บราซิล ประเทศที่มีพร้อมทุกอย่าง แต่ยังไปไม่ถึงจุดหมาย / โดย ลงทุนแมน
ประเทศที่เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 5 สมัย มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก
และมีประชากร 220 ล้านคน มากเป็นอันดับ 5 ของโลก เช่นกัน..
ด้วยพื้นที่ 8.5 ล้านตารางกิโลเมตร เกือบเท่าประเทศจีน
บราซิลจึงมีเขตเกษตรกรรมกว้างใหญ่ไพศาล ที่ให้ผลผลิตทั้งถั่วเหลือง กาแฟ และอ้อย
ซึ่งบราซิลล้วนส่งออกผลิตผลเหล่านี้เป็นอันดับ 1 ของโลก
บราซิลยังมีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย
ทั้งเหล็ก ทองแดง น้ำมัน และป่าไม้ แม่น้ำสายใหญ่ที่มีปริมาณน้ำมหาศาลก็สามารถนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรมในราคาถูก
จากทั้งหมดที่กล่าวมา ดูเหมือนว่า ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่บราซิลจะก้าวขึ้นเป็นประเทศรายได้สูง และถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
เมื่อปี 2011 ชาวบราซิลมี GDP ต่อหัวเป็น 2.4 เท่า ของคนไทย
คนบราซิล มี GDP ต่อหัว 397,400 บาท
ในขณะที่ชาวไทยมี GDP ต่อหัวเพียง 164,800 บาท
แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากปี 2011 GDP ต่อหัวของบราซิลก็ไปไม่ถึงจุดนั้นอีกเลย
แล้วยังลดลงเรื่อย ๆ จากวิกฤติเงินเฟ้อ และถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤติการระบาดของโควิด 19 อย่างหนักหน่วงในปี 2020
ปี 2020 IMF คาดการณ์ว่า GDP ต่อหัวของชาวบราซิลจะเหลือเพียง 193,500 บาท
ซึ่งน้อยกว่าชาวไทยที่คาดว่าจะมี GDP ต่อหัว 218,900 บาทไปแล้ว..
อย่างไรก็ตาม วิกฤติครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของบราซิล
เพราะประเทศนี้ผ่านวิกฤติใหญ่ ๆ มาถึง 3 ครั้ง
เส้นทางของบราซิลเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เพื่อทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด บทความนี้จะขอเริ่มเล่าเรื่องราวนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของประเทศบราซิล..
จักรวรรดิบราซิลก่อตั้งในปี ค.ศ. 1822 โดยจักรพรรดิเปดรูที่ 1 เจ้าชายโปรตุเกสที่หนีการยึดครองของจักรพรรดินโปเลียนในยุโรปมาตั้งอาณาจักรใหม่ที่อาณานิคมบราซิล
และแยกขาดจากโปรตุเกสอย่างสมบูรณ์
ด้วยภูมิประเทศทางตอนใต้ของบราซิลที่เป็นที่ราบสูงขนาดใหญ่ และภูมิอากาศที่เหมาะสมกับการปลูกกาแฟ เศรษฐกิจของบราซิลจึงรุ่งเรืองมาจากการเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่สำคัญของโลก โดยลูกค้าส่วนใหญ่คือประเทศในยุโรปตะวันตก
เมื่อบราซิลเปลี่ยนการปกครองมาเป็นสาธารณรัฐ ในปี ค.ศ. 1889
การขยายพื้นที่ปลูกกาแฟอย่างมหาศาลทางตอนใต้ก็ดึงดูดแรงงานทั้งชาวอิตาลีและชาวญี่ปุ่น ให้มาตั้งรกรากนับล้านคน โดยในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 บราซิลส่งออกกาแฟคิดเป็นสัดส่วน 76% ของโลก
ไม่ใช่เพียงผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ บราซิลยังส่งออกทั้งยางพารา น้ำตาล และถั่วเหลือง อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ความมั่งคั่งนี้กระจุกอยู่กับชนชั้นนำเจ้าของไร่ ซึ่งล้วนเป็นลูกหลานของคนผิวขาวชาวโปรตุเกส ในขณะที่ประชากรส่วนใหญ่ซึ่งเป็นผู้อพยพล้วนมีฐานะยากจน
ซึ่งความเหลื่อมล้ำนี้ ก็ยังกลายเป็นมรดกตกทอดมาจนถึงยุคปัจจุบัน
แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าความเหลื่อมล้ำ
คือในระหว่างที่ประเทศในยุโรปตะวันตกและสหรัฐอเมริกาเริ่มปฏิวัติอุตสาหกรรม เหล่าชนชั้นนำบราซิลซึ่งมีฐานะร่ำรวยเหล่านี้ กลับเลือกที่จะนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรม แทนที่จะนำเงินมาลงทุนสร้างโรงงานเอง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมในบราซิลพัฒนาช้ากว่าของยุโรป
แล้ววิกฤติครั้งแรกก็เริ่มขึ้น..
หลังจากสินค้าเกษตรอย่างเช่น กาแฟ นำความมั่งคั่งมาให้บราซิลเรื่อยมา
แต่เมื่อถึงช่วงทศวรรษ 1930s ซึ่งเป็นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ความต้องการกาแฟในยุโรปก็ลดลงมาก กระทบต่อการส่งออกกาแฟของบราซิลอย่างหนัก
ความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ ทำให้ฝ่ายทหารเข้ามายึดอำนาจในปี ค.ศ. 1930
และปกครองประเทศยาวนาน 16 ปี
บราซิลประสบปัญหาขาดแคลนสินค้าอุตสาหกรรมที่ต้องนำเข้าจากยุโรป
จึงเริ่มนโยบายตั้งโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อผลิตทดแทนการนำเข้า
โดยเริ่มจากอุตสาหกรรมอาหารและสิ่งทอ โดยรัฐบาลพยายามลงทุนเองพร้อมกับกระตุ้นการบริโภคอย่างเต็มที่
ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ปี ค.ศ. 1946 บราซิลมีการเลือกตั้งรัฐบาลพลเรือนอีกครั้ง
เศรษฐกิจที่เคยย่ำแย่ เริ่มกลับมาดีขึ้น โดยมีปัจจัยสำคัญ ก็คือ ประเทศยุโรปที่ฟื้นตัวหลังสงคราม เริ่มทำให้มีความต้องการสินค้าเกษตรและแร่ธาตุจากบราซิลมากขึ้น
เศรษฐกิจของบราซิลเติบโตอย่างสดใส เมื่อประชาชนมีรายได้มากขึ้น ก็เป็นช่วงเติบโตของวงการลูกหนังบราซิล และเป็นช่วงเวลาแจ้งเกิดของนักฟุตบอลระดับตำนานของบราซิล คือ เปเล่
ที่พาทีมชาติบราซิลครองแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1958
ท่ามกลางความสดใส แต่ปัญหาที่รัฐบาลทิ้งเอาไว้ คือ การอุ้มภาคอุตสาหกรรมที่ทดแทนการนำเข้า
นโยบายเช่นนี้เหมือนจะได้ผลดีในช่วงแรก ๆ แต่การพัฒนาที่ล่าช้าของภาครัฐ
กลับทำให้โรงงานเหล่านี้ไม่สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว หลายอุตสาหกรรมล้วนมีเทคโนโลยีที่ล้าหลัง และบุคลากรที่มากเกินความจำเป็น
ท้ายที่สุด การอุ้มภาคอุตสาหกรรมก็ต้องแลกมาด้วยภาระหนี้ก้อนโต
เมื่อรัฐบาลหมดหนทางที่จะหาเงิน สุดท้ายก็หันไปพึ่ง IMF
บราซิลเป็นหนึ่งในประเทศที่กู้ยืมเงินจาก IMF มากที่สุดในโลก
การเป็นหนี้ IMF แลกมาด้วยนโยบายรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจจนทำให้เกิดความวุ่นวาย
แล้วฝ่ายทหารก็เข้ามายึดอำนาจอีกครั้งในช่วงปี ค.ศ. 1964 - ค.ศ. 1985
แล้วก็เหมือนเดิม.. รัฐบาลทหารพยายามลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน กระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน
และควบคุมค่าจ้างแรงงาน มาตรการเหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจบราซิลขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
แต่แฝงไปด้วยปัญหาเชิงโครงสร้าง อย่างเช่น การกระจายรายได้ย่ำแย่ลง และค่าแรงที่ถูกควบคุมให้คงที่ ในขณะที่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากจุดเริ่มต้นนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ ความเหลื่อมล้ำที่สั่งสมมายาวนาน
ทำให้บราซิลกลายเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของอเมริกาใต้..
โชคร้ายที่บราซิลในช่วงเวลานั้นยังไม่ค้นพบแหล่งน้ำมัน และเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่
เมื่อมีการขึ้นราคาน้ำมันครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1970s ประกอบกับผลผลิตกาแฟลดลงจากสภาพอากาศหนาวจัด ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก รัฐบาลจึงต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการจ้างงานเพิ่ม โดยการเพิ่มจำนวนข้าราชการและทหาร
เมื่อรัฐบาลพลเรือนปกครองประเทศอีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1985
บราซิลมีกองทัพที่ใหญ่โต มีข้าราชการเกินความจำเป็นเกือบ 2 เท่า
และมีหนี้สินต่างประเทศมากที่สุดในโลก
ภาระค่าใช้จ่ายมหาศาล ทำให้รัฐบาลบราซิลขาดดุลงบประมาณอย่างหนัก และประสบปัญหาขาดสภาพคล่องในการชำระหนี้คืน จึงมีการพิมพ์เงินออกมาเพื่อแก้ปัญหานั้น
สุดท้าย ก็นำมาสู่ภาวะเงินเฟ้ออย่างหนัก หรือ Hyperinflation
ในช่วง ทศวรรษ 1990s โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1994 ที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นถึง 1,000%
จนกลายเป็นวิกฤติทางการเงินครั้งใหญ่ของประเทศ เป็นครั้งที่ 2
ภาวะเงินเฟ้อสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนต่างชาติ จนเงินทุนไหลออกจากบราซิลอย่างรวดเร็ว สกุลเงิน Real ของบราซิลอ่อนค่าลงอย่างหนักและรวดเร็ว
มาถึงครั้งนี้ หลายคนอาจคิดว่า บราซิลเดินทางมาถึงหายนะแล้ว
แต่เศรษฐกิจบราซิลก็กลับมาได้อีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะยุโรป แต่เป็น “จีน”
การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในช่วงทศวรรษ 1990s - 2000s ทำให้มีความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์มหาศาล เนื่องจากบราซิลเป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ ทั้งแร่ธาตุอย่างเหล็ก ทองแดง ไปจนถึงสินค้าเกษตรอย่าง น้ำตาล ข้าวโพด และกาแฟ
การเติบโตของเศรษฐกิจจีน มาพร้อมกับความต้องการสินค้าจากบราซิลที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก
จนผลักดันให้เศรษฐกิจของบราซิลเติบโตเป็นจรวด
รัฐบาลบราซิลพยายามปฏิรูปการเงิน ปรับเปลี่ยนนโยบายอุตสาหกรรมมุ่งเน้นการส่งออกมากขึ้น จน GDP ของบราซิลเติบโตจนอยู่อันดับ 7 ของโลกในปี 2010
และอยู่ในกลุ่ม 4 ประเทศกำลังพัฒนาที่มีศักยภาพสูง หรือ BRIC
ซึ่งประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน
เมื่อผู้คนมีรายได้มากขึ้น วงการฟุตบอลของบราซิลก็กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง
บราซิลได้เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมฟุตบอลโลกในปี 2014
และมหกรรมโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งแรกของทวีปอเมริกาใต้ในปี 2016
ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี แต่เมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงอย่างมากจากความต้องการของจีนเริ่มอิ่มตัวและลดลง บราซิลซึ่งส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์มากกว่า 60% ของสินค้าส่งออกทั้งหมด
และพึ่งพาจีนถึง 1 ใน 3 ของการส่งออก ก็ต้องประสบกับวิกฤติอีกครั้ง
เมื่อรวมกับการคอร์รัปชันซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมบราซิลมานาน
และการใช้เงินเกินตัวกับการเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬา ไปจนถึงการทุจริตของรัฐบาลในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องตัดลดงบประมาณสวัสดิการ และทำการปรับขึ้นภาษี
ซึ่งทำให้ประชาชนไม่พอใจจนออกมาประท้วงเป็นจำนวนมาก
ในปี 2020 เศรษฐกิจบราซิลที่เปราะบางอยู่แล้ว ถูกซ้ำเติมด้วยการระบาดของโควิด 19
ความเหลื่อมล้ำที่มีมากในสังคมบราซิล ทำให้คนยากจนจำนวนมากที่ป่วยด้วยโรคนี้
ไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ดี บราซิลมีผู้เสียชีวิตจากโควิด 19 เกือบ 280,000 คน
ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก
การระบาดซ้ำเติมกิจกรรมทางเศรษฐกิจของบราซิลอย่างหนัก
จนปี 2020 GDP ของบราซิลหดตัวรุนแรงมากที่สุดในรอบ 120 ปี นับตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20
ไม่มีใครรู้ได้ว่า ท้ายที่สุดแล้ว เศรษฐกิจของประเทศที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้จะเป็นอย่างไร
จะตามรอยเพื่อนบ้านอย่างเวเนซุเอลา และอาร์เจนตินาหรือไม่ ?
เรื่องราวอันยาวนานของเศรษฐกิจบราซิลเป็นบทเรียนที่น่าสนใจ
ตราบใดที่ประเทศยังเน้นการพึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์ จนละเลยการพัฒนาอุตสาหกรรม
มีการคอร์รัปชัน และการใช้เงินเกินตัวของภาครัฐ
ต่อให้ประเทศจะมีพร้อมทุกอย่าง มีทรัพยากรมหาศาลมากแค่ไหน
สุดท้าย ความได้เปรียบเหล่านั้น มันก็อาจไม่ช่วยอะไรเลย..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?locations=BR-TH
-https://www.imf.org/en/Publications/WEO/weo-database/2020/October/weo-report
-https://ditp.go.th/contents_attach/81555/81555.pdf
-http://www.econ.puc-rio.br/uploads/adm/trabalhos/files/td492.pdf
-https://www.globaltimes.cn/content/858786.shtml
-http://www.worldstopexports.com/brazils-top-10-exports/
-https://www.worldbank.org/en/country/brazil/overview
br database 在 加護病房查房日誌 Facebook 的最佳解答
加護病房查房日誌20180720
各位同學應該都有聽過Hydroxyethyl starches這個藥品,他是一種synthetic colloids,像HAES就是。主要由三個數字來辨認,濃度,分子量和取代基,如圖所示,舉例像Hespan is HES 6 percent (600/0.75),可以100%留在血管內(volume effect)和高分子取代0.75。
只是因為腎毒性等因素的影響,現在HES在北美已經不太用了。
老師想問問大家的醫院還用嗎?還是早在2013年sepsis準則出來時,不建議用HES後,大家就不用了呢?
其實腎毒性和molar substitution level有關,越高越容易有腎毒性。
一個2018年很新的觀察型研究中發現,在所有elective surgery 的病人,使用低取代的HES 130/0.4 solution和一般balanced crystalloid solution,術後發生AKI需要洗腎的風險並無顯著相關性。
文獻來源: Anesth Analg. 2018;126(6):1949.
之前有個隨機試驗的統合分析,族群是手術病人,也是發現低取代的HES和其他輸液相比,對於AKI或洗腎也都沒有明顯的差別。
文獻來源:
Anesth Analg. 2013;116(1):35. Epub 2012 Oct 31.
Br J Anaesth. 2014;112(1):25. Epub 2013 Sep 17.
然而資料的結果並非一致,2010年的系統性回顧發現,在混合型手術和非手術的病人族群,發現接受HES的病人有比較高的腎衰竭風險。
文獻來源:
Cochrane Database Syst Rev. 2010 Jan 20;(1):CD007594. doi: 10.1002/14651858.CD007594.pub2.
而且一個大型隨機試驗,共收入7000個重症病人,包括內外科,發現使用低取代的HES 130/0.4 solution和生理食鹽水相比,仍有較高的洗腎風險。(7.0 versus 5.8 percent; RR 1.21, 95% CI 1.00-1.45)
文獻來源:
N Engl J Med. 2012;367(20):1901. Epub 2012 Oct 17.
不只這個問題,HES還會影響血小板活性和降低循環血漿中coagulation factor VIII and von Willebrand factor的濃度,因此可能導致凝集功能下降,需要更多的FFP,cryoprecipitate, and platelets等輸血。
HES products with low molar substitution (eg, pentastarch and tetrastarch)也是對hemostasis的影響比較小。
#HES
#AKI
#Hemostasis
br database 在 Rail UK Railway Steam Home Page 的相關結果
Steam Loco Search. BR Number Region. All, GWR, Southern, LMS, LNER, BR. Grouping ... ... <看更多>
br database 在 BR IFIC (Space services) - Database description - ITU 的相關結果
The graphical information (antenna gain contour diagrams, service areas, antenna gain vs GSO orbit) associated with each satellite network filing are contained ... ... <看更多>
br database 在 BRDatabase - the Complete British Railways Locomotive ... 的相關結果
Complete British Locomotive Database 1923-1997 · Welcome! Welcome to BRDatabase! · Finding Data. The easiest way to find data is to type it in the 'Quick Search' ... ... <看更多>