'. Cả hai chúng tôi đều thấy phân cảnh đó thật đáng chê trách". Do đó, "Girls get it done" đã ra đời."
Bạn có ý kiến gì về chuyện này không?
Trans: Mèo | Its All About Your OTPs
Credit:
https://www.joe.co.uk/film/the-boys-showrunner-says-the-marvel-films-are-dangerous-to-society-253415
https://screenrant.com/boys-show-eric-kripke-marvel-movies-criticism/
「erin moriarty」的推薦目錄:
- 關於erin moriarty 在 It's all about your OTPs Facebook 的最讚貼文
- 關於erin moriarty 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最讚貼文
- 關於erin moriarty 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的精選貼文
- 關於erin moriarty 在 Erin Moriarty - Facebook 的評價
- 關於erin moriarty 在 "The Boys" Star Erin Moriarty Reveals Her Acting Superheroes 的評價
- 關於erin moriarty 在 Interview: Erin Moriarty Confesses She Almost Soiled Her Bed ... 的評價
- 關於erin moriarty 在 Erin Moriarty - Pinterest 的評價
erin moriarty 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最讚貼文
Jessica Jones (สามารถดูได้ใน Netflix)
• พอเห็นหนัง The Invisible Man ได้รับคำชมเยอะ เลยยิ่งคิดว่าซีรีส์ Jessica Jones มาก่อนกาลมาก พูดประเด็นคล้ายกันคือผู้หญิงที่ยังหวาดระแวงจากเพศชายที่คอยบงการชีวิตเธอ พอมีข่าวว่าตายไปแล้วแต่กลับมาปั่นประสาทได้อยู่ คนรอบตัวจึงมองว่าเธอหลอนไปเองอีก
• ส่วนตัวไม่ได้มองเป็นซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่จ๋าขนาดนั้น แต่เป็นเรื่องของผู้หญิงคนนึงที่มีความแข็งแรงเหนือมนุษย์ทั่วไปต้องมาจัดการกับความรู้สึกผิดในใจตัวเองด้วยการกำจัดตัวร้าย(จับเป็นแบบมีคุณธรรม) ความแข็งแกร่งทางร่างกายแต่ภายในใจอ่อนแอและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
• ซีรีส์วางตัวเองเป็นโทนฟิล์มนัวร์ ซึ่งมันก็นัวร์จริง ตัวละครมีมุมร้าย ๆ เห็นแก่ตัว และถูกตั้งคำถามทางศีลธรรมเกือบทุกคนในเรื่อง หรือบางคนก็ถูกปลุกความก้าวร้าวในตัวเองออกมา
• เช่นเดียวกับการนำเสนอภาพกลุ่มตัวละครนำที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ชีวิตถูกทำลายในทางใดทางหนึ่ง เจสสิก้ากับการถูกผู้ชายบงการชีวิต, ทริซที่โตมากับแม่ที่คอยควบคุมหาประโยชน์, เจรี่ เป็นทนายแกร่งที่ไม่ได้ใสซื่อมือสะอาด, โฮปป์ ก็เป็นตัวแทนของเหยื่อจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
• คิลเกรฟ เป็นตัวร้ายที่น่ากลัวจริง เอาความสามารถควบคุมจิตใจมาใช้แบบเลวชั่ว โดยไม่ยอมรับว่าการกระทำของตัวเองเลวชั่ว แต่ซีรีส์ก็ให้ฝั่งตัวเอกปะทะคิลเกรฟอยู่บ่อยครั้ง ติดแค่ฝั่งคนดีทำอะไรไม่ค่อยจะได้ จะจับเป็นอย่างเดียวแล้วดูประมาทเหลือเกินเวลารับมือกับคนที่มีความสามารถควบคุมจิตใจ
• ธีมของซีรีส์แข็งแรงดี เล่นกับเรื่องการเอาชนะผู้ชายที่คอยควบคุมจิตใจ หรือกระทั่งคอยบีบให้ไม่เหลือทางเลือก(แต่อ้างว่าผู้หญิงยินยอม) แต่หลัง ๆ รู้สึกว่าเริ่มยืดกับวนเวียนไปหน่อย
• ชอบอีกอย่างที่ซีรีส์ใส่ใจกับผลกระทบจากการที่คิลเกรฟควบคุมจิตใจคนอื่นแม้เพียงนิดเดียว แต่ทำให้คนเหล่านั้นชีวิตล้มเหลวไปได้เลย
-------------------------------------
พอได้ดูซีรีส์ Jessica Jones ยิ่งเห็นว่าตัวละครหญิงแบบ 'เจสซิก้า โจนส์' (Krysten Ritter) มีความสำคัญกับหนังฮีโร่หญิงยิ่งกว่า Captain Marvel และ Wonder Woman ที่เชิดชูพลังหญิงเสียอีก โจนส์เป็นตัวแทนของคนธรรมดาที่ชีวิตพังทลายได้ในสังคมชายเป็นใหญ่และคนในสังคมเพิกเฉย เทียบแล้วคล้ายกับที่เราเพิ่งดู The Invisible Man ตรงที่ทั้งสองเรื่องพูดถึงผลกระทบจากการถูกเพศชายครอบงำเป็นเวลานาน แม้หนีออกมาได้ก็ยังหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา เรื่องหนึ่งใช้ความเป็นมนุษย์ล่องหนเปรียบเปรยถึงภัยคุกคามคอยปั่นประสาทที่มองไม่เห็น ส่วนอีกเรื่องใช้พลังการควบคุมจิตใจเปรียบเปรยถึงความเลวร้ายที่ยังตกค้างคอยหลอกหลอนอยู่เสมอ
.
ซีรีส์วางจุดเปลี่ยนสำคัญอยู่สองครั้งในตัวเจสซิก้า โจนส์ คือครั้งแรกที่ตัดสินใจเลิกหนี 'คิลเกรฟ' (David Tennant) วายร้ายจอมบงการจิตใจ แล้วลุกขึ้นมาหาทางจับเป็นคิลเกรฟ เพื่อพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า 'โฮปป์' (Erin Moriarty) ไม่ได้เป็นฆาตกร แต่ถูกสะกดจิตสั่งให้ทำต่างหาก นั่นทำให้ซีรีส์ถูกมองเป็นแนวฮีโร่ก็ไม่ผิดอะไร เพียงแต่เรามองธีมรวม ๆ ของซีรีส์ว่าเป็นการจัดการความรู้สึกผิดในใจตัวเอง เหมือนครั้งหนึ่งเคยเป็นเหยื่อแต่ถึงตัวเองจะรอด คิลเกรฟก็ยังหาเหยื่อคนใหม่มาแทนเธอ โดยที่เธอไม่สามารถเพิกเฉยได้อีกต่อไป (เทียบกับสามีทำร้ายร่างกายภรรยา ถึงภรรยาคนแรกหนีมาได้ สามีก็หาคนใหม่มาเป็นเหยื่อแทน ซึ่งคนแรกไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีก) พอเธอไม่อยากเห็นใครต้องตกเป็นเหยื่อเพิ่มอีกจึงหาทางช่วยโฮปป์
.
นั่นจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราชอบเส้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจสซิก้า กับ 'ทริซ' (Rachael Taylor) ที่โตมาจากการเป็นดาราเด็กมีชื่อเสียง โดยแทบไม่มีใครรู้เบื้องหลังเลยว่าถูกแม่ทำร้ายขนาดไหน คอยบังคับให้ล้วงคอไม่ให้อ้วน ตบตีบีบคอเป็นแผลตลอด โดยเหยื่อไม่กล้าตอบโต้อะไร แถมเหยื่อยังคอยบอกว่าอย่ามายุ่งอีก ซึ่งทริซเป็นตัวแทนของเด็กในสังคมจำนวนมากที่พ่อแม่ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขา การเป็นคนนอกแบบเจสซิก้าที่อาสายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือจึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญเพื่อหยุดปัญหาเหล่านี้ (เพิ่งอ่านเจอเคสลูกเป็นซึมเศร้าจะฆ่าตัวตาย แต่พ่อแม่ไม่พาไปหาจิตแพทย์ ซึ่งเรื่องแบบนี้คนนอกต้องช่วยเหลือ)
.
จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งของซีรีส์คือความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งในการพิสูจน์การมีอยู่ของพลังในตัวคิลเกรฟ ซึ่งความชั่วร้ายของคิลเกรฟทำให้ชีวิตคนหลายคนต้องพังทลาย เช่น สะกดจิตคนให้ทิ้งลูกไว้กลางทางเพื่อขับรถไปส่งตัวเอง ผลที่ตามมาคือภรรยาฟ้องหย่าและถูกศาลตัดสินเอาผิดที่ทอดทิ้งลูก ซึ่งเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคนแบบคิลเกรฟที่บงการจิตใจคนอื่นมีอยู่จริง สิ่งที่เจสซิก้าเชื่อถือมาตลอดคือการหาทางจับเป็น ทั้งที่หลายคนรอบตัวเช่น 'ซิมป์สัน' (Wil Traval) ตำรวจที่เคยถูกสะกดจิตเหมือนกันบอกว่าต้องจับตาย ราคาของการพยายามจับเป็นคือมีเหยื่อเพิ่มขึ้นตลอด พร้อมกับสร้างความโกรธแค้นเพิ่มขึ้นเมื่อมีเหยื่อรายใหม่ ๆ ต้องมาซวยอีก
.
ประการสำคัญคือตัวร้ายแบบคิลเกรฟ คือการนำเสนอภาพเพศชายที่ไม่ตระหนักรู้เลยว่าการกระทำของตัวเองมันผิด ไม่ว่าจะในทางล่วงละเมิด โดยอ้างว่าเหยื่อยินยอม เหมือนเคสต่าง ๆ ใน #MeToo คือการใช้อำนาจสร้างพฤติกรรมคุกคามทางเพศ แบบในหนังเรื่อง Bombshell และซีรีส์ The Morning Show, ตลอดจนการคุกคามให้เพศหญิงรู้สึกไม่ปลอดภัย ถ้าเทียบกับความเป็นจริงก็เช่น สตอล์กเกอร์และการโห่แซว ซึ่งคิลเกรฟเป็นตัวร้ายประเภทที่คิดว่าตัวเองมือสะอาด ถึงจะสั่งเหยื่อให้ทำตามใจตัวเองตรง ๆ ไม่ได้ ก็ใช้วิธีอื่นบีบบังคับให้เหยื่อหมดทางเลือกในชีวิตอยู่ดี เช่น ขู่จะฆ่าคนนั้นหรือทำร้ายคนนี้ สุดท้ายมันก็ไม่ต่างอะไรจากการบังคับเหยื่อที่ไม่อยากเห็นความเลวร้ายเกิดขึ้นกับคนอื่นจึงเลือกจะยอมรับคำสั่งไว้กับตัวเอง
.
ถึงซีรีส์จะมีธีมเรื่องที่แข็งแรงและนำเสนอได้ดี แต่ส่วนตัวคิดว่าความยาว 13 ตอนมากไปหน่อย มีหลายช่วงที่แผ่วลงและเนื้อหาวนเวียนไม่ค่อยคืบหน้า รวม ๆ แล้วถ้าไม่ซีเรียสอะไรก็ยังคงเป็นซีรีส์ระดับคุณภาพที่เราเชียร์ให้ลองดูกันอยู่ดี
Creator: Melissa Rosenberg
13 Episodes (เฉลี่ยตอนละ 50 นาที)
A-
#หนังโปรดxซีรีส์Netflix
erin moriarty 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的精選貼文
Blood Father (2016)
ดูจบปุ๊บบอกได้เลยว่าเมล กิ๊บสันมีสิทธิกลับมาทวงตำแหน่ง action star ด้วยวัย 60 ปี มีฉากบู๊อยู่ฉากนึงที่เราแบบร้องโอ้โห โอ้โห เป็นวีรศักดิ์ นิลกลัดตอนพากย์บอลเลยทีเดียว คือพี่แก่แต่โคตรบึ้ก กล้ามเป็นมัด ๆ ตัวจริงสูงแค่ 177 cm แต่พออยู่ในที่แคบ ๆ เช่นในรถนี่ไซส์ตัวพี่ข่มคู่ต่อสู้มิดแบบต่อให้แก่แต่แรงยังกินขาดคนหนุ่มได้สบาย แล้วด้วยความที่หนังมันเป็นดราม่าพ่อปกป้องลูกจึงเหมือนบทมันส่งให้เมล กิ๊บสันดูมีอะไรให้จดจำมากกว่าจะออกมาเตะต่อยปราบตัวร้ายแล้วก็จบไป เอาเป็นว่าหนังก็สไตล์แอ็คชั่นเกรดบีแต่มีดีให้ต้องลองดู
.
หนังเล่าเรื่องของ 'ลิงค์' (Mel Gibson) อดีตอาชญากรขี้เหล้าเมายาที่เพิ่งออกจากเรือนจำหลังติดอยู่นานเกือบ 10 ปี เขาพยายามปรับปรุงตัวด้วยการเลิกเหล้าเลิกยาอย่างเด็ดขาดและตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินด้วยการเป็นช่างสัก ชีวิตเขาต้องวุ่นวายเสี่ยงกลับไปรับโทษอีกครั้งเมื่อ 'ลิเดีย' (Erin Moriarty) ลูกสาวที่หนีออกจากบ้านไปนานโทรติดต่อขอความช่วยเหลือจากเขา เพราะเธอกำลังถูกแก๊งยาเสพติดเม็กซิกันตามไล่ล่าเอาชีวิต
.
ต้องเรียกว่าเป็นหนังแอ็คชั่นเกรดบีประเภทน้ำดี หนังพวกนี้จะมีฉากแอ็คชั่นแจม ๆ มานิดหน่อยพอเป็นพิธี ซึ่งฉากแอ็คชั่นใน Blood Father ที่ทำให้ลุงเมล กิ๊บสันต้องออกแรงเหนื่อยหน่อยก็เห็นจะเป็นฉากจบฉากเดียว กับฉากขี่ชอปเปอร์ควงลูกซองเท่ ๆ ที่ออกแรงน้อยแต่โคตรได้ใจ ส่วนนอกนั้นก็เป็นช่วงเวลาของดราม่าคนเป็นพ่อที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความผิดตัวเองที่เคยทอดทิ้งลูก ซึ่งเหมือนเป็นการยอมรับปัญหาที่ลูกตัวเองเข้าไปพัวพันกับอาชญากรก็เป็นเพราะเขาคือต้นเหตุ
.
โดยภาพรวมแล้วหนังมันค่อนข้างมีชีวิตมีชีวาผิดธรรมชาติหนังแอ็คชั่นเกรดบีเป็นอย่างมาก แม้แอ็คชั่นจะน้อยแต่เราถูกดึงดูดเอาไว้ด้วยคาแรคเตอร์ของเมล กิ๊บสันที่แทบไม่ถูกเล่าอดีตแต่ก็สัมผัสได้ถึงความเป็นตัวอันตรายที่มีเส้นสายโลกใต้ดินอยู่ไม่น้อย และนี่คือหนังที่จะพาเมล กิ๊บสันกลับมายืนเป็นแถวหน้าของ action star วัยชราอย่างแน่นอน
Director: Jean-Francois Richet (ผกก. Assault on Precinct 13 )
novel: Peter Craig
screenplay: Peter Craig, Andrea Berloff
Genre: action, thriller, drama
7/10
erin moriarty 在 "The Boys" Star Erin Moriarty Reveals Her Acting Superheroes 的美食出口停車場
![影片讀取中](/images/youtube.png)
"The Boys" Star Erin Moriarty Reveals Her Acting Superheroes. 12,642 views12K views. Sep 25, 2019. 145. 6. Share. Save. 145 / 6. IMDb. IMDb. ... <看更多>
erin moriarty 在 Interview: Erin Moriarty Confesses She Almost Soiled Her Bed ... 的美食出口停車場
![影片讀取中](/images/youtube.png)
TheBoysTV star Erin Moriarty promises her scenes for season 2 will be some of the craziest things she's done but there's one thing she had ... ... <看更多>
erin moriarty 在 Erin Moriarty - Facebook 的美食出口停車場
Erin Moriarty. 41327 likes · 90 talking about this. My parents are both very stylish, so they always encouraged me to explore when it came to personal... ... <看更多>