เปิดวิธีคิดเศรษฐกิจจีน ถอยหลังเพื่อไปต่อจริงหรือ ?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลาดจีนในช่วงเวลานี้ มีหลายคำถามที่นักลงทุนกำลังรอฟังคำตอบ
ลงทุนแมน ได้ร่วมพูดคุยกับ 2 ผู้เชี่ยวชาญตลาดจีนของกองทุนบัวหลวง
นั่นคือ ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา ตำแหน่ง Chief Economist ของกองทุนบัวหลวง
และ คุณทนง ขันทอง ตำแหน่ง Head of Strategic Communications ของกองทุนบัวหลวง
ใน Clubhouse เมื่อวันพุธที่ 21 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา
ประเด็นสำคัญของตลาดจีนในช่วงเวลานี้ จะเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เริ่มต้นกันที่.. ภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่ผ่านมา
ประเทศจีนมี GDP ไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 18.3% (YoY) โตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เป็นผลมาจากนโยบายการคลังแบบผ่อนคลายจากวิกฤติโควิด 19, การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมช่วงปลายปี 2563 และภาคการค้าส่งออกตลอดช่วงต้นปี 2564
ขณะที่ล่าสุด GDP ไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ 7.9% (YoY)
หากมองในแง่ของนักลงทุน ต้องยอมรับว่า เราผ่านช่วงเวลาที่เป็นจุดพีกของจีนกันไปแล้ว
แต่ในแง่ของพื้นฐานประเทศจีน ยังถูกมองว่าเป็น The Most Outstanding อยู่ดี
ที่น่าสนใจคือ ธนาคารกลางจีน (PBOC) พยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
เช่น การปรับลดอัตราการดำรงเงินสำรอง (RRR) เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไปยังกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบ ให้ยังคงอยู่รอดต่อไปได้
ดังนั้น หากเราเห็นว่าจีนกำลังลดสภาพคล่อง ความจริงแล้วสภาพคล่องยังคงมีอยู่ในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก และบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าความท้าทายของจีน ยังมีอยู่อีกมาก
เช่น ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดตลาด และปัญหาเรือ Ever Given ขวางคลองสุเอซ ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการค้าส่งออกจีน หรือปัญหาการปรับตัวสูงของสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมจีน
แล้วตอนนี้ ความท้าทายจากปัจจัยภายนอก เป็นอย่างไร ?
สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือ เรื่องความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ที่เริ่มต้นมาจากการประชุม Alaska Summit ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่กำลังคุกรุ่นต่อเนื่องมาจากสงครามการค้า และประเด็นด้านเทคโนโลยี ตั้งแต่สมัยที่ ดอนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี ต่อเนื่องไปจนถึง สิทธิของแรงงานในซินเจียง
นอกจากนี้ ยังมีประเด็น Cyber Security ที่ทางสหรัฐอเมริกามีการอ้างว่าจีนได้ส่งแฮกเกอร์เข้าไปล้วงข้อมูลจาก Microsoft Exchange อีกด้วย
โดยทางกองทุนบัวหลวงมองว่าประเด็นทางด้าน Geopolitics เหล่านี้จะไม่กระทบกับภาคเศรษฐกิจจีน
เนื่องจากจีนพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก แต่ถ้าเป็นในเชิงด้านการลงทุนก็อาจกระทบกับตลาดการลงทุนได้บ้าง
ส่วนประเด็นสำคัญเรื่องความตึงเครียดระหว่างจีนกับประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ ในขณะนี้ คือ สหรัฐอเมริกามีการร่วมมือกับกลุ่มประเทศ G7 เพื่อสกัดกั้นการก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกของจีน
เนื่องจากตอนนี้จีนกำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งในเรื่องขนาดเศรษฐกิจ เทคโนโลยี ปริมาณการค้าที่จีนเป็นคู่ค้าสำคัญของโลก และเมื่อตลาดเงินตลาดทุนใหญ่ขึ้น บทบาทของเงินหยวนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งจะไปมีผลกับกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของโลกต่อไป เช่น ระบบชำระเงิน Digital Banking หรือสินทรัพย์ดิจิทัล
พูดง่าย ๆ ว่าตอนนี้เหมือนเป็นการต่อสู้ระหว่าง “โลกทุนนิยมจากฝั่งตะวันตก” และ “โลกอำนาจนิยมจากจีน”
เพื่อแย่งชิงการเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ของโลก นั่นเอง
ขณะเดียวกัน จีนเองก็พยายามสร้างสัมพันธ์กับรัสเซียและประเทศกำลังพัฒนาอย่างเช่น ประเทศในกลุ่มแอฟริกา ลาตินอเมริกา และประเทศตามเส้นทางสายไหม
รวมไปถึงการพัฒนาภายในประเทศเองเพื่อให้คนในประเทศหลุดพ้นจากความยากจน
โดยความคาดหวังของจีนในระยะยาว คือ ต้องการให้ประเทศมีฐานะร่ำรวยปานกลาง (Moderately Prosperous Society) สร้างพลังการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ให้คนในประเทศเป็นคนชนชั้นกลาง ส่วนภาคแรงงานจะมีค่าแรงเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักให้ประชากรจีนมีกำลังซื้อ มีความมั่งคั่ง กินดีอยู่ดีมากขึ้น และเติบโตได้ในระยะยาว
แล้วตอนนี้ ปัจจัยภายในจีน กำลังเจอความท้าทายใดบ้าง ?
จีนพยายามพัฒนาประเทศมาอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากแผนพัฒนาฯ ของจีน เช่น
- แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ จนเกิดปัญหาการเก็งกำไรภาคอสังหาริมทรัพย์
- แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 การส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิต Made in China 2025 จนเกิดปัญหาสงครามการค้าจีน-สหรัฐอเมริกา ที่เรียกว่า Trade War
จะเห็นได้ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีน มักจะตามมาด้วยปัญหาต่าง ๆ
ทำให้จีน เริ่มมองหาทางเดินใหม่ ๆ ด้วยการลดความสำคัญของตัวเลข GDP สูง ๆ
แต่จะเน้น “ความเป็นสังคมอยู่ดี กินดี ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เข้ามาแทนที่
จึงมีความเป็นไปได้ว่า เส้นทางเดินใหม่ของจีนจะมุ่งไปสู่ 2 กลุ่มหลัก นั่นคือ
- กลุ่มการเติบโตแบบมีคุณภาพ (Quality Growth) เช่น ภาคธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลพิษ และทำให้ประเทศจีนมีคุณภาพที่ดีขึ้น
- กลุ่มเศรษฐกิจภายในประเทศ (Domestic Economies) เช่น ธุรกิจด้านการบริโภคภายในประเทศ
เราจึงเห็น แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 มียุทธศาสตร์วงจรคู่ขนาน (China’s Dual Circulation)
ที่คงความสำคัญของปัจจัยภายนอก เช่น การค้าส่งออก ไปพร้อมกับปัจจัยภายในประเทศ เช่น อุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ
ดังนั้น ความท้าทายของปัจจัยภายในจีนก็คือ พลังของการบริโภคภายในประเทศ ที่จะมาจากการทำให้ประชากรจีนมีรายได้สูงขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างทั่วถึง นั่นเอง
อีกหนึ่งประเด็นก็คือ การเข้ามาควบคุมกิจการเทคโนโลยีของจีน
สาเหตุหลักเป็นเพราะ รัฐบาลจีนต้องการจะเป็นเจ้าของ Big Data ที่อยู่ในมือของธุรกิจภาคเอกชน
จึงทำให้ธุรกิจเอกชนยักษ์ใหญ่ที่มี Big Data อย่าง Ant Group ที่ให้บริการการเงินครบวงจร หรือ DiDi แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่ที่มีข้อมูลการเดินทางของคนจีนจำนวนมาก จึงถูกรัฐบาลจีนเข้ามาจัดระเบียบอย่างที่ทราบกัน
สรุปแล้ว ช่วงเวลานี้ ควรลงทุนในตลาดจีนอย่างไร ?
ต้องยอมรับว่า การลงทุนในประเทศจีนช่วงนี้ อาจให้ผลตอบแทนได้ดีไม่เท่ากับตลาดอื่น ๆ
แต่ถ้าตาม Seasonal Pattern แล้ว ตลาดหุ้นจีนจะกลับมา Perform อีกครั้งในตอนช่วงท้ายปี
ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนมักจะให้น้ำหนักต่อการเคลื่อนไหวของตลาดจีนก็คือ นโยบายของภาครัฐ ที่จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจระยะยาว รวมทั้งจุดเด่นของจีนที่มักจะพูดจริง ทำจริง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งประเทศที่ทำตาม KPI ของตัวเองได้ดี
ดังนั้น หากนักลงทุนเชื่อมั่นในประเทศจีนในภาพระยะยาว
จังหวะที่ตลาดหุ้นจีนลงมามาก ๆ ก็น่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการเก็บสะสมหุ้นจีนแบบระยะยาวได้
ซึ่งหนึ่งวิธีที่จะลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดจีนตอนนี้ ก็คือการลงทุนแบบ DCA
เป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ทำให้นักลงทุนไม่ต้องสนใจภาวะตลาด ณ ตอนนั้น เนื่องจากเป็นการทยอยเข้าไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการลงทุนแบบนี้จะฝึกให้นักลงทุนมีวินัยในการลงทุนมากขื้น
ส่วน Theme การลงทุนที่น่าสนใจ ควรสอดคล้องกับนโยบาย Dual Circulation Economic
อย่างในกลุ่ม Domestic Play ที่จะได้ประโยชน์จากจำนวนประชากรจีนที่จะมีกำลังซื้อมากขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นการเติบโตรอบใหม่ของจีน
เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว, ธุรกิจกีฬา, ธุรกิจการศึกษา, ธุรกิจเครื่องดื่ม
สรุปได้ว่า ช่วงเวลานี้ หากจะลงทุนระยะยาวในตลาดจีน ก็เป็นจังหวะที่ดีให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนในบริษัทพื้นฐานดีที่มีราคาถูกกว่ามูลค่าจริง นั่นเอง
ในส่วนของกองทุนบัวหลวง มีกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนเป็นแบบ Dynamic โดยส่วนหนึ่งได้มอบหมายให้ Allianz Global Investors Asia Pacific Limited เป็นผู้รับดำเนินงานการลงทุนในต่างประเทศของกองทุน (Outsourced Fund Manager) ซึ่งในส่วนนี้ก็มีการลงทุนผ่านกองทุน 2 กองทุน คือ กองทุน Allianz China A-Shares และกองทุน Allianz All China Equity และยังมีอีกส่วนที่กองทุนบัวหลวงคัดเลือกลงทุนหุ้นรายตัวเอง
นั่นก็หมายความว่า กองทุน B-CHINE-EQ ไม่ได้อิงผลตอบแทนของดัชนีประเทศจีน
แต่ยังมีการลงทุนธุรกิจพื้นฐานดีรายตัวในประเทศจีน ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยง และเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวให้กับนักลงทุนได้ นั่นเอง
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過70萬的網紅Spice N' Pans,也在其Youtube影片中提到,Even though pork trotter vinegar (or pig’s trotter vinegar 猪脚醋) is commonly served as confinement food, anyone can enjoy this dish. This video is ki...
digital banking in asia 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
สังคมไร้เงินสด จะนำไปสู่ สังคมไร้บัตร หรือไม่ ? / โดย ลงทุนแมน
เป็นที่รู้กันว่า การใช้จ่ายแบบไม่ใช้เงินสด กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
โดยการไม่ใช้เงินสดก็มีช่องทางให้เลือกที่หลากหลาย เริ่มตั้งแต่บัตรเครดิตและบัตรเดบิต
จนมาถึงแอปพลิเคชันและกระเป๋าเงินดิจิทัลบนสมาร์ตโฟน
แล้วการใช้จ่ายแบบไม่ใช้บัตรเหล่านี้
จะมีโอกาสมาแทนที่บัตรแบบดั้งเดิมหรือไม่ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
การใช้จ่ายแบบไม่ใช้เงินสด
ในช่วงแรกจะเป็น “ยุคบัตรพลาสติก”
โดยเริ่มมาจากบัตรเครดิตในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงปลาย 1950s
และก็มีบัตรเดบิตตามมา ในอีกไม่กี่ทศวรรษ
ประเทศที่ใช้บัตรกันอย่างแพร่หลาย
จนกลายเป็นช่องทางหลักในการใช้จ่าย
ก็คือกลุ่มประเทศที่มีความก้าวหน้าทางการเงินสูง
อย่างเช่น ประเทศต้นกำเนิดบัตรอย่างสหรัฐอเมริกา รวมถึงในทวีปยุโรป
หรือในเอเชีย ตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, เกาหลีใต้, ไต้หวัน และสิงคโปร์
ซึ่งกลุ่มประเทศเหล่านี้ การใช้จ่ายผ่านบัตรได้รับความนิยมมานาน
จนในปัจจุบัน มีสัดส่วนประชากรที่มีบัตรเครดิตมากเป็นครึ่งหนึ่ง
ของประชากรทั้งหมดในประเทศ
ขณะที่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในสมัยนั้น มีความก้าวหน้าทางการเงินที่ช้ากว่า
อย่างเช่นในจีน, อินเดีย และประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย
การใช้จ่ายผ่านบัตรจึงไม่ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง สัดส่วนการใช้บัตรจึงยังมีน้อย
โดยเฉพาะบัตรเครดิต ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว กลุ่มคนที่มีบัตรเครดิต คิดเป็นไม่ถึง 10% ของประชากร
นั่นอาจเป็นเพราะว่า การสมัครบัตรเครดิต จะมีเงื่อนไขบางอย่าง
อย่างเช่น หลักฐานการได้รับเงินเดือนย้อนหลัง
หรือเกณฑ์เงินฝากในบัญชีขั้นต่ำ
รวมไปถึงมีการคิดค่าธรรมเนียมด้วย
ต่อมาเมื่อเข้าสู่ช่วงที่อินเทอร์เน็ตได้เข้ามาปฏิวัติโลก
โดยเฉพาะยุครุ่งเรืองของดอตคอมในช่วง 1990s
ช่องทางในการซื้อขาย ได้เพิ่มจากทางหน้าร้าน มาเป็นผ่านหน้าเว็บไซต์ออนไลน์ด้วย เช่นกัน
จุดนี้เอง ก็ได้กลายเป็นตัวเร่งให้มีการใช้บัตรจนกลายมาเป็นที่นิยมมากขึ้น
และไม่กี่ปีหลังจากนั้น ก็ได้มีทางเลือกใหม่ สำหรับใครที่ไม่ใช้บัตร
นั่นก็คือ PayPal ซึ่งถือว่าเป็นแพลตฟอร์มชำระเงินออนไลน์รายแรก ๆ ของโลก
ซึ่งบัญชีของ PayPal จะผูกกับบัญชีธนาคาร และใช้ PayPal เป็นช่องทางโอนและรับเงินที่ทำได้ทั้งในประเทศไปจนถึงระหว่างประเทศ
มาถึงตรงนี้ การใช้จ่ายแบบไม่ใช้เงินสด จึงเริ่มเข้าสู่ “ยุคไร้บัตร”
และเมื่อมาถึงยุครุ่งเรืองของสมาร์ตโฟน
ก็ได้มีการพัฒนาระบบใช้จ่ายแบบไร้บัตรในอีกรูปแบบหนึ่งเพิ่มเข้ามา
นั่นก็คือการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งจะคล้ายกับการจ่ายด้วยแอปพลิเคชันของธนาคารไทยที่เราคุ้นเคย
ตัวอย่างเช่น Venmo ที่ในภายหลัง PayPal ได้เข้ามาซื้อกิจการไป
หรือ Cash App แอปพลิเคชันของบริษัท Square ฟินเทคที่มีผู้ก่อตั้งคนเดียวกับ Twitter
ซึ่งทั้งคู่ต่างใช้วิธีเดียวกัน นั่นคือการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันที่ผูกกับบัญชีธนาคาร
ส่วนกระเป๋าเงินดิจิทัล เกิดมาจากการที่เหล่าผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม
ต่างต้องการสร้าง Ecosystem เพื่อใช้จ่ายในเครือข่ายแพลตฟอร์มทั้งหมดของตัวเอง
อย่างเช่น Apple Pay และ Google Pay
แต่ในกลุ่มประเทศที่บัตรเป็นที่นิยมมานาน
แม้ว่าจะมีช่องทางการชำระเงินออนไลน์แบบอื่น ๆ เพิ่มเข้ามา และมีอัตราการเติบโตที่สูง แต่บัตรก็ยังเป็นที่นิยมมากที่สุดอยู่ดี
ซึ่งส่วนหนึ่งก็สะท้อนได้จาก บริษัทฟินเทคที่ยังให้ความสำคัญกับบัตรอยู่
อย่างในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นประเทศที่ใช้เงินสดน้อยเป็นอันดับ 5 ของโลก
ฟินเทคยักษ์ใหญ่อย่าง Square ที่แม้จะมี Cash App แต่ผลิตภัณฑ์หลักก็เริ่มมาจาก Square Reader
ที่เป็นอุปกรณ์สี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ใช้เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนเพื่อรับชำระเงินด้วยบัตร
ไปจนถึงเครื่องรับบัตรตามร้านค้า ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าเครื่องรับบัตรของธนาคาร
หรืออย่างเกาหลีใต้ ประเทศที่ใช้เงินสดน้อยที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
แม้กระเป๋าเงินดิจิทัลของแอปพลิเคชันแช็ตอันดับหนึ่งอย่าง KakaoPay จะได้รับความนิยมสูงมาก จนเป็นรองเพียงบัตรของธนาคารใหญ่ไม่กี่เจ้า
แต่ด้วยความที่คนเกาหลีใต้ยังนิยมใช้บัตร KakaoPay จึงออกบัตรเดบิตที่ผูกกับบัญชี KakaoPay ควบคู่ไปด้วย
ถ้าอย่างนั้น เจ้าตลาดในยุคไร้บัตร คือใคร ?
คำตอบก็คือกลุ่มประเทศที่สัดส่วนประชากรที่เข้าไม่ถึงบริการของธนาคาร
หรือมีบัญชีธนาคารแต่ไม่เคยใช้บริการด้านอื่น ยังมีอยู่มาก
เลยทำให้จำนวนคนที่ใช้บัตรมีน้อย
ซึ่งเมื่อโลกได้มุ่งสู่การใช้จ่ายแบบออนไลน์มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อไม่มีบัตร
ช่องทางการชำระเงินที่เลือกใช้ จึงเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลและแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน
ตัวอย่างประเทศในกลุ่มนี้ก็เช่น จีน, อินเดีย รวมถึงประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยเฉพาะจีนและอินเดีย เป็นสองประเทศที่มีสัดส่วนของกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงธนาคาร มากที่สุดในโลก
ในขณะเดียวกัน ก็มีสัดส่วนการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลสูงที่สุด
และแม้ว่าจีนจะยังไม่ใช่ประเทศที่ใช้เงินสดน้อยที่สุดในเอเชีย
แต่จีนก็ได้กลายเป็นเจ้าตลาดการใช้จ่ายแบบไร้บัตรที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว
ซึ่งจุดเริ่มต้น เกิดขึ้นหลังจากที่ฝั่งตะวันตกได้รู้จัก PayPal ไปประมาณ 5 ปี
คนจีนก็ได้รู้จักกับ Alipay ที่เป็นต้นตำรับของกระเป๋าเงินดิจิทัล
ในตอนนั้นอีคอมเมิร์ซอย่าง Alibaba ได้พัฒนา Alipay เพื่อเป็นแพลตฟอร์มใช้จ่าย
สำหรับซื้อของออนไลน์แบบไม่ต้องใช้บัตร จนต่อยอดมาเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล
รวมถึงแอปพลิเคชันเพื่อใช้จ่ายผ่านสมาร์ตโฟนด้วย
จนในปี 2013 Alipay สามารถแซง PayPal ขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มชำระเงินบนสมาร์ตโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้สำเร็จ
โดยในแถบเอเชียนั้น นอกจากเหตุผลเรื่องคนเข้าถึงบริการจากธนาคารไม่มากแล้ว
การใช้จ่ายแบบไร้บัตรยังเติบโตได้อย่างรวดเร็วตามการเติบโตของแพลตฟอร์ม
อย่างอีคอมเมิร์ซ, แช็ต, เรียกรถ หรือสั่งอาหาร
ในประเทศจีน เช่น Alipay และ WeChat Pay
ในประเทศอินเดีย เช่น Paytm
ในประเทศกลุ่มอาเซียน เช่น GrabPay, ShopeePay และ GoPay
ทำให้ในปัจจุบัน เอเชียแปซิฟิก ได้กลายเป็นภูมิภาคเดียวในโลก
ที่สัดส่วนการใช้จ่ายเมื่อซื้อของออนไลน์
มาจากช่องทางกระเป๋าเงินดิจิทัลมากที่สุด
และได้แซงการใช้บัตรไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งการเติบโตของการใช้จ่ายแบบไร้บัตร ก็ทำให้คนเริ่มตั้งคำถามว่า
หรือ Cashless Society จะกลายเป็น Cardless Society ไปด้วย
สำหรับคำตอบของเรื่องนี้ ถ้ามาดูในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสดน้อยสุดในโลก
จะพบว่าในประเทศเหล่านั้น บัตรยังคงเป็นช่องทางหลักในการใช้จ่ายอยู่
หรือถ้าลองหาคำตอบจากเรื่องใกล้ตัว จะพอเห็นได้ว่า
การใช้จ่ายแบบไร้บัตร ยังมีข้อจำกัดในบางเรื่อง
อย่างเช่นเวลาจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนแบบตัดเงินอัตโนมัติ
หรือการซื้อขายของแบบข้ามประเทศ ก็ยังต้องใช้บัตรอยู่
แม้จะมี PayPal ที่เป็นช่องทางไร้บัตรแบบสากล
แต่ในแถบบ้านเราก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก
และยังรวมไปถึงบางคนที่ถ้าต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ การใช้บัตรยังรู้สึกปลอดภัยมากกว่า เช่นกัน
นอกจากนั้นบัตรเครดิต ยังมีโมเดลธุรกิจที่จะหักเงินส่วนหนึ่งจากร้านค้า
เพื่อให้ธนาคารผู้ออกบัตรมาทำส่วนลดโปรโมชัน เพื่อให้ผู้ใช้บัตรรู้สึกคุ้มค่า
และในมุมมองของผู้บริโภค การจ่ายด้วยบัตรเครดิต จะเป็นการได้สินค้าหรือบริการมาก่อน แล้วค่อยจ่ายเงินทีหลังในวันที่ครบกำหนด
ดังนั้นสำหรับผู้ที่มีบัตรเครดิต ก็มักเลือกที่จะใช้บัตรเครดิตก่อนช่องทางอื่น ๆ เพราะมีสิทธิประโยชน์มากกว่า
นั่นคงทำให้เราพอสรุปได้ว่า สังคมไร้เงินสด จะยังไม่ได้กลายเป็นสังคมไร้บัตรในเร็ววันนี้
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว การชำระเงินแต่ละช่องทาง ก็มีจุดเด่นที่ต่างกันไป
แถมยังคอยเสริมจุดอ่อนของกันและกันไปในตัว
แม้แต่ธนาคารเอง ที่ถึงจะโดนดิสรัปต์จากการใช้จ่ายแบบไร้เงินสด
แต่แพลตฟอร์มเหล่านั้นโดยส่วนใหญ่ ยังคงต้องผูกกับบัญชีธนาคารอยู่ดี..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.bcg.com/publications/2020/southeast-asian-consumers-digital-payment-revolutions
-https://asia.nikkei.com/Editor-s-Picks/FT-Confidential-Research/Mobile-payments-sideswipe-credit-cards-in-Southeast-Asia
-https://www.rapyd.net/resource/asia-pacific-ecommerce-and-payments-guide/
-https://www.techinasia.com/future-southeast-asias-mobile-wallets
-https://www.mckinsey.com/industries/financial-services/our-insights/joining-the-next-generation-of-digital-banks-in-asia
-https://www.mckinsey.com/industries/financial-services/our-insights/banking-matters/digital-commerce-and-the-rise-of-alternative-payments-methods
-http://documents1.worldbank.org/curated/en/332881525873182837/pdf/126033-PUB-PUBLIC-pubdate-4-19-2018.pdf
-https://www.jpmorgan.com/merchant-services/insights/reports/thailand-2020
digital banking in asia 在 อ้ายจง Facebook 的精選貼文
หมดเวลา “รอ” ได้เวลา “เริ่ม”
มองหาโอกาสบนความเปลี่ยนแปลงในจีนหลัง COVID-19
.
ในสถานการณ์ COVID-19 ที่ไม่มีทีท่าจะเบาบางลง การรอคอยให้วิกฤติผ่านพ้นไปเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ใช่คำตอบในเวลานี้ การ “เริ่ม” ปรับ ธุรกิจให้เข้ากับโลกหลัง COVID-19 จึงเป็นสิ่งจำเป็น
อ้ายจงซึ่งได้รับเชิญเป็น 1 ใน Speaker ของงานสัมมนาออนไลน์มาพูดคุยและเสวนากันในประเด็นการตลาดและธุรกิจในจีน ภายใต้ชื่องาน The Rising of Chinese Tourist Forum จัดโดย Digilink Thailand โดยจะมีงานในวันที่ 23 นี้ ซึ่งจุดประสงค์หนึ่งของงานนี้ คือเพื่อให้คนไทยได้อัปเดตเรื่องราวการตลาดและธุรกิจในจีน พร้อมทั้งเตรียมธุรกิจไทยให้พร้อมสำหรับเศรษฐกิจจีนที่กำลังฟื้นตัว
.
ก่อนที่งานสัมมนาจะเริ่มขึ้น เรามาพบกับเรื่องราวเรียกน้ำย่อยกันก่อน ว่า จีน 'เริ่ม' อะไรไปแล้วบ้าง
.
# เริ่ม...เข้าสู่ Digital Transformation แบบเต็มตัว
วิกฤติโควิด-19 ทำให้สมาร์ทโฟนเข้ามามีบทบาทในทุกภาคธุรกิจ รวมไปถึงการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่หน้าร้านออนไลน์ ระบบขนส่ง การ Check-in โรงแรมจนถึงการจ่ายเงินแบบ cashless และ contactless เช่นธุรกิจส่งอาหาร ร้าน grocery ออนไลน์ รวมไปถึงการเข้าถึงข้อมูลของแบรนด์ต่าง ๆ และการกดรับโปรโมชัน เก็บคูปองไว้ในมือถือเพื่อใช้เมื่อเดินทาง
.
หลายบริษัทในจีนใช้จังหวะนี้ก้าวปรับตัวเข้าสู่ Digital Transformation แบบเต็มตัว อย่างแบรนด์ luxury เช่น Gucci และ Louis Vuitton ก็เปิดช่องทางขายบน WeChat ทำให้สามารถรักษาฐานลูกค้าเก่า และขยายฐานลูกค้าใหม่บนโลกออนไลน์ได้
.
# เริ่ม...ใส่ใจเรื่องสุขภาพ และครอบครัว
จากการศึกษากับกลุ่มตัวอย่าง 700 คน ของ McKinsey นอกจาก COVID-19 จะทำให้ตลาด e-commerce ในจีนจะเติบโตแบบก้าวกระโดดแล้ว การระบาดยังเปลี่ยนต่อทัศนคติของคนจีน ในช่วงวัย 20-30 ปีที่ไม่เคยเห็นวิกฤติเศรษฐกิจในระดับโลกมาก่อน สินค้าที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงในอนาคต เช่น ยารักษาโรค อาหารสุขภาพ วิตามิน อุปกรณ์ออกกำลังกาย และประกันชีวิต มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอีก
.
โอกาสของธุรกิจไทย คือการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคสินค้าในกลุ่ม Gen Y โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ และเด็ก ซึ่งมีความเสี่ยงต่อไวรัสโคโรน่า จะมีความตื่นตัวในเรื่องสุขภาพสูงกว่ากลุ่มอื่น
.
ในด้านของการท่องเที่ยว ทางททท. ยังให้ข้อมูลว่าหลัง COVID-19 กระแส wellness ทำให้การท่องเที่ยวแนว medical tourism ได้รับความนิยม โดยไม่ใช่เพียงเที่ยวเพื่อการรักษาในสถานพยาบาลเท่านั้น แต่ยังเป็นการท่องเที่ยวเพื่อการบำรุงสุขภาพ และพักผ่อนจากความเครียด ปลายทางของ medical tourism จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่เงียบสงบ
.
# เริ่ม...สื่อสาร และกระตุ้นความอยากของผู้บริโภค
ในระยะที่ประเทศจีนเริ่มฟื้นตัว ความต้องการในการบริโภคก็เริ่มฟื้นตัวด้วย นี่เป็นช่วงเวลาที่ “ใครเริ่มก่อน ได้เปรียบ” ในช่วงเวลานี้
.
มากกว่าแค่การลงสินค้าบน T-Mall หรือการพึ่งตัวแทนขายในประเทศจีน ถึงเวลาที่แบรนด์จะต้องสร้างบ้านที่แข็งแรงบน social media จีนเพื่อให้สื่อสารกับลูกค้าได้ตลอด ไม่ว่าจะอยู่ในวิกฤติใด สร้างฐานลูกค้าผู้พักดีในระยะยาว โดยเฉพาะ WeChat ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด และใช้เป็นช่องทางขายได้ยกตัวอย่างเช่นแบรนด์ Mistine ในประเทศจีน ที่สามารถสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแรงทั้งบน WeChat และ Little Red Book (ภาษาจีนเรียก เสี่ยวหงซู 小红书)
.
การทำแคมเปญสื่อสารแต่เนิ่น ๆ ทำให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลไปทำโฆษณาแบบ remarketing ได้ต่อ และเป็นการขยายฐานลูกค้าอีกด้วย
.
# เริ่ม...ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ถึงแม้จีนจะถูกมองว่าเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ปลอย CO2 มากเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่คนรุ่นใหม่ก็เริ่มมีความพยายามลุกขึ้นมา ใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น กว่า 70% ของกลุ่มสำรวจยอมรับว่าซื้อสินค้า eco – friendly มากขึ้นในช่วงโควิด เพราะเริ่มมีความตระหนักถึงสังคมรอบตัวมากขึ้นกว่าเดิมตลาด eco-friendly จึงนับเป็นตลาดใหม่ในจีนที่น่าจับตามอง
.
จากเทรนด์นี้ การใส่ความ รักษ์โลก ลงไปในสินค้า หรือบริการ ก็เป็นทางหนึ่งที่ช่วยเพิ่มคุณค่าให้แบรนด์ไทยได้ เช่นการใช้วัสดุธรรมชาติเป็นบรรจุภัณฑ์ หรือ การสร้างเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
.
ขอช่วยทางผู้จัดงาน PR กันตรงๆเลยแล้วกัน ^^
หมดเวลารอ ให้วิกฤตผ่านพ้น ได้เวลาเริ่ม ปรับตัวสู่โลกหลัง COVID-19 เริ่มก่อนได้เปรียบ อยากรู้ insight ตลาดจีนหลัง COVID-19 ตามกันต่อได้ที่งาน The Rising of Chinese Tourist Forum
“The Rebound of Chinese Travelers, The Reborn of Thai Economy”
พบกัน...ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2020 เวลา 9:00 – 17:30 น.
ลงทะเบียนฟรีที่: https://bit.ly/DigilinkForum
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Inbox: https://bit.ly/DigilinkInbox
.
อ้างอิงจาก:
https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/business-maker/china-covid-ep1.html
https://www.weforum.org/agenda/2020/06/entrepreneurs-must-embrace-digital-during-pandemic-for-society/
https://www.mckinsey.com/featured-insights/asia-pacific/fast-forward-china-how-covid-19-is-accelerating-five-key-trends-shaping-the-chinese-economy
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #การตลาดจีน
digital banking in asia 在 Spice N' Pans Youtube 的最佳解答
Even though pork trotter vinegar (or pig’s trotter vinegar 猪脚醋) is commonly served as confinement food, anyone can enjoy this dish.
This video is kindly brought to you by Cordlife Group Limited. They own the largest network of cord blood banks in Asia with full fledge cord blood and cord tissue banking facilities in Singapore, Malaysia, Hong Kong, Philippines, Indonesia and India. They also have marketing presence in Myanmar, Vietnam and Bangladesh. If you are or someone in your family is expecting a baby, do remember to gather more information about the benefits of banking the cord blood, cord lining and cord tissue of your baby because these precious resources must be collected at birth. Get more information from Cordlife (www.cordlife.com) so that you can make an informed decision before the arrival of your baby. Subscribe to Cordlife Singapore Youtube channel for more confinement food recipes: https://www.youtube.com/CordlifeSingapore
In case you didn’t know, in Chinese tradition, women who just delivered a baby will go through a month-long confinement period so that she can get adequate rest and let her body recover from childbirth. During this confinement period, women are encouraged to steer clear of certain daily tasks and certain food. They are also encouraged to increase the intake of certain food ingredients such as ginger, black vinegar, sesame oil and rice wine, etc, which are deemed beneficial for their health.
This pork trotter vinegar recipe we used in this video is from a very experienced confinement nanny who has taken care of hundreds of women on confinement and their babies. The ingredients used in this recipe are believed to be able to help mothers heal and regain their strength faster.
See the ingredient list below for your easy reference. Hope you can recreate this yummy dish in the comfort of your home. Happy cooking!
------------------
Ingredients:
Serves 6
Ingredients
• 1 bottle or 750ml of black vinegar (Recommended brand to use: www.wangwang.sg/product/chan-kong-thye-black-sweet-rice-vinegar-750ml-%E5%8F%8C%E6%96%99/)
• ½ bottle of water (use the black vinegar bottle)
• 200g ginger
• 1 pig trotter
• 100-200g gula melaka or palm sugar
• 2 tablespoons sesame oil
• 6 hard-boiled eggs
• A pinch of salt
----------
Stalk us!
Youtube: www.youtube.com/spicenpans
Facebook www.facebook.com/spicenpans/
Instagram www.instagram/spicenpans
Blog: www.spicenpans.com
Chat with us!
info@spicenpans.com
Thanks for watching! See you soon.
-----------------------------------
If you like this recipe, you might like these too:
Super Easy Potatoes w/ Minced Pork 马铃薯炒肉碎
https://youtu.be/pYn9NTJgjw4
Simplified Recipe: Chinese Pork Belly w/ Preserved Vegetables (Mei Cai) 梅菜扣肉
https://youtu.be/Kkn5YU3TWwo
Super Easy Taiwanese Braised Pork Rice Recipe 台湾卤肉饭
https://youtu.be/hqcVtqGoRG0
------------
Filming equipment:
iPhone 11 Pro Max (Get from Amazon https://amzn.to/3eA24tz)
Microphone: Sennheiser AVX digital wireless microphone system
Get microphone in Singapore:
https://singapore.sennheiser.com/products/avx-mke2-set-3-uk?_pos=2&_sid=adb86a9d8&_ss=r
Get microphone from Amazon:
https://amzn.to/2NILqMR
-----------------------------------
Disclaimer: Spice N' Pans is not related to these products and cannot guarantee the quality of the products in the links provided. Links are provided here for your convenience. We can only stand by the brands of the products we used in the video and we highly recommend you to buy them. Even then, preference can be subjective. Please buy at your own risk. Some of the links provided here may be affiliated. These links are important as they help to fund this channel so that we can continue to give you more recipes. Cheers!
digital banking in asia 在 KengKawiz Youtube 的精選貼文
ทันไอที : อัปเดตข่าวกระชับ ครบ จบที่เดียว
: 00:06 Vivo S1 Pro จัดเต็มกล้องหลัง 4 ตัว จอใหญ่ แบตเยอะ เปิดให้จองแล้วที่ราคา 9,999 บาท (อ่านข่าวเต็ม : https://droidsans.com/vivo-s1-pro-price-announced/?fbclid=IwAR0sIy81KWOINrHa42k27HI6qy35npwCoB3LZlIgiwz5xplVGwnPv662cAA )
: 01:32 Galaxy Note 10+ Star Wars Edition เตรียมขายต้อนรับกระแสหนังแล้วแล้วเท่สุดๆ (อ่านข่าวเต็ม : https://news.samsung.com/us/samsung-announces-galaxy-note10-star-wars-special-edition/ )
: 04: 10 มือถือ 7หมื่นใครว่าแพงไป หลังเปิดขายไม่กี่นาที Huawei Mate X ก็หมดเกลี้ยง (อ่านข่าวเต็ม : https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/taiwan-halts-sales-of-three-huawei-phones-in-wording-row?fbclid=IwAR2f0ug2Hia3aUW3h9wpBMt8yW38NQofqsZYnnpuFiamzuCJIav1I0gqc5I )
: 06: 48 ไปเที่ยวญี่ปุ่น-สิงคโปร์ใช้แอป KBank จ่ายเงินผ่าน QR Code ได้แล้ว (อ่านข่าวเต็ม : https://www.kasikornbank.com/th/personal/Digital-banking/kplus/functions/QRCode-oversea/Pages/Qrcode-japan.html?fbclid=IwAR25keTV4ziszCYxHldrTTMO_9QCK2A1JibN-C9nBFaSo057spA5UWRHccw )
8 โมงเช้า จ.-ศ. กับ Kengkawiz
#IT #tech #update #news