股票市場係荷蘭人發明?
(更多歐洲/荷蘭生活資訊,立即到https://www.patreon.com/allyblahblah)
喺今時今日嘅經濟,股票及證券市場已經成為不可缺少嘅一部份。但你又知唔知道,原來股票市場係由荷蘭人發明?
阿姆斯特丹證券交易所 (Amsterdam Stock Exchange) 係目前世界上最古老嘅「現代」證券市場。喺1602年由荷蘭東印度公司 (Dutch East India Company; 荷蘭語 Verenigde Oostindische Compagnie)成立。一開頭只係做股票同債券嘅交易。
咁一開頭開設股票同證券交易市場嘅目的係咩呢?話說喺17世紀嘅時候,荷蘭人係出咗名嘅貿易商同航海家,而阿姆斯特丹又係當時歐洲出咗名最大嘅港口。所以當時荷蘭人就經常利用海路將香料同埋貴重物品由印度帶到阿姆斯特丹。
雖然荷蘭人航海經驗豐富,由印度開船到歐洲嘅「成功率」都只係大約一半左右。對於有錢人來講,偶爾沉一艘船其實好小事;但對於一般生意人/普通人來講,沉船到不得之了啦,成副身家都可以冇晒。後來就有人發明左股票市場,允許每個人購買少量嘅股票,咁樣就唔需要一個人承擔所有損失,以此幫助商人同埋貿易商重建對投資嘅信心。
最開頭嘅阿姆斯特丹證券交易所,就建立喺阿姆斯特丹市中心嘅 Dam Square。原本係一個露天嘅交易市場,後來經過重建。2000年 Amsterdam Stock Exchange 同比利時嘅Brussels Stock Exchange 合併,成為 Euronext Amsterdam。
筆者早兩年有入去參觀過,的確係一棟非常古老嘅建築。話說其中一個大會議廳,好多年前係唔俾女人進入,但好多高層嘅秘書都係女人,結果每次一開會,你有啲秘書就只能夠坐喺會議廳隔離一個好細嘅房,仔細地聽開會內容同埋寫會議紀錄。都真係好誇張呀!
由於英國脫歐嘅關係,2021年頭開始,阿姆斯特丹嘅 Euronext Amsterdam 已經取替倫敦成為歐洲最大嘅證券交易所。雖然法國巴黎、德國法蘭克福、意大利米蘭同埋愛爾蘭都柏林等等嘅金融市場都因為 Brexit 受惠不少,不過好多金融、銀行業嘅生意都過晒嚟阿姆斯特丹。主要原因包括荷蘭人英文好、公司稅務有優惠,同埋好多本身喺倫敦有業務嘅公司都會喺阿姆斯特丹有辦公室。
繼續留意本專頁同Patreon,了解更多歐洲/荷蘭狀況!
(圖二:阿姆斯特丹市中心嘅 Euronext Amsterdam;圖三:Euronext Amsterdam 建築內部[網上圖片];圖四:17世紀嘅阿姆斯特丹證券交易所[網上圖片])
@ Amsterdam, Netherlands
同時也有3部Youtube影片,追蹤數超過134萬的網紅Point of View,也在其Youtube影片中提到,เปิดบัญชี StockRadars กับ บล.กรุงศรี ที่ https://bit.ly/2HT3lk4 หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://facebook.com/stockradars - - - - - - - - - - - - - ...
「east india company」的推薦目錄:
- 關於east india company 在 Ally Blah Blah Facebook 的最讚貼文
- 關於east india company 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於east india company 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於east india company 在 Point of View Youtube 的精選貼文
- 關於east india company 在 狼爸爸的工作室 Youtube 的最讚貼文
- 關於east india company 在 Kento Bento Youtube 的精選貼文
- 關於east india company 在 The East India Company - Home | Facebook 的評價
east india company 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
British East India บริษัทที่เติบโต และล่มสลาย ใน 274 ปี / โดย ลงทุนแมน
ระบบทุนนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจระดับประเทศ ว่าด้วยการที่บริษัทเอกชน
มีเสรีภาพที่จะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตทั้งสินค้าและบริการ
และแน่นอนว่าบริษัทเหล่านี้ มีเป้าหมายตรงกันคือ “การแสวงหาผลกำไร”
หนึ่งในวิธีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบทุนนิยมคงไม่พ้นการศึกษาประวัติศาสตร์
วันนี้เรามารู้จักกับบริษัทที่เคยดำเนินกิจการมายาวนานกว่า 274 ปี
และมีการพึ่งพาระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม จนสามารถเติบโต
กลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปในช่วงเวลาหนึ่ง
บริษัทนี้ มีชื่อว่า “British East India Company”
แล้วบริษัทแห่งนี้ ทำธุรกิจอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
บริษัท British East India ก่อตั้งขึ้นจากการร่วมทุนระหว่างพ่อค้าและชนชั้นสูงในประเทศอังกฤษ
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1600 ผ่านการพระราชทานตราตั้งบริษัท โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1
British East India มีลักษณะธุรกิจคือ การเดินเรือไปยังประเทศแถบตะวันออก
ซึ่งประเทศแรกก็คือ ประเทศอินเดีย โดยบริษัทแห่งนี้จะเข้าไปหาซื้อสินค้า
เพื่อนำกลับมาขายที่ประเทศอังกฤษ รวมถึงอีกหลายประเทศแถบยุโรป
อย่างไรก็ตาม British East India ไม่ได้เพียงแต่จะหาสินค้าเพื่อนำเข้ามาตีตลาดเท่านั้น
แต่บริษัทมีแนวคิดในการผูกขาดสินค้าต่าง ๆ เพื่อโอกาสที่จะสร้างกำไรสูงที่สุดให้กับบริษัทอีกด้วย
โดยการที่จะผูกขาดการค้าได้นั้น British East India ต้องควบคุมเส้นทางการค้าสำคัญให้ได้ก่อน
ในสมัยนั้นก็คือ “เส้นทางเดินเรือ”
รวมถึงต้องใช้อำนาจในการผลักดันสินค้าให้เป็นที่รู้จักของชาวตะวันตก
เพื่อให้สินค้าที่นำเข้ามาขายกลายเป็นสินค้าสามัญประจำบ้านที่คนทั่วไปขาดไม่ได้
ซึ่งบริษัทแห่งนี้ก็ทำได้ไม่ยาก เพราะได้รับการสนับสนุน และการอำนวยความสะดวกจากรัฐบาล
แล้ว British East India เดินเรือไปนำสินค้าอะไรกลับมาจากอินเดียบ้าง ?
บริษัทได้เริ่มเข้าไปล่าอาณานิคมบริเวณ “อนุทวีปอินเดีย” ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ประเทศอินเดีย ไปจนถึงหมู่เกาะอินโดนีเซีย โดยอนุทวีปอินเดียแห่งนี้ ถือเป็นแหล่งผลิตสินค้าสำคัญ เช่น ผ้าฝ้ายอินเดีย เครื่องเทศ รวมถึงแรงงานทาสราคาถูก
และด้วยความที่ผ้าฝ้ายอินเดียมีลักษณะพิเศษ คือ มีน้ำหนักเบา ทำความสะอาดได้รวดเร็วและราคาถูก
บริษัท British East India จึงได้ไอเดียที่จะผลักดันให้คนอังกฤษหันมาใช้ผ้าฝ้ายอินเดีย
ซึ่งสมัยนั้นถือเป็นสินค้าแปลกใหม่ และยังไม่เคยมีชาวอังกฤษคนไหนรู้จักมาก่อน
บริษัทใช้วิธีการโฆษณาเพื่อบ่งบอกถึงสรรพคุณ รวมถึงนำไปเปรียบเทียบกับสินค้าดั้งเดิมอย่าง
“ผ้าขนแกะ” ที่นิยมใช้กันที่ประเทศอังกฤษ โดยได้อ้างว่าผ้าฝ้ายจากอินเดียดีกว่า และถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ในขณะเดียวกันก็ได้นำเสนอชาวอังกฤษว่า ผ้าฝ้ายอินเดียยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับเครื่องแต่งกาย ผ้าเช็ดหน้า ไปจนถึงผ้าปูเตียง ซึ่งมีความหลากหลายในการนำไปประยุกต์ใช้
ทำให้หลังจากนั้นชาวอังกฤษเริ่มหันมาให้ความสนใจกับผ้าฝ้ายอินเดีย จนกระทั่งมันได้กลายมาเป็นวัตถุดิบสำคัญในประเทศอังกฤษ
และด้วยความที่ British East India มีพันธมิตรเป็นรัฐบาล บริษัทจึงมีอำนาจการปกครองกองกำลังเรืออังกฤษภายในประเทศอินเดีย
นั่นหมายความว่าบริษัทสามารถกีดกัดบริษัทเดินเรือรายอื่นจนสามารถทำกำไรได้มหาศาลเพราะไร้คู่แข่ง และเรื่องนี้เองก็ได้นำมาสู่ความรุ่งเรืองของบริษัท จนในช่วงนั้น British East India ถือเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
ต่อมา บริษัทก็ยังเฟ้นหาแหล่งผลิตสินค้าสามัญ ที่เหมือนกับผ้าฝ้ายอินเดีย
เพื่อนำไปขายทำกำไรต่อที่อังกฤษและประเทศแถบยุโรปตะวันตก
ยกตัวอย่างวัตถุดิบสำคัญเช่น เครื่องเทศ, ใบชาอินเดีย (ชาอัสสัม), สีย้อมผ้า, เกลือ และดินประสิว
และเมื่ออำนาจทางกองเรือจักรวรรดิอังกฤษ ได้ขยายอาณาเขตเข้าไปสู่เอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บริษัท British East India ก็ได้นำกองกำลังทหารเรืออังกฤษมาควบคุมเส้นทางเดินทะเลในอาณาเขตที่ขยายไปด้วยจนทำให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศล่าอาณานิคมอื่น ๆ
ยกตัวอย่างเช่น การปะทะกันของกองเรืออังกฤษ กับกองเรือของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ของฝรั่งเศส
บนหมู่เกาะเครื่องเทศ ในปี ค.ศ. 1804 รวมถึงการยึดเกาะชวาจากเนเธอร์แลนด์ ในปี ค.ศ. 1811
ความสำเร็จจากอินเดีย ได้ทำให้ British East India มองไปยังเป้าหมายใหม่ ซึ่งจุดหมายปลายทางต่อไป ก็คือ ประเทศจีน
โดยสินค้าสำคัญที่บริษัทเล็งเห็นคือ ผ้าไหมดิบ, เครื่องกระเบื้อง และใบชาของจีน ซึ่งก็ถูกนำไปขายในทวีปยุโรปในเวลาต่อมา
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็ต้องบอกว่า British East India เป็นบริษัทที่มีส่วนสำคัญ
ที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมต่าง ๆ ในยุโรปหลายประเทศ ซึ่งสินค้าหลายตัวก็มีให้เราพบเห็นในปัจจุบัน
ยกตัวอย่างเช่น ชาเอิร์ลเกรย์
ที่จริง ๆ แล้ว มีต้นกำเนิดมาจากชาดำเจิ้งซานเสียวจ่ง จากประเทศจีน
แต่ก็ได้ถูกชาวอังกฤษนำไปผสมกับน้ำมันมะกรูด
จนกลายมาเป็นชาเอิร์ลเกรย์ ที่เรารู้จักกันอยู่ในทุกวันนี้
นอกจากชาเอิร์ลเกรย์แล้ว ก็ยังมีเบียร์อินเดียเพลเอล (IPA) และเหล้าจินโทนิค จากประเทศอินเดีย อีกเช่นกัน
แต่ในอีกมุมหนึ่ง British East India ก็ได้สร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคม
โดยเฉพาะในประเทศอินเดีย และประเทศขนาดเล็กอื่น ๆ ที่อยู่ใต้อาณานิคม
รวมไปถึงการผลักดันสินค้าอันตราย เพื่อหวังแต่การทำกำไร เช่น
การนำเข้ายาเสพติดประเภทฝิ่นในประเทศจีน และเอเชียตะวันออก
จนเป็นชนวนทำให้เกิดสงครามฝิ่น (Opium War) ระหว่างจีนกับอังกฤษในสมัยต่อมา
แล้ว British East India มีจุดจบอย่างไร ?
การที่บริษัท British East India ที่ใช้ระบบทุนนิยม แต่กลับต้องพึ่งพารัฐบาลจากอังกฤษมากเกินไป
จนไม่ต่างอะไรไปจากผู้ผูกขาด ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม
ในวันที่เศรษฐกิจของอังกฤษรุ่งเรือง ทุกอย่างก็ดีไปหมด
แต่ในวันที่ไม่เป็นแบบนั้น British East India ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
หลังจากที่บริษัทแห่งนี้ทำธุรกิจมาได้ยาวนานกว่า 200 ปี
เศรษฐกิจของจักรวรรดิอังกฤษก็เริ่มฝืดเคือง สืบเนื่องจากการเริ่มมีกลุ่มผู้ต่อต้านการขยายอำนาจของอาณานิคมอังกฤษ จนเกิดการกบฏอยู่หลายต่อหลายครั้ง
รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการทำสงครามต่าง ๆ ที่อังกฤษต้องเผชิญในช่วงนั้น
ยกตัวอย่างเช่น สงครามฝิ่นกับประเทศจีน หรือสงครามไครเมียกับจักรวรรดิรัสเซีย
นั่นจึงทำให้ประเทศอังกฤษต้องหันไปขูดรีดเหล่าประเทศที่อยู่ใต้อาณานิคม มากขึ้นกว่าเดิม
ด้วยการเพิ่มภาษี ขึ้นราคาสินค้าสามัญที่ผูกขาด บังคับให้เกิดสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่าง ๆ
เหตุการณ์สำคัญต่อมา คือ การเกิดกลุ่มกบฏเพื่อเอกราชของอินเดียครั้งยิ่งใหญ่ (The Great Mutiny)
ซึ่งเป็นการรวมตัวของ กลุ่มชาตินิยมของอินเดีย ที่เริ่มออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านบริษัท British East India และอาณานิคมอังกฤษ
เรื่องนี้จึงทำให้รัฐบาลอังกฤษ ต้องทำการลดทอนอำนาจของบริษัท British East India ลง
เพื่อเข้าไปบริหารธุรกิจและการปกครองในประเทศอินเดียเองทั้งหมด
ซึ่งนั่นทำให้ British East India ต้องถึงจุดล่มสลาย จากพระราชบัญญัติรัฐบาลอินเดีย ค.ศ. 1858 ที่ออกมาภายหลังกบฏอินเดีย ว่าด้วยอำนาจการปกครองอนุทวีปอินเดีย ให้บริษัท British East India มาขึ้นกับราชสำนักอังกฤษโดยตรง
หลังจากนั้น บริษัท British East India จึงได้ปิดตัวลง ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1874
และกลายเป็นกรณีศึกษาของบริษัทที่เติบโต และล่มสลาย ภายใน 274 ปี
ที่ก็เรียกได้ว่าเป็นรากฐานการวิวัฒนาการของระบบทุนนิยมในช่วงเริ่มต้น ให้เราได้ศึกษากัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-หนังสือ British East India Company โดยคุณปรีดี หงษ์สตัน
-บทความชุด “ความรุ่งเรืองและถดถอย ของ บริษัทบริติชอีสต์อินเดีย” เขียนโดย ดร.ทศพร มะหะหมัด
-https://www.matichon.co.th/columnists/news_1132417
-https://en.wikipedia.org/wiki/East_India_Company
-http://www.polsci-law.buu.ac.th/pegjournal/document/3-1/6.pdf
east india company 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
เนเธอร์แลนด์ ประเทศเล็ก ๆ แต่พัฒนาถึงขีดสุด / โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงเนเธอร์แลนด์ หลายคนคงนึกถึง กังหันลมและดอกทิวลิป
แต่เรื่องที่หลายคนอาจยังไม่รู้ก็คือ เนเธอร์แลนด์ ยังเป็นประเทศที่สร้างนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่หลายอย่างของโลก มาตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา
นวัตกรรมเด่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากประเทศแห่งนี้ มีอะไรบ้าง
และทำไมประเทศเล็ก ๆ อย่างเนเธอร์แลนด์ ถึงสร้างนวัตกรรมระดับโลกได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เนเธอร์แลนด์ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปฝั่งตะวันตก
ซึ่งคำว่า “เนเธอร์” นั้น แปลว่า “ต่ำ”
เนเธอร์แลนด์ จึงแปลได้ตรง ๆ ว่า แผ่นดินที่ต่ำ
โดยสาเหตุที่ได้ชื่อแบบนี้ก็เพราะว่า พื้นที่กว่า 1 ใน 3 ของประเทศนั้น อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล
ข้อมูลจาก World Bank ในปี 2019 ระบุว่า
เนเธอร์แลนด์ มี GDP เท่ากับ 28 ล้านล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 17 ของโลก
และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรเท่ากับ 1.6 ล้านบาทต่อปี สูงเป็นอันดับที่ 11 ของโลก
ขณะที่มีพื้นที่ประเทศ 41,865 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเล็กกว่าพื้นที่ประเทศไทย 12 เท่า
แม้จะเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่เนเธอร์แลนด์กลับเป็นประเทศที่สามารถสร้างสิ่งที่สำคัญ ๆ ให้แก่โลก อย่างที่เราอาจไม่รู้มาก่อนว่า เกิดจากประเทศแห่งนี้
หนึ่งในรากฐานที่สำคัญในการพัฒนานวัตกรรมของเนเธอร์แลนด์
มาจากการให้ความสำคัญกับเรื่อง “การศึกษา”
ในช่วงศตวรรษที่ 16 ดินแดนเนเธอร์แลนด์ยังถูกปกครองโดยราชสำนักสเปนซึ่งนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก แตกต่างจากชาวดัตช์ส่วนใหญ่ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งล้วนเป็นพ่อค้าที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์
ด้วยความที่เนเธอร์แลนด์เป็นเมืองท่าที่สำคัญ เหล่าพ่อค้าจึงถูกขูดรีดภาษีจากสเปนจำนวนมาก
เมื่อทนไม่ไหว ท้ายที่สุดชาวดัตช์จึงรวมตัวกันขับไล่ผู้ปกครองชาวสเปน
จนสามารถก่อตั้งสาธารณรัฐดัตช์ที่เป็นอิสระได้สำเร็จ
และมีผู้ปกครองคนแรกคือ วิลเลิมแห่งออเรนจ์
แต่สิ่งที่เหล่าพ่อค้าชาวดัตช์เรียกร้องจากผู้ปกครองหลังแยกตัวออกจากสเปน
ไม่ใช่การยกเลิกภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ แต่กลับเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อสร้างองค์ความรู้..
Leiden University มหาวิทยาลัยแห่งแรกของเนเธอร์แลนด์จึงได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1575
โดยเป็นจุดเริ่มต้นขององค์ความรู้ต่าง ๆ ทั้งด้านการแพทย์ พฤกษศาสตร์ และเกษตรกรรม
ซึ่งปัจจุบันมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็ได้กลายมาเป็น มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในเรื่องนวัตกรรมและการสร้างผลงานวิจัยระดับแถวหน้าของยุโรป
แล้วนวัตกรรมสำคัญ ๆ ที่ถูกคิดค้นโดยชาวดัตซ์ มีอะไรบ้าง
เรามาเริ่มต้นด้วยเรื่องนวัตกรรมทางด้านการเงิน การลงทุนกันก่อน..
รู้ไหมว่า ชาวดัตช์เป็นชนชาติแรก ๆ ที่ได้คิดค้นนวัตกรรม "หุ้น" ขึ้นมา
โดยตลาดหุ้นที่ดำเนินกิจการมายาวนานที่สุดในโลก คือตลาดหุ้นอัมสเตอร์ดัม
ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์มาตั้งแต่ปี 1601 หรือ 420 ปีที่แล้ว
1 ปีหลังจากจัดตั้งตลาดหุ้น รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้มีการจัดตั้งบริษัท The Dutch East India Company หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า VOC (ซึ่งมาจากชื่อบริษัทในภาษาด้ตช์ Vereenigde Oostindische Compagnie) เพื่อทำธุรกิจค้าขายกับต่างประเทศ
VOC ยังถือเป็นบริษัทข้ามชาติแห่งแรกของโลกอีกด้วย บริษัทนี้ผูกขาดการค้ากับเอเชียเป็นเวลาเกือบสองศตวรรษ และเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีอิทธิพลต่อการค้าของโลกในยุคต่อมา
ไม่เพียงเท่านั้น การระดมทุนของ VOC เพื่อเข้าตลาดหุ้นในปี 1602 ยังเป็นการเสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อประชาชน หรือที่เรียกว่า Initial Public Offering หรือ IPO เป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์โลกการเงินอีกด้วย
ชาวดัตซ์ยังเป็นชนชาติแรกที่ริเริ่มแนวคิด การวิเคราะห์หลักทรัพย์ทางเทคนิค หรือ การใช้กราฟเพื่อคาดการณ์ราคาหลักทรัพย์ ในปี 1688
และเป็นชนชาติแรกที่ริเริ่มการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1774
พูดง่าย ๆ ว่า ความยิ่งใหญ่ของตลาดการเงิน การลงทุน และตลาดหุ้นในวันนี้
มีจุดเริ่มต้นมาจากเนเธอร์แลนด์นั่นเอง..
ต่อมา คือการสร้างนวัตกรรมเกี่ยวกับภาคเกษตรกรรม
การที่มีพื้นที่กว่า 1 ใน 3 อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ทำให้ชาวดัตช์มีความเชี่ยวชาญเรื่องการจัดการน้ำและการชลประทานมาอย่างยาวนาน ซึ่งต่อยอดมาเป็นเกษตรกรรมล้ำสมัยในปัจจุบัน
รู้ไหมว่าเนเธอร์แลนด์ ชาติที่มีพื้นที่เพียง 41,865 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเล็กกว่าประเทศไทย 12 เท่า แต่กลับสามารถส่งออกสินค้าเกษตรโดยมีมูลค่ามากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา
โดยในปี 2019
มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรของเนเธอร์แลนด์นั้นมีมูลค่ากว่า 3.5 ล้านล้านบาท
ทุกวันนี้ 1 ใน 3 ของการส่งออกพริก มะเขือเทศ และแตงกวาทั่วโลกนั้น ล้วนมาจากเนเธอร์แลนด์ และยังเป็นประเทศที่ส่งออกดอกไม้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก
โดยมีมูลค่ามากกว่า 138,000 ล้านบาท
ทั้งรัฐบาล สถาบันการศึกษา และบริษัทในภาคเอกชน ต่างร่วมกันทำวิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้านการเกษตรและอาหาร
โดยใช้ทรัพยากรและปัจจัยการผลิตให้น้อยที่สุด
เกษตรกรชาวดัตช์ นำแนวคิดเรื่อง การทำเกษตรด้วยความแม่นยำสูง (Precision Farming)
ที่มีการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยวิเคราะห์ค่าเคมีของดิน ปริมาณน้ำ สารอาหาร สำหรับใช้ในการเจริญเติบโตของพืชอย่างละเอียด
นอกจากนวัตกรรมทางด้านการเงินและด้านเกษตรกรรมแล้ว
เนเธอร์แลนด์ยังคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ด้านนวัตกรรมอีกหลายอย่าง
ที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนบนโลกใบนี้ตั้งแต่อดีตเรื่อยมา
ไม่ว่าจะเป็น
- กล้องไมโครสโคป ถูกผลิตโดย Hans และ Zacharias Jansen 2 พ่อลูกชาวดัตช์ ในปี 1590
- เทปคาสเซตต์ ถูกพัฒนาขึ้นโดย Philips ผู้ผลิตเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติดัตช์ ในปี 1960
- สัญญาณ Bluetooth มีผู้ร่วมพัฒนาเป็นวิศวกรชาวดัตช์ที่ชื่อว่า Jaap Haartsen ในปี 1990
- สัญญาณ Wi-Fi ถูกพัฒนาและใช้งานอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 1998 ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์
เนเธอร์แลนด์ก่อตั้งประเทศจากผู้คนที่เลือกใฝ่หาความรู้ มีความพยายามต่อสู้กับทั้งธรรมชาติและผู้รุกราน แต่ความสำเร็จต่าง ๆ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าขาดความร่วมมือร่วมใจกันระหว่างภาครัฐบาล ภาคการศึกษา สถาบันวิจัย และภาคเอกชน ซึ่งล้วนให้ความสำคัญกับการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ไปพร้อมกัน
ในวันนี้ เนเธอร์แลนด์มีมหาวิทยาลัย Wageningen University & Research
เป็นมหาวิทยาลัยด้านเกษตรกรรมอันดับ 1 ของโลก ที่ได้ให้ความช่วยเหลือในการจัดตั้งบริษัทเทคโนโลยีด้านเกษตรกรรมชั้นนำมากมาย
มีบริษัท Philips ที่ได้ต่อยอดจากบริษัทเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์กลายมาเป็นบริษัทเครื่องมือแพทย์ชั้นนำของโลก
และบริษัท ASML บริษัทผลิตเครื่องจักรที่ใช้สำหรับการพิมพ์ลายลงบนชิป
ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของอุตสาหกรรมชิปทั่วโลก
ความมุ่งมั่นและทุ่มเททางด้านนวัตกรรมของเนเธอร์แลนด์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนานทำให้ ประเทศเล็ก ๆแห่งนี้ กลายมาเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสูงที่สุดประเทศหนึ่งของโลก
หากย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 16
คงต้องขอบคุณเหล่าพ่อค้าชาวดัตช์ ถึงแม้จะถูกขูดรีดภาษีมานาน แต่กลับเลือกไม่ขอยกเลิกภาษีจากผู้ปกครอง แล้วเลือกขอสร้างมหาวิทยาลัยเพื่อต่อยอดองค์ความรู้
พ่อค้าเหล่านี้อาจมองการณ์ไกลมาถึง 400 ปีข้างหน้า
ว่าการลงทุนที่ดีที่สุด คงจะเป็นอะไรไม่ได้ นอกจาก “การลงทุนในความรู้”..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.stock2morrow.com/article-detail.php?id=2175&read_meta=%7B%22label%22%3A%22articlepage_number1%22%2C%22group%22%3A%22NA%22%7D
-https://en.wikipedia.org/wiki/Netherlands
-https://investinholland.com/news/10-inventions-didnt-know-dutch/
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Dutch_inventions_and_innovations
-https://humboldt.global/top-agricultural-exporters/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Euronext_Amsterdam
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?locations=NL
-Measuring-Innovation-in-Education-Netherlands.pdf (oecd.org)
east india company 在 Point of View Youtube 的精選貼文
เปิดบัญชี StockRadars กับ บล.กรุงศรี ที่ https://bit.ly/2HT3lk4
หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://facebook.com/stockradars
- - - - - - - - - - - - - -
อ้างอิง
- Dyck, J. (2019, October 25). When The Dutch Ruled The World: Rise and Fall of the Dutch East India Company. Retrieved November 07, 2020, from https://medium.com/bc-digest/when-the-dutch-ruled-the-world-rise-and-fall-of-the-dutch-east-india-company-57813dae4e72
- Harari, Y. N. (2019). Sapiens: A brief history of humankind. London: Vintage.
Petram, L., & Richards, L. M. (2014). The world's first stock exchange. New York: Columbia Business School Publishing.
- Smith, B. M., & Smith, B. M. (2004). A history of the global stock market: From ancient Rome to Silicon Valley. Chicago: University of Chicago.
- ภัคอธิคม, จ. (2548). ประวัติอารยธรรมกรีกและโรมัน. กรุงเทพ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
- ภูวภัทรพร, ว. (n.d.). ประวัติลัทธิเศรษฐกิจ.
- - - - - - - - - - - - - -
ติดต่องาน : [email protected] (งานเท่านั้น)
ทางไปซื้อสติกเกอร์ line http://line.me/S/sticker/1193089 และ https://line.me/S/sticker/1530409
ทางไปซื้อ วรรณคดีไทยไดเจสต์ http://godaypoets.com/thaidigest
ติดตามคลิปอื่นๆ ที่ http://www.youtube.com/c/PointofView
ติดตามผลงานอื่นๆได้ที่
https://www.facebook.com/pointoofview/
twitter @pointoofview
หรือ
IG Point_of_view_th
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ฟัง นิทานไทย วรรณคดีไทย สนุกๆ https://www.youtube.com/playlist?list=PLfqt6BlTNYnWUtrSsqOEiTjxVsJH_WBJl
ฟังเรื่องเกี่ยวกับ รามเกียรติ์ รามายณะ https://www.youtube.com/playlist?list=PLfqt6BlTNYnXfrgoQ5GVLgbjpzgOWplHi
-
0:00 เกริ่นนำ
1:05 จุดกำเนิดระบบการแลกเปลี่ยน
4:33 สมัยกรีก-โรมัน
10:24 ยุคการสำรวจทางทะเล
13:48 จุดกำเนิดการซื้อขายหุ้น
21:06 จุดกำเนิดตลาดหุ้น
25:07 นวัตกรรมใหม่ในการเทรดหุ้น
east india company 在 狼爸爸的工作室 Youtube 的最讚貼文
“越多人加入这个投机的游戏, 它的价格上串的越快, 不停上串的价格吸引着越多的投机者加入, 千年以来, 始终不变的是人性中的贪婪。”
这是一个300多年前, 人类历史上一个色彩鲜艳的时期,和其中的一个小故事, 在这里面, 我们人类的本性扮演了极其重要的角色。
#荷兰东印度公司 #郁金香泡沫
参考资料:
http://museum.wa.gov.au/explore/dirk-hartog/voc-united-dutch-east-india-company
https://www.zhihu.com/question/31007197
https://www.rijksmuseum.nl/en/rijksstudio/timeline-dutch-history/1602-trade-with-the-east-voc
https://itunes.apple.com/cn/podcast/how-an-austrian-economist-explains-the-tulip-bubble/
https://baike.baidu.com/item/郁金香泡沫/5143656
https://www.visualcapitalist.com/most-valuable-companies-all-time/
http://www.thebubblebubble.com/tulip-mania/
http://www.coinsay.com/article/coinsay_7152.html
https://www.fool.com/investing/general/2012/08/22/a-history-of-ridiculously-big-companies.aspx
https://en.wikipedia.org/wiki/Dutch_East_India_Company
https://zh.wikipedia.org/wiki/鬱金香狂熱
http://museum.wa.gov.au/explore/dirk-hartog/voc-united-dutch-east-india-company
https://zh.wikipedia.org/wiki/香料贸易
背景音乐:
https://www.youtube.com/c/NCMEpicMusic
east india company 在 Kento Bento Youtube 的精選貼文
Official Kento Bento Merch: https://standard.tv/kentobento
Support us on Patreon: https://patreon.com/kentobento
Twitter: https://twitter.com/kentobento2015
Facebook: https://facebook.com/kentobento2015
Business Inquiries: kentobento@standard.tv
Other videos you may like:
Has KFC Conquered Asia?: https://youtu.be/4iYt9eINS8M
These Events Will Happen in Asia in 2020: https://youtu.be/qrataK7FxRA
These Events Will Happen In Asia Before 2050: https://youtu.be/2VAtKVCTA5k
Where Are The Asian Borders?: https://youtu.be/vPupwlZlNMY
10 REASONS Why Asians Don't Get FAT: https://youtu.be/xIqJR6xfMro
Mighty Mug: http://bit.ly/2tjjkzI
Music:
Brandon Maahs: brandonmaahs.com
A Himitsu: https://soundcloud.com/a-himitsu
Channel Description:
We do videos on intriguing & thought-provoking Asiany topics, including stereotypes, history, culture & geography.
Credits:
Researcher/Writer/Narrator/Video Editor: Kento Bento
Official Cheerleader: Nina Bento
————————————————————————————————————————
[HAS MCDONALD'S CONQUERED ASIA?]
If McDonald's were a country, it's revenue would make it the 105th largest economy in the world, surpassing the GDP of Estonia, Cambodia & Afghanistan.
The number of McDonald's employees worldwide would be more than the entire population of Iceland, Barbados and Samoa.
It's a big company, but it wasn't always that way.
McDonald's was founded on May 15th, 1940 in San Bernardino, California - that's over 77 years ago - and has since expanded to a 120 countries and territories around the world, serving 68 million customers each day.
It took 27 years for the first McDonald's to appear outside of the US, and 31 years to make it's way to a second continent.
THIS continent was Asia, and in this video I'm going to take you through the next 46 years of McDonald's' Asian ascension.
So, which Asian country was the FIRST to open a McDonald's? What did McDonalds have to sacrifice in order compete with local markets? And how much of Asia is there still left to conquer, as of today?
We'll get into all of that, so grab a double cheeseburger (maybe some fries), and we'll explore every Asian country to have ever had a McDonald's.
Welcome to McAsia.
Some notable McDonald's branches in Asian countries are:
- McDonald's Japan for being the first Asian McDonald's ever.
- McDonald's Singapore for having the oldest McDonald's employee worldwide at 93 years old.
- McDonald's Malaysia for being the first McDonald's in a Muslim-majority country.
- McDonald's Turkey for being the first McDonald's in West Asia (Middle East).
- McDonald's South Korea to be the first to sell alcohol (beer).
- McDonald's Russia for having the largest McDonald's outlet in Asia in Pushkin Square, Moscow.
- McDonald's Israel for having the healthiest McDonald's in the world.
- McDonald's Saudi Arabia for oddly taking out a full page ad in a Saudi national newspaper swearing loyalty to the new crown prince.
- McDonald's India for being the first McDonald's in South Asia, as well as having the first vegetarian McDonald's in the world.
- McDonald's Pakistan for having served the Taliban at one point in time.
- McDonald's Georgia for having the chain's most exquisite outlet.
- McDonald's Iraq for only having ONE McDonald's outlet for the US Army stationed in Baghdad.
- McDonald's Kazakhstan for being the first McDonald's in Central Asia.
east india company 在 The East India Company - Home | Facebook 的美食出口停車場
The East India Company · 1,134 people checked in here · http://www.theeastindiacompany.com/ · +44 20 3205 3380 · Retail Company · Price Range · $$$. ... <看更多>