สรุป การประเมินมูลค่าบริษัท “สตาร์ตอัป” /โดย ลงทุนแมน
การประเมินมูลค่าบริษัท เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ประกอบกัน
ดังนั้น จึงมีวิธีการประเมินหลายแบบ หลายวิธี
และแต่ละคน ก็อาจนำไปประยุกต์ใช้แตกต่างกันตามความเหมาะสม
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
โดยทั่วไป วิธีการที่นักลงทุน นิยมใช้ประเมินมูลค่าบริษัททั่วไปที่ไม่ใช่สตาร์ตอัปคือจะใช้ Price-To-Earnings Ratio (P/E) หรือ อัตราส่วนมูลค่าบริษัท ต่อ กำไร
เช่น เชนร้านอาหารแห่งหนึ่ง สร้างกำไรได้ 100 ล้านบาท ในปีล่าสุด
ซึ่งสมมติว่า ธุรกิจร้านอาหารในตลาดจะมี P/E ประมาณ 15 เท่าของกำไร
ดังนั้น เชนร้านอาหารนี้ จะมีมูลค่าบริษัทที่ 1,500 ล้านบาท
แต่สำหรับบริษัทสตาร์ตอัป หรือบริษัทเทคโนโลยี
ที่ส่วนใหญ่ช่วงแรกของธุรกิจจะไม่มีกำไร เพราะต้องเร่งขยายฐานลูกค้า ฐานผู้ใช้งาน และครองส่วนแบ่งตลาดให้ได้มากที่สุด
ดังนั้น โมเดลธุรกิจของสตาร์ตอัป อาจเน้นที่สร้างการเติบโตเป็นหลักก่อน ยังไม่ยึดติดกับการทำกำไร
เหมือนกับ Grab, Foodpanda, Shopee, Lazada ที่ยอมขาดทุนมหาศาล
เพื่อหวังการเติบโตของธุรกิจ และกำไรในอนาคต
เหมือนอย่าง Facebook และ Amazon ที่แรกๆ ธุรกิจขาดทุน
แต่สุดท้ายบริษัทก็กลายเป็นเจ้าตลาด และทำกำไรได้อย่างมหาศาลในแต่ละปี
ซึ่งการประเมินมูลค่าบริษัทสตาร์ตอัปที่ยังไม่ทำกำไร
จะนิยมใช้ Price-To-Sales Ratio (P/S) หรือ มูลค่าบริษัท ต่อ รายได้
หรืออีกวิธีคือ Enterprise Value-To-Sales Ratio (EV/S)
โดย Enterprise Value = มูลค่าบริษัท + หนี้สิน - เงินสด
ตัวอย่างเช่น สตาร์ตอัปด้านโซเชียลมีเดียแห่งหนึ่ง สร้างรายได้อยู่ที่ 100 ล้านบาท ในปีล่าสุด
ซึ่งสมมติว่า นักลงทุนประเมินให้ธุรกิจโซเชียลมีเดียหน้าใหม่ มีค่า P/S อยู่ที่ 10 เท่าของรายได้
ดังนั้น สตาร์ตอัปนี้ จะมีมูลค่าบริษัทราว 1,000 ล้านบาท
จะสังเกตได้ว่า ทั้งวิธี P/S และ EV/S จะให้ความสำคัญกับ “รายได้” ในการประเมินมูลค่าบริษัท
ซึ่งต่างจากวิธี P/E ที่ให้ความสำคัญกับตัว “กำไร”
วิธี P/S และ EV/S จึงเหมาะสำหรับใช้ประเมินมูลค่าบริษัทสตาร์ตอัปมากกว่าวิธี P/E
เนื่องจาก บริษัทสตาร์ตอัปส่วนใหญ่ อาจยังไม่ทำกำไรนั่นเอง
แต่ทุกวิธีข้างต้น จะมีสิ่งที่เหมือนกันคือ ยิ่งบริษัทมีศักยภาพทางธุรกิจสูง
เช่น มีอัตราการเติบโตของรายได้และผู้ใช้งานสูง, มีเทคโนโลยีล้ำหน้า, ผูกขาดตลาด, มี Network Effect นักลงทุนก็จะให้ค่า P/E, P/S และ EV/S ที่ยิ่งสูง และทำให้มูลค่าบริษัทสูงตามไปด้วย
นอกจากนี้ ยังมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถใช้ประเมินมูลค่าบริษัทสตาร์ตอัปได้ เช่น
วิธี Discounted Cash Flow (DCF)
ถึงบริษัทจะไม่มีกำไร แต่หากกระแสเงินสดของธุรกิจยังเป็นบวก
ก็นำวิธีประเมินมูลค่าบริษัทแบบ DCF มาประยุกต์ใช้ได้เช่นกัน
โดยวิธีคือ การคาดการณ์กระแสเงินสดสุทธิ ที่บริษัทจะทำได้ในอนาคต แล้วคิดลดกลับมาเป็นมูลค่าปัจจุบัน
ทั้งนี้ สำหรับบริษัทสตาร์ตอัป มักมีความเสี่ยงที่สูงกว่าบริษัทใหญ่ๆ
ดังนั้น นักลงทุน ต้องใช้อัตราคิดลดที่สูงกว่าธุรกิจอื่นๆ ในการประเมินมูลค่าบริษัทสตาร์ตอัป
อีกวิธีหนึ่งคือ วิธีเปรียบเทียบกับบริษัทอื่น ที่มีธุรกิจใกล้เคียงกัน
เช่น ใช้เกณฑ์จำนวนผู้ใช้งานมาเปรียบเทียบมูลค่า
ยกตัวอย่างคือ
Instagram มีจำนวนผู้ใช้งานต่อวัน (Daily Active Users) 500 ล้านคน
ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Snapchat มีจำนวนผู้ใช้งานต่อวันอยู่ 249 ล้านคน และมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านล้านบาท
ดังนั้น Instagram มีผู้ใช้งานรายวันมากกว่า Snapchat 2 เท่า ทำให้ประเมินได้ว่าควรมีมูลค่าบริษัทประมาณ 4 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ วิธีการเปรียบเทียบแบบนี้ ต้องคำนึงเสมอว่า
แต่ละบริษัทที่นำมาเทียบกัน อาจมีโมเดลและปัจจัยอื่นทางธุรกิจแตกต่างกัน
จึงไม่อาจสามารถนำมาเปรียบกันได้ตรงๆ 100% แม้จะอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันก็ตาม
สำหรับวิธีสุดท้ายก็คือ วิธีเปรียบเทียบกับมูลค่าตลาด
เช่น ตลาดโฆษณาโดยรวมมีมูลค่าอยู่ 100,000 ล้านบาท
โดยสตาร์ตอัปแห่งหนึ่ง คาดว่าจะครองส่วนแบ่งตลาดโฆษณาได้ 30% และจะมีอัตรากำไรที่ 20%
ดังนั้น บริษัทจะมีกำไรอยู่ที่ 100,000 x 30% x 20% เท่ากับ 6,000 ล้านบาท
ถ้าเอากำไรไปคูณกับค่า P/E เช่น 30 เท่าของกำไร
สตาร์ตอัปแห่งนี้ จะถูกประเมินมูลค่าบริษัทที่ราว 180,000 ล้านบาท
สรุปแล้ว การประเมินมูลค่าบริษัทสตาร์ตอัป
จะมีหลายสูตร หลายวิธีการ
ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกวิธีไหน มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับโมเดลและประเภทธุรกิจ
ซึ่งผลลัพธ์ของการประเมินที่ได้ ก็จะออกมาแตกต่างกันไป ตามความเหมาะสมของสภาพธุรกิจ อุตสาหกรรม และตามมุมมองของนักลงทุนแต่ละคน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
「instagram daily active users」的推薦目錄:
- 關於instagram daily active users 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於instagram daily active users 在 Cooking Norma Facebook 的最讚貼文
- 關於instagram daily active users 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於instagram daily active users 在 How does Google, Facebook, Twitter, Instagram, and ... - Quora 的評價
- 關於instagram daily active users 在 Meta's Instagram Users Reach 2 Billion, Closing In on ... 的評價
- 關於instagram daily active users 在 Instagram vs Facebook: The Battle of Brothers - Appy Pie 的評價
- 關於instagram daily active users 在 Instagram Surpasses Two Billion Active Users, Closes in On ... 的評價
- 關於instagram daily active users 在 New Report Highlights the Decline of Facebook and IG, as ... 的評價
- 關於instagram daily active users 在 Snapchat Has More Daily Active Users Than Facebook And ... 的評價
- 關於instagram daily active users 在 Facebook just published its 2019 performance report, The ... 的評價
- 關於instagram daily active users 在 The Top 10 Valuable Facebook Statistics – Q2 2021 - Zephoria 的評價
- 關於instagram daily active users 在 WhatsApp Status, Instagram Stories now have 300 million ... 的評價
- 關於instagram daily active users 在 Facebook lost daily users for the first time ever last quarter 的評價
- 關於instagram daily active users 在 History made after name change as Facebook reports fall in ... 的評價
instagram daily active users 在 Cooking Norma Facebook 的最讚貼文
下星期四(2/7),上午九時,我同兩個朋友會喺網上進行以Instagram為主題嘅研討會。Samuel係Instagram嘅策略及業務營運主管,對於如何喺平台上建立品牌有豐富嘅經驗。而Wesley係CASETiFY創辦人及行政總裁,公司嘅Instagram有超過170萬追踪人數,Wesley會同大家分享佢成功嘅Tips! 😊
希望大家可以多啲支持港創人😊
唔講唔知,原來Instagram現時全球每月活躍人數達到10億,每日都會使用平台嘅人數亦達5億!超過2億人每日都會睇最少一個公司檔案!😱😱😱咁龐大的市場,拓展緊業務嘅你,又點可以錯過呢?!🎯🎯🎯今次港創人超超超開心邀請到Instagram嘅策略及業務營運主管Samuel Yeung、CASETiFY嘅創辦人及行政總裁Wesley Ng及日日煮嘅創辦人及行政總裁Norma Chu同大家分享😊:
-如何使您的公司品牌脫穎而出?
-如何在Instagram上建立您的關注度和互動?
-如何在Instagram上銷量產品
-Instagram上最佳建立品牌和宣傳的方法
-在平台要注意之事項
According to the official data, the total number of monthly active Instagram users reaches 1 billion; the total number of daily active Instagram users reaches 500 millions; and more than 200 millions Instagrammers visit at least one business profile daily😱😱😱! While there is a huge market, are you leveraging Instagram correctly to build your company brand?🎯🎯🎯 FoundersHK has invited Samuel Yeung (Strategy and Business Operations Lead at Instagram), Wesley Ng (Founder and CEO of CASETiFY) and Norma Chu (Founder and CEO of DayDayCook) to share their skills and experiences with you😊:
-How to make your company profile stand out on Instagram
-How to build up your following and engagement on Instagram
-How to sell products on Instagram
-Branding and marketing best practice on Instagram
-Dos and Don’ts on Instagram
報名/sign up: https://www.eventbrite.com/e/foundershk-instagram-101-for-s…
#entrepreneur #entrepreneurship #entrepreneurlife #entrepreneurs #businessowners #entrepreneurial #entrepreneursofinstagram #startupbusiness #hustleharder #entrepreneurmotivation #hkig #hkstore #innovation #siliconvalley #startup #founder #foundersday #startuplife #startups #founders #event #webinar #instagram Casetify
instagram daily active users 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
กรณีศึกษา Grammarly โปรแกรมตรวจไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษ /โดย ลงทุนแมน
มนุษย์ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการสื่อสารไปอย่างสิ้นเชิงโดยไม่รู้ตัว
จากที่เคยพูดและเขียน เป็นส่วนใหญ่ของชีวิต
ในวันนี้ ถ้าถามว่ามนุษย์สื่อสารในรูปแบบไหนมากที่สุด
สิ่งนั้นน่าจะเป็น “การพิมพ์ตัวหนังสือ”
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า
ทุกวันนี้ สมาร์ตโฟนและคอมพิวเตอร์ ได้กลายเป็นเสมือนปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์
ทั้งแช็ตข้อความ, เล่นโซเชียลมีเดีย, ค้นหาข้อมูล หรือทำงาน
แต่ปัญหาที่กลับพบได้บ่อยคือ การพิมพ์ผิด จนสื่อความหมายออกไปไม่ถูกต้อง
ทำให้โปรแกรมตรวจสอบไวยากรณ์ภาษาอังกฤษชื่อว่า “Grammarly” ได้รับความนิยม จนธุรกิจมีมูลค่าสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท
นอกจากให้คำแนะนำเรื่องภาษาแล้ว
Grammarly ยังเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในแง่ของธุรกิจอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Grammarly เป็นสตาร์ตอัปจากประเทศยูเครน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 หรือ 11 ปีที่แล้ว
โดยกลุ่มเพื่อน 3 คน คือ คุณ Alex Shevchenko, Max Lytvyn และ Dmytro Lider
บริษัททำธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ สำหรับตรวจและแก้ไขไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ รวมทั้งยังสามารถเช็กการคัดลอกผลงานได้อีกด้วย
แต่ฟีเจอร์ที่โดดเด่นกว่าโปรแกรมอื่น
คือการใช้อัลกอริทึม AI (Artificial Intelligence) เรียนรู้คำศัพท์ วลี และประโยคต่างๆ
แล้วมาประมวลผล เพื่อแนะนำรูปแบบการเขียนที่ถูกต้องเหมาะสมให้
ซึ่งที่ผ่านมา Grammarly มีจำนวนผู้ใช้งานประจำ หรือ Active Users เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
ปี 2015 อยู่ที่ 1 ล้านรายต่อวัน
ปี 2017 อยู่ที่ 7 ล้านรายต่อวัน
ปี 2019 อยู่ที่ 20 ล้านรายต่อวัน
ด้วยเหตุนี้ ในการระดมทุนรอบล่าสุดเมื่อปี 2019 บริษัทจึงถูกประเมินมูลค่าธุรกิจเอาไว้ที่ 31,300 ล้านบาท
ถือเป็นสตาร์ตอัปยูนิคอร์นแห่งแรกของประเทศยูเครน
แต่กว่าจะประสบความสําเร็จระดับนี้ได้ บริษัทต้องผ่านการปรับตัวมาตลอด..
ในอดีต ผู้ร่วมก่อตั้ง เคยสร้างซอฟต์แวร์ตรวจเช็กไวยากรณ์มาก่อน ชื่อว่า MyDropbox โดยขายให้กับมหาวิทยาลัยได้ถึง 800 แห่ง ครอบคลุมนักเรียนกว่า 2 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับพบว่า การออกแบบโปรแกรมสำหรับลูกค้าสถาบันการศึกษาเพียงกลุ่มเดียว ค่อนข้างจำกัดศักยภาพทางธุรกิจ จึงได้ตัดสินใจขายกิจการไป
เพราะจริงๆ แล้ว คนทั่วไปก็ต้องการใช้ภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องเหมือนกัน เช่น เขียนอีเมล, จัดทำรายงานเสนอที่ประชุม, โพสต์คอนเทนต์ลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือแม้แต่แช็ตคุยกับเพื่อนฝูง
พวกเขาเลยหันมาพัฒนาซอฟต์แวร์ตัวใหม่ นั่นคือ Grammarly
แต่ในช่วงแรก บริษัทยังคงโมเดลธุรกิจแบบเดิมอยู่ โดยขายขาดโปรแกรมให้กับมหาวิทยาลัย 250 แห่ง ครอบคลุมนักเรียนกว่า 3 แสนคน
เนื่องจากต้องการสร้างฐานลูกค้าและสถานะทางการเงินที่มั่นคงให้ได้เสียก่อน
รวมทั้งเก็บข้อมูล เพื่อปรับปรุงบริการให้พร้อมสำหรับการขยายสู่ตลาดใหญ่ในอนาคต
ต่อมาในปี 2012 บริษัทก็ได้เปิดตัวบริการตรวจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษบนเว็บไซต์ ในรูปแบบระบบสมาชิก หรือ Subscription โดยคิดราคาราว 370 บาทต่อเดือน และทดลองใช้ก่อนได้เป็นเวลา 7 วัน
นอกจากนี้ ยังได้เชื่อมต่อซอฟต์แวร์เข้ากับ Microsoft Office เพื่อให้สามารถแนะนำไวยากรณ์ได้ทันทีตั้งแต่ที่ผู้ใช้พิมพ์ตัวหนังสือ
ผลปรากฏว่า Grammarly ได้รับกระแสตอบรับที่ดี จนรายได้จากค่าสมาชิก มีสัดส่วนเป็น 80% ของรายได้ทั้งหมด แซงหน้าการขายขาดให้ลูกค้าสถาบันศึกษาไปอย่างสิ้นเชิง
จากตัวเลขดังกล่าว พวกเขาจึงเล็งเห็นโอกาสว่า หากลูกค้าได้ลองใช้จริงก่อน ก็จะมีแนวโน้มสมัครเป็นสมาชิกมากขึ้น ทำให้ในปี 2015 บริษัทเปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์การขายแบบ Freemium แทน
โดย Grammarly เปิดบริการขั้นพื้นฐานให้ใช้ได้ฟรี แต่ถ้าจ่ายค่าสมาชิกราว 370-940 บาทต่อเดือน ก็จะสามารถใช้ฟีเจอร์พิเศษเพิ่มเติม เช่น การให้ AI แนะนำรูปประโยคที่เหมาะกับเนื้อหา หรือตรวจเช็กเรื่องคัดลอกผลงาน
และในขณะนั้น ผู้คนไม่ได้พิมพ์ตัวหนังสือบนโปรแกรมออฟไลน์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเริ่มไปทำงานบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เช่น Facebook, Google Docs, Gmail
นอกจากนั้น Grammarly ยังพัฒนาการเชื่อมต่อกับเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ต และคีย์บอร์ดของระบบปฏิบัติการในสมาร์ตโฟน เพื่อรองรับพฤติกรรมตลาดที่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ บริษัทยังเลือกมุ่งเน้นพัฒนาบริการเพียงแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น เพราะมองว่าเป็นภาษาหลักของการติดต่อสื่อสาร โดยคอนเทนต์บนโลกอินเทอร์เน็ตกว่า 59% ถูกเขียนขึ้นด้วยภาษาอังกฤษ
จากการปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ทำให้ Grammarly เติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีผู้ใช้งานรวมทุกแพลตฟอร์มสูงถึง 20 ล้านบัญชี ในปัจจุบัน
เราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง?
หลายครั้งที่บริษัทเทคโนโลยี เร่งเปิดตัวแพลตฟอร์มในตลาดใหญ่ เพื่อให้มีคนมาใช้งานเยอะๆ
แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่คิด บริษัทนั้นไม่สามารถสร้างรายได้จากฐานลูกค้าในมือได้
สุดท้ายธุรกิจอาจมีแต่ค่าใช้จ่าย จนขาดทุนมหาศาล
ตัวอย่างของ Grammarly แสดงให้เห็นถึงการค่อยๆ สร้างความแข็งแกร่ง
ค่อยๆ ทดลองตลาดจากกลุ่มเล็กๆ และปรับตัวตามพฤติกรรมผู้บริโภค
จากนั้นถึงเริ่มขยายตลาดเมื่อมีความพร้อม
ซึ่งการทดลองจากสิ่งเล็กๆ แล้วขยายเป็นใหญ่
อาจเป็นทางเลือกที่จะเจ็บตัวน้อยกว่า ใช้เงินทุนน้อยกว่า และสำเร็จได้เร็วกว่าก็เป็นได้
เพราะอย่าลืมว่า คนที่เข้าเส้นชัย ไม่จำเป็นต้องวิ่งเร็วเสมอไป
คนที่วิ่งช้า แต่วิ่งให้ถูกทาง และยืนระยะได้นาน
ก็ก้าวถึงเป้าหมายได้เหมือนกัน..
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://en.wikipedia.org/wiki/Grammarly
-https://venturebeat.com/2019/10/10/grammarly-raises-90-million-for-ai-that-spots-grammar-errors-and-plagiarism/
-https://techcrunch.com/2019/10/10/grammarly-raises-90m-at-over-1b-valuation-for-its-ai-based-grammar-and-writing-tools/
-https://producthabits.com/how-grammarly-quietly-grew-its-way-to-7-million-daily-users/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Languages_used_on_the_Internet
instagram daily active users 在 Meta's Instagram Users Reach 2 Billion, Closing In on ... 的美食出口停車場
Meta Platforms Inc.'s Instagram now has 2 billion monthly active users worldwide, closing in on the 2.96 billion who use Facebook, in a sign ... ... <看更多>
instagram daily active users 在 Instagram vs Facebook: The Battle of Brothers - Appy Pie 的美食出口停車場
1 billion monthly active users. 500 million daily active Instagram Stories users worldwide. 60% of Instagram users visit the platform daily. ... <看更多>
instagram daily active users 在 How does Google, Facebook, Twitter, Instagram, and ... - Quora 的美食出口停車場
On top of that, it was reported that Instagram also had over 500 million daily active users. These are real people, logging into their Instagram accounts on a ... ... <看更多>
相關內容