SpaceX Crew Dragon นำมนุษย์ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) แล้วมันสำคัญยังไง?
เมื่อเช้ามืดวันนี้ ตามเวลาประเทศไทย จรวด Falcon 9 ของ SpaceX ได้นำ Crew Dragon ซึ่งเป็นส่วนของยานอวกาศที่บรรทุกนักบินอวกาศสองคน และกำลังจะไปเทียบท่ากับสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) เวลาประมาณ 21:29น. ตามเวลาประเทศไทยในคืนนี้
ว่าแต่ว่า เรื่องนี้มันสำคัญอย่างไร? แล้วมันต่างอย่างไรกับการส่งจรวดครั้งอื่น?
- การส่งนักบินอวกาศออกจากฐานปล่อยจรวดในสหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี
นี่นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2011 ที่มีนักบินอวกาศออกจากพื้นดินสหรัฐเพื่อไปยังอวกาศ นับตั้งแต่สหรัฐ และองค์การอวกาศนาซ่าได้ยกเลิกโครงการกระสวยอวกาศไปในปี 2011 ก็ไม่เคยมีนักบินอวกาศบินออกจากแผ่นดินของสหรัฐเพื่อไปยังอวกาศอีกเลย ทั้งนี่นั่นไม่ได้หมายความว่าสหรัฐไม่ได้มีนักบินอวกาศมา 9 ปีแล้ว แต่เป็นเพราะว่าในการส่งนักบินอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ ตลอด 9 ปีที่ผ่านมานั้น ได้กระทำโดยผ่านทางจรวดโซยุส (Soyuz) ของรัสเซียทั้งหมด
แล้วเพราะเหตุใดสหรัฐจึงยกเลิกโครงการกระสวยอวกาศ? แล้วทำไมถึงไม่มีจรวดอื่น? ก่อนอื่นต้องตอบก่อนว่า การส่งมนุษย์สักคนขึ้นไปยังอวกาศนั้น เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากๆ ความท้าทายอย่างหนึ่งของการส่งน้ำหนักบรรทุกไปยังวงโคจรรอบโลก ก็คือน้ำหนัก ความสูง และความเร็วที่เราจะต้องเผชิญ ลองนึกภาพว่าเราต้องแบกน้ำหนักคนสักคนขึ้นไปบนภูกระดึงที่มีความสูงแค่ 1 กิโลเมตรกว่าๆ ก็เหนื่อยแค่ไหนแล้ว แต่สถานีอวกาศนั้นอยู่สูงจากพื้นไปกว่า 400 กม. นอกไปจากนั้นแล้วเรายังต้องเร่งความเร็วขึ้นไปถึง 7.66 กิโลเมตร *ต่อวินาที* หรือเทียบเท่า 27,600 กม./ชม. เพื่อที่จะให้อยู่ในความเร็วที่สามารถโคจรได้ที่ low earth orbit
และหนำซ้ำ ส่วนที่ยากที่สุดของการส่งจรวดก็คือ จรวดนั้นเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ด้วยการทิ้งมวลบางส่วนเอาไว้เบื้องหลัง ดังนั้นทุกๆ น้ำหนักบรรทุกที่เราต้องการจะแบกขึ้นไป เราจะต้องแบกเชื้อเพลิงที่จะขับดันขึ้นไปด้วย และเชื้อเพลิงที่แบกขึ้นไปนั้นก็จะต้องมีเชื้อเพลิงอีกส่วนที่จะบรรทุกเชื้อเพลิงขึ้นไปอีก นี่ทำให้ทุกๆ น้ำหนักบรรทุก 1 ตันที่เราต้องการจะแบกขึ้นไป เราจะต้องใช้เชื้อเพลิงหนักกว่า 20-50 ตัน หรือกว่า 95% ของน้ำหนักบรรทุกทั้งหมด (สามารถอ่านเรื่องของความยากลำบากในการส่งจรวดขึ้นไปได้ในโพสต์เก่า ที่ [4][5])
ด้วยความท้าทายและค่าใช้จ่ายที่สูงในการบรรทุกน้ำหนักนี่เอง จึงทำให้การนำกลับมาใช้ใหม่เป็นเรื่องที่แพง เนื่องจากเชื้อเพลิงหรืออุปกรณ์การลงจอดที่ต้องแบกขึ้นไปด้วยนั้น จะยิ่งต้องเพิ่มเชื้อเพลิงที่ต้องใช้อีกมหาศาล จรวดในยุคแรกๆ นั้นจึงเป็นการออกแบบแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เปรียบได้กับการต่อเครื่องบินหนึ่งลำ บินไปถึงที่หมาย แล้วก็ทิ้งเครื่องบินนั้นทิ้งไปเสีย ซึ่งเป็นการใช้งานที่ฟุ่มเฟือยมาก
ด้วยเหตุนี้จึงมีการพยายามพัฒนาโครงการกระสวยอวกาศขึ้นในช่วงปี 1980s โดยจุดประสงค์เพื่อสร้างระบบปล่อยยานอวกาศที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยจรวดเชื้อเพลิงแข็งสองข้างนั้นสามารถกลับมาใช้ใหม่ได้ และตัวยานก็สามารถร่อนลงจอดได้ไม่ต่างอะไรกับเครื่องบิน แต่แม้กระนั้นก็ตาม โครงการกระสวยอวกาศก็ไม่ได้ถูกอย่างที่คิด เพราะการออกแบบที่ต้องการจะตอบทุกโจทย์ และความต้องการจะเป็นยานลำเดียวที่ทำทุกหน้าที่ นั่นหมายความว่าไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกนักบินอวกาศเพียงไม่กี่คน หรือการส่งดาวเทียมขึ้นไป ก็จะต้องแบกน้ำหนักของกระสวยทั้งลำขึ้นไป ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่แพง
หากเทียบค่าใช้จ่ายกันแล้ว การส่งกระสวยอวกาศขึ้นไปหนึ่งครั้ง จะใช้เงินประมาณ $450 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่จรวดโซยุส (Soyuz) ของรัสเซียนั้นมีค่าใช้จ่ายเพียงประมาณ $80 ล้านเหรียญสหรัฐต่อหัว นาซ่าจึงยกเลิกโครงการกระสวยอวกาศ และหันมาใช้จรวด Soyuz ของรัสเซียในการส่งนักบินอวกาศไปยัง ISS ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาแทน[3]
- หน้าใหม่ของประวัติศาสตร์แห่งการส่งมนุษย์ไปยังอวกาศโดยภาคเอกชน
นอกไปจากนี้ อีกเหตุผลหนึ่งที่นาซ่านั้นถอนตัวออกจากการส่งนักบินอวกาศ และไม่พัฒนาระบบจรวดที่จะส่งมนุษย์ใดขึ้นไปอีกเลย ก็เพราะว่านาซ่านั้นเล็งเห็นว่าอนาคตนั้นการเดินทางอวกาศควรจะเป็นเรื่องของบริษัทเอกชน และรัฐควรที่จะถอยตัวออกจากการยึดครองการเดินทางอวกาศเอาไว้เพียงฝ่ายเดียว จึงเลือกที่จะ outsource การส่งนักบินอวกาศให้กับบริษัทเอกชนแทน
โดยในปัจจุบัน มีบริษัท Boing และ SpaceX ที่ได้เซ็นสัญญากับรัฐบาลสหรัฐในการพัฒนาระบบขนส่งมนุษย์ไปยังอวกาศทางพาณิชย์ Commercial Crew Development (CCDev) การปล่อยให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมพัฒนานั้น ก่อให้เกิดการแข่งขัน ลดการผูกขาด และช่วยพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัยและลดต้นทุนการข่นส่งได้อย่างมาก
อย่างจรวด Soyuz ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้นั้น เริ่มผลิตขึ้นมา 1966 และได้มีการบินไปแล้วกว่า 1700 ภารกิจ นับเป็นระบบจรวดที่มีการใช้บ่อยที่สุดในโลก แต่แม้กระนั้นก็ตาม เทคโนโลยีที่ใช้อยู่เกือบทั้งหมดนั้นก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากยุคสงครามเย็นเท่าใดนัก และนักบินอวกาศที่เดินทางไปยังสถานีอวกาศก็ยังต้องเรียนรู้และศึกษาการกดปุ่มควบคุมและสวิตช์อนาล๊อกและแผงไฟมากมายในภาษารัสเซีย
ในทางตรงกันข้ามภาพที่เราเห็นภายใน Crew Dragon ของ SpaceX นั้น กลับเป็นภาพนักบินอวกาศในชุดดีไซน์สุดเก๋ กดปุ่มลงบนหน้าจอทที่เป็น touchscreen
นอกไปจากนี้ จรวด Falcon 9 ของ SpaceX นั้นมีค่าใช้จ่ายเพียงประมาณ $58 ล้านเหรียญ ซึ่งถูกกว่าโครงการกระสวยอวกาศเดิมเป็นอย่างมาก และถูกกว่าแม้แต่จรวด Soyuz ของรัสเซีย
ซึ่งภารกิจ Demo-2 นี้ เป็นเพียงภารกิจในการ "ทดสอบ" การขนส่งมนุษย์ขึ้นไปยังวงโคจรและเทียบท่ากับสถานีอวกาศนานาชาติเพียงเท่านั้น ยังมีภารกิจอีกมากที่จะตามมาในภายหลัง รวมไปถึงภารกิจของยานจากบริษัท Boeing อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น การส่งมนุษย์กลับขึ้นไปยังอวกาศจากผืนดินของสหรัฐโดยภาคเอกชนในครั้งนี้ ยังนับเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่ง ของแผนระยะยาวของสหรัฐที่จะส่งมนุษย์กลับไปยังดวงจันทร์ และดาวอังคาร ในอนาคตอันใกล้
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม สิ่งที่แน่ชัดที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็คือ ยุคสมัยของการเดินทางไปยังอวกาศโดยภาคเอกชน ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
อ้างอิง/อ่านเพิ่มเติม:
[1] https://www.technologyreview.com/2020/05/30/1002307/nasa-astronauts-spacex-crew-dragon-orbit-first-time-demo-2-iss/
[2] https://en.wikipedia.org/wiki/Commercial_Crew_Development
[3] https://www.foxbusiness.com/money/space-travel-what-it-costs-to-leave-earth
[4] https://www.facebook.com/matiponblog/photos/a.255101608033386.1073741828.255096768033870/501253260084885/
[5] https://www.facebook.com/matiponblog/photos/a.255101608033386/597298860480324
boeing wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
Boeing กับ Airbus ใครใหญ่กว่ากัน / โดย ลงทุนแมน
ในอดีตเมื่อพูดถึงบริษัทเครื่องบินเบอร์หนึ่งของโลกคงหนีไม่พ้นชื่อ Boeing
แต่ถ้าเทียบกับ Airbus แล้ว ตอนนี้เป็นอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Airbus เป็นบริษัทสัญชาติยุโรป ส่วน Boeing เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน
ในภาพรวมการประกอบธุรกิจนั้นจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก
1.การประกอบเครื่องบินทั่วไปที่เราใช้นั่งกันทุกวันนี้
2.เครื่องบินทางทหารรวมทั้งโครงการเกี่ยวกับอวกาศ
3.ธุรกิจการให้บริการ เช่น การซ่อมบำรุง
ซึ่งเรียกได้ว่าทั้ง 2 บริษัททำธุรกิจแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง
ทีนี้ก็คงเกิดคำถามว่า 2 บริษัทนี้ใครใหญ่กว่ากัน?
เรามาดูรายได้ของ 2 บริษัทนี้กัน
10 ปีที่แล้ว
Boeing 1.9 ล้านล้านบาท Airbus 1.6 ล้านล้านบาท
5 ปีที่แล้ว
Boeing 2.5 ล้านล้านบาท Airbus 2.1 ล้านล้านบาท
ตอนนี้
Boeing 2.9 ล้านล้านบาท Airbus 2.6 ล้านล้านบาท
รายได้โดยรวม Boeing จะมากกว่า Airbus มาโดยตลอด
แต่ถ้าแยกพิจารณาเฉพาะส่วนของเครื่องบินทั่วไป
ปี 2016 Boeing 1.9 ล้านล้านบาท Airbus 1.9 ล้านล้านบาท
ปี 2017 Boeing 1.9 ล้านล้านบาท Airbus 2 ล้านล้านบาท
เมื่อสิ้นปี 2017
เครื่องที่สั่งซื้อแล้วแต่ยังไม่ได้ส่งมอบของ Boeing มีจำนวน 5,864 ลำ และ Airbus 7,265 ลำ
แสดงถึงว่าถ้ามองแค่ในตลาดเครื่องบินทั่วไปถือได้ว่า Airbus แซง Boeing ไปเรียบร้อยแล้ว
กำไรสุทธิ
ปี 2017 Boeing 3.2 แสนล้านบาท (ได้ประโยชน์จากนโยบายภาษีคิดเป็นเงินประมาณ 1 แสนล้านบาท) Airbus 1.1 แสนล้านบาท
มูลค่าบริษัทปัจจุบัน
Boeing 6.5 ล้านล้านบาท
Airbus 2.9 ล้านล้านบาท
มองจากมูลค่าบริษัทและกำไรสุทธิจะเห็นว่า Boeing มากกว่า Airbus ถึง 2 เท่า
ฉะนั้นถ้ามองในความใหญ่แล้ว เราก็ยังคงบอกได้ว่า Boeing เป็นเบอร์หนึ่งเช่นเดิม
ปัจจุบัน Boeing มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา บริหารภายใต้ CEO คนใหม่คือคุณ Dennis Muilenburg ซึ่งทำงานอยู่ที่ Boeing มาตั้งแต่ปี 1985
ส่วน Airbus มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Toulouse ประเทศฝรั่งเศส บริหารภายใต้ CEO คือคุณ Tom Enders ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าการป้องกันทางอากาศและโครงการเกี่ยวกับอวกาศของยุโรป
แม้ว่าทั้งสองบริษัทเองจะเป็นคู่แข่งกันทางการตลาดมาตลอดอย่างยาวนานแต่ทั้งสองบริษัทก็มีโมเมนต์ที่ชื่นชมกันเองเช่นกัน
โดยล่าสุดเมื่อเดือน มกราคมที่ผ่าน Airbus พึ่งได้ทำการเปิดตัวเครื่องบินยาวที่สุดในโลก ประเภทมีทางเดินระหว่างที่นั่งเส้นเดียว A321LR
หลังจากที่ Airbus ประกาศเปิดตัวไปไม่นานคู่แข่งอย่าง Boeing ก็ได้เข้ามา comment ทันทีว่า Congratulations to @Airbus for completing the first flight of the #A321LR. Competition makes us all better!
ซึ่งดูแล้วก็ให้ข้อคิดที่ว่า
ในบางครั้งเราอาจจะมองว่าการแข่งขันเกิดแต่ผลเสีย แต่ถ้าเรามองอีกมุมหนึ่งการแข่งขันก็ช่วยให้เราพัฒนาตัวเองให้ดีกว่าเมื่อก่อนเช่นกัน
สำหรับอนาคตเราก็คงต้องมาติดตามกันต่อว่าทาง Boeing เองจะมีกลยุทธ์ใดเพื่อมาชิงตลาดเครื่องบินทั่วไปจาก Airbus คืนหรือว่าจะปล่อยให้ Airbus เป็นเจ้าตลาดต่อไปแล้วไปโฟกัสที่ตลาดอื่นแทน..
----------------------
โหลดแอป blockdit มาอ่านฟรีได้ที่ blockdit.com
----------------------
Reference
-http://investors.boeing.com/
-http://company.airbus.com/investors.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Airbus
-https://en.wikipedia.org/wiki/Dennis_Muilenburg
-https://en.wikipedia.org/wiki/Boeing
Boeing and Airbus. Who is bigger / by investing man
In the past, when it comes to the world's number one aircraft company, I couldn't escape Boeing
But compared to Airbus, what is it now?
Invest, man will tell you about it.
Airbus is a European nationality company. Boeing is an American nationality company
In An Overview, the business will be divided into 3 main parts.
1. Common Aircraft Assembly we use to sit on these days
2. Military aircraft including space project
3. Business services such as maintenance
Which is called all 2 companies do business, almost the same.
Now there is a question, who are these 2 companies bigger?
Let's see the revenue of these 2 companies
10 years ago
Boeing 1.9 trillion baht Airbus 1.6 trillion baht
5 years ago
Boeing 2.5 trillion baht Airbus 2.1 trillion baht
Now now.
Boeing 2.9 trillion baht Airbus 2.6 trillion baht
Overall income Boeing will always be more than airbus
But if separate, consider only part of the plane in general.
Year 2016 Boeing 1.9 trillion baht Airbus 1.9 trillion baht
Year 2017 Boeing 1.9 trillion baht Airbus 2 trillion baht
At the end of the year 2017
The machine that has ordered but has not delivered. Boeing has 5,864 items and 7,265 Airbus.
It shows that if i only look at the market, Airbus has already overtaken Boeing.
Net Profit
Year 2017 Boeing 3.2 billion baht (benefit from tax policy. Think About 1 billion baht) Airbus 1.1 billion baht.
Current company value
Boeing 6.5 trillion baht
Airbus 2.9 trillion baht
Based on company value and net profit will see that Boeing is 2 times more than Airbus.
So if you look at the big and we can still say that Boeing is number one as before.
Boeing is currently headquartered in Chicago, cuddle, Illinois, United States, under the new CEO. Dennis Muilenburg, who has been working at Boeing since 1985
Airbus is headquartered in Toulouse, France, run under CEO, Mr. Tom Enders, former head of air defense and European space project.
Although both companies have been a long time of marketing competitors, both companies also have a moment to appreciate each other.
Last January, Airbus just launched the longest plane in the world. There is a path between one seat a321lr
Not long after airbus announced its launch, a rival like Boeing immediately came to comment that congratulations to @Airbus for completing the first flight of the #a321lr. Competition makes us all better!
Which takes care of the idea that
Sometimes we may think that competition is bad. But if we look at the other corner, the competition helps us improve ourselves better than before.
For the future, we will have to follow the Boeing. What strategies will there be to win the general airbus market back or let airbus be the next market and focus on another market instead..
----------------------
Download Blockdit app to read for free at blockdit.com
----------------------
Reference
-http://investors.boeing.com/
-http://company.airbus.com/investors.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Airbus
-https://en.wikipedia.org/wiki/Dennis_Muilenburg
-https://en.wikipedia.org/wiki/BoeingTranslated
boeing wiki 在 The Boeing Company - Home | Facebook 的美食出口停車場
The Boeing Company. 1488449 likes · 11997 talking about this. At Boeing, we are advancing aerospace technology by investing in our people's careers... ... <看更多>
boeing wiki 在 華航波音747退役富士山告別飛行|華視新聞20210320 的美食出口停車場
... <看更多>