Beam’s Story เรื่องของบีมและญี่ปุ่น (EP54) 🇯🇵⛩
【จุดเริ่มต้นของ BeamSensei】
👉ความเดิมตอนที่แล้วคือบีมเล่าเรื่องตอนบีมอยู่ญี่ปุ่นต่อกันมาหลายตอนเลย
และในระหว่างช่วง 1 ปีที่บีมเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นนั้น...
🌸เวลาว่างบีมเยอะกว่าที่เคยมาก เขาให้เรียนอย่างต่ำ 7 คาบ
บีมลงแค่ 7 คาบ เวลาที่เหลือบีมเอาไปทำงานพิเศษ และไปเที่ยว
เที่ยวเหนือใต้ออกตกเลย
🌸ซึ่งเวลามันก็ยังเหลืออยู่ดี 555
บีมก็เลยอยากลองทำอะไรใหม่ๆ ที่อยากทำมานานแล้ว
ด้วยการทำคลิป YouTube
🌸ด้วยนิสัยเรา ชอบคุยกับคนญี่ปุ่น
ชอบอธิบายความเป็นไทยให้คนต่างชาติ
🌸บีมก็เลยทำคลิปเล่นๆลง YouTube คือ
คลิปสอนคนญี่ปุ่นพูดสวัสดี แถมใส่ชุดนอนถ่ายด้วยนะ 555
🌸ทำไปงั้นแหละ เป็นงานอดิเรก
แต่มันมีจุดเปลี่ยนชีวิตตรงที่
🌸คลิปอื่นไม่มีคนดูเลย
แต่คลิปนี้ ผ่านไปหลายเดือนเข้า ยอดวิวก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแตะ 20000
มีคนญี่ปุ่นมาคอมเม้นต์มากมายว่า ทำอีกได้มั้ย
🌸หลังจากนั้น บีมก็ทำคลิปสอนภาษาไทยลงยูทูปอยู่อีก สามสี่ตอน
จนมีแฟนๆชาวญี่ปุ่นกลุ่มน้อยๆจำนวนหนึ่ง
🌸นั่นแหละทุกคน
นี่คือจุดเริ่มต้นของบีมที่เชื่อมต่อกับปัจจุบันนะ !
อ่านไปเรื่อยๆน้า
*อยากอ่านตอนเก่าคลิกที่แฮชแทก หรือ search ในเพจเอานะคะจุ๊บๆ
อัพทุกวันศุกร์
#BeamStoryเรื่องของบีมและญี่ปุ่น
「beamstoryเรื่องของบีมและญี่ปุ่น」的推薦目錄:
beamstoryเรื่องของบีมและญี่ปุ่น 在 BeamSensei Facebook 的最讚貼文
Beam’s Story เรื่องของบีมและญี่ปุ่น (EP53) 🇯🇵⛩😢
【ประสบการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ตะวันออกเฉียงเหนือญี่ปุ่น 2011】
ย้อนไปวันนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้วพอดี ที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ สึนามิหกเจ็ดเมตรที่ญี่ปุ่น
ตอนนั้นบีมอยู่ญี่ปุ่นด้วยนะ เป็นช่วงปิดเทอมแล้ว กำลังเตรียมเที่ยวลันลา ก่อนกลับเมืองไทย
วันนั้นบีมกำลังนั่งเล่นคอมอยู่บนเตียง จำเหตุการณ์วันนั้นได้ดีมากๆ มันติดอยู่ในความทรงจำ และยากจะลืมจริงๆ สมัยนั้นสมาร์ทโฟนเพิ่งเริ่มเข้ามาไม่นาน ที่ญี่ปุ่นยังใช้มือถือฝาพับกันอยู่ เน็ตมือถือยังระบบไม่ดีเหมือนปัจจุบันนี้เท่าไหร่เลย
บีมมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนระยะสั้น 1 ปี
ปิดเทอมแล้ว ใกล้กลับประเทศแล้ว ขออยู่เที่ยวต่ออีกหน่อยให้สุด
ตอนนั้นยังป.ตรีอยู่ ก็เทียบเท่าปี 4
บีมกำลังจองร้านเมดคาเฟ่พ่อบ้านอยู่เลย
กึงๆๆๆๆ เสียงแผ่นดินไหว
อืม ปกติมั้ง
เพราะเราก็อยู่มาตั้งเกือบปีแล้ว ผ่านเรื่องแผ่นดินไหวมาก็หลายครั้ง
กึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงแผ่นดินเหวี่ยงตัวอย่างแรง
เห้ยไม่ใช่ละเนี่ยยยย แรงมาก
เราเห็นห้องเราโยกไปโยกมา คือเห็นแบบนั้นจริงๆทุกคน
ได้ยินเสียงแผ่นดินกระเทือนดังกึงๆๆๆ ตลอด
ซึ่งมันเป็นเสียงที่เรากลัวมาก
จากนั้นเริ่มมีเสียงโครมครามของหล่น
นาทีนั้นคิดเลย
อีกสองสัปดาห์เอง เราจะกลับไทยแล้วนะ
วันนี้โลกจะแตกเหรอ
เราจะตายมั้ย
ยังไม่ได้กลับบ้านเจอครอบครัวเลย
คิดแบบนั้นจริงๆ
ลุกออกจากเตียง วิ่งไปเปิดประตู
ปะกับคนเกาหลีห้องข้างๆ ที่ตาลีตาเหลือกออกมาเหมือนกัน
มินจี : บีมมมมมม เกิดอะไรขึ้น
บีม : มินจี ทำยังไงดี ลงล่างกันเถอะ
จากนั้นต่างคนต่างรีบเข้าห้องไปหยิบของ
วันนั้นตอนเย็นบีมจะไปดูคอนเสิร์ตค่ะ
กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ด้วย ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย
คว้าอะไรได้คว้าเลย
คว้ามินิสเกิ๊ตในตู้ได้เป็นสิ่งแรก ก็ใส่ก่อนเลย
แล้วตอนนั้นยังอยู่ช่วงปลายหน้าหนาว กระโปรงสั้น+รองเท้าแตะ กับอุณหภูมิ 5 องศา
แล้วก็มือถือ ออกมาตัวเปล่าแค่นั้นจริง
วิ่งออกจากห้องพร้อมมินจีอย่างรวดเร็ว
ลงบันไดจากชั้น 9 บีมอยู่ชั้นบนสุดนะ ดังนั้นแรงเหวี่ยงที่หอบีมตอนนั้น ชั้นที่บีมอยู่จะรู้สึกแรงที่สุด)
นาทีที่วิ่งลงบันได แผ่นดินยังไหวไม่หยุดเลยนะ เป็นการไหวที่ยาวนานมาก
เรารู้สึกว่าเราวิ่งชนซ้าย ชนขวา เหมือนในหนัง ทำไมบันไดมันไม่อยู่นิ่งเลย ตึกจะถล่มไหม นี่วันโลกแตกหรือไง
พอวิ่งลงไปข้างล่างเสร็จ
ไม่ได้มีแค่เราสองคนนะ
ข้างล่างมีนักศึกษาวิ่งลงมาเพียบ ทั้งต่างชาติ ทั้งญี่ปุ่น
การหลบใต้โต๊ะที่เรียนมาไม่ช่วยอะไรแล้วตอนนี้ เพราะทุกคนแพนิค
เพื่อนผู้ชายฝรั่งนี่ยิ่งกว่ากระโปรงสั้นของบีม มาแบบกางกางในกับเสื้อกล้าม
ทุกคนตกใจ
เราถามเพื่อนๆคนญี่ปุ่นที่อยู่หอเดียวกัน
เธอ ญี่ปุ่นแบบนี้ปกติไหม
ญี่ปุ่น : ตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย
พอได้ยินแบบนั้นก็ช็อคเลย
รีบโทรหาครอบครัวเลย
แต่โทรไม่ได้นะ เพราะทุกคนอยู่ในภาวะตกใจ และทุกคนใช้โทรศัพท์พร้อมๆกัน มันเลยโทรไม่ติด
กว่าจะโทรได้
โทรไปบอกที่บ้านว่าให้เปิดทีวีดู แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นหนักมาก ตกใจมาก แต่หนูไม่เป็นไรนะ ปลอดภัยดีไม่ต้องเป็นห่วง
พ่อบอกว่า เนี่ยข่าวออกแล้ว เขาบอกว่าระวังซึนามิ
วันนั้นพ่อที่อยู่ไทย รู้ข่าวซึนามิก่อนพวกเราที่หออีก เพราะโมเมนต์นั้นไม่มีใครได้ดูทีวีเลย
ยืนอยู่ด้านล่างสักพัก ต่างคนก็กลับเข้าห้องไป
แต่หลอนมาก เพราะหลังจากนั้น มันมีอาฟเตอร์ช็อกมาอีกเรื่อยๆ
เบากว่ารอบแรก แต่ก็แรงมาก รู้สึกเหมือนห้องสั่นไหวตลอดเวลา ชีวิตไม่เคยเจออะไรแบบนี้ คนญี่ปุ่นก็กลัวนะ
แต่เหมือนเขามีประสบการณ์เรื่องแผ่นดินไหวมาเยอะ แล้วก็มั่นใจในโครงสร้างตึกของเขา
(หอบีมเขาบอกว่าต้านทานได้ถึงระดับ 8 ซึ่งวันนั้นระดับ 5+ ใกล้ๆ 6 )
แต่บีมกับมินจีนี่กอดคอกันร้องไห้ จำได้เลย
แล้วก็พากันไปนอนที่ส่วนกลาง ตรงเจ้าหน้าที่ดูแลหอ ที่อยู่ชั้นล่าง
ก็มีทีวีใหญ่ๆ มีคนชาติอื่นๆที่กลัวรวมทั้งคนญี่ปุ่นมาอยู่รวมกันด้วยแหละ ดูข่าวซึนามิด้วยกัน
เครียดมาก เพราะหลังจากแผ่นดินไหว ญี่ปุ่นขึ้นเตือนซึนามิรอบเกาะเป็นตัวแดงเข้ม แสดงถึงซึนามิมาชัวร์และลูกใหญ่มาก
ซึ่งตอนนั้นเราอยู่โตเกียว ได้แต่นั่งดูข่าวเฝ้าระวัง เพราะเราไม่รู้ว่าที่อื่นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
สรุปคืนนั้นบีมกับมินจีไม่ได้นอน นั่งดูทีวีอยู่ข้างล่าง
สภาพห้องบีมหลังแผ่นดินไหว ไม่มีอะไรเสียหายมาก เพราะบีมกำลังเก็บของลงกล่องเตรียมกลับไทย
แต่ในห้องน้ำของหล่นหมดเลย
น้ำในคอห่านทะลักท่วมออกมา หรือซึมออกมานี่แหละ เยอะมากๆ ไหวแรงขนาดนั้น
ส่วนห้องมินจี เขาเก็บของไว้บนชั้นวางของเยอะ ทุกอย่างลงมาอยู่บนพื้นหมดเลย
ห้องครัวในรูปนั่นคือของหล่นตามพื้น ส่วนทีวีที่เหมือนจะตั้งสวยๆนั่นคือหล่นลงมาจากโต๊ะนะ แตก+พังเลย
หลังจากวันนั้นอาฟเตอร์ช็อคมาตลอด วันละหลายสิบครั้ง
รู้สึกหลอนตลอดเวลา
แล้วบีมก็เครียดมาก พอเครียดแล้วก็กินอะไรไม่ได้ ท้องเสีย น้ำหนักลงอย่างเร็ว
เวลานอนต้องเปิดทีวี เพราะช่วงนั้นเขาจะรายงานข่าวเรื่องนี้ตลอด แล้วมีข่าวเรื่องโรงไฟฟ้าอีก
ประตูห้องบีมก็ไม่ได้ปิดตอนนอน แง้มไว้ เพราะประตูหนักมาก เป็นเหล็ก กลัวถ้าเกิดไหวแรงอีกแล้วเปิดออกจากห้องไม่ได้
เปิดไฟนอนด้วย ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
พอมีเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด
โตเกียวก็มีแผนตัดไฟ เพื่อใช้จ่ายให้ทั่ว
วันนี้ตัดเขตนี้ๆๆ เวลากี่โมงกี่นาที พรุ่งนี้ตัดเขตนี้กี่โมงกี่นาที ผลัดเปลี่ยนกันไป
เขาตัดจริงๆนะคะ
วันที่เขาตัดนี่ ไฟดับพร้อมกันทีเดียวทั่วเมือง
ดับแบบมืดสนิทมองอะไรไม่เห็นเลย ประมาณชั่วโมงกว่าๆ
มองออกไปข้างนอกนี่ไม่เห็นอะไรเลย เพราะเขาตัดตอนกลางคืน
ส่วนรถไฟ งดวิ่งเยอะมาก
ที่สถานีรถไฟ ปิดไฟเยอะมาก เป็นภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ร้านสะดวกซื้อ ทุกอย่างหมด
หมด หมด หมด
โดยเฉพาะพวกน้ำ และขนมปัง
ของขาดมาก
แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีอะไรกินนะ สำหรับโตเกียว
แต่ก็หลายๆอย่างขาดจริงๆ หายเรียบไปหมด เพราะซื้อตุนกัน
คอนเสิร์ตที่บีมจะไปดูวันที่แผ่นดินไหวก็ยกเลิก แพลนเที่ยวยกเลิกหมด บีมเลื่อนวันกลับไทยให้เร็วขึ้นอีก 1 อาทิตย์
คนต่างชาติแห่กลับประเทศกันเยอะมาก
ผ่านไปสัปดาห์นึงแล้ว
อาฟเตอร์ช็อควันละหลายสิบร้อยรอบก็ยังไม่หายไป
วันที่บีมกลับไทย
ก่อนขึ้นเครื่องแผ่นดินยังไหวอยู่เลย
ก่อนกลับ บีมก็เอาเงินที่บีมมีอยู่ บริจาคให้ผู้ประสบภัย
พอกลับถึงไทยแล้ว
ยังรู้สึกถึงแผ่นดินไหวตลอดเวลา
รถบรรทุกวิ่งผ่านหน้าบ้านทีไร หัวใจนี่จะหล่น รู้สึกหลอนตลอด
คิดถึงเพื่อนๆ คิดถึงคนญี่ปุ่น
สงสารผู้ประสบภัย
อ่านข้อความคนไทยหลายๆคน
เกี่ยวกับแผ่นดินไหว ไม่ว่าช่วงตอนนั้นหรือตอนนี้
ช่วงตอนนั้นก็แบบ มีคนตั้งสเตว่า
"อยากรุ้สึกถึงแผ่นดินไหวบ้างงง" อะไรงี้
หรือหลังๆเวลามีแผ่นดินไหวที่ไทยก็จะเห็นคนที่โดนแผ่นดินไหวบางคน ตื่นเต้น ดีใจกัน คือก็เข้าใจนะ ว่าอยากจะรู้ว่าแผ่นดินไหวเป็นอย่างไร
แต่คุณรู้ไหม การไม่เจอภัยพิบัติ มันคืออะไรที่ดีที่สุดแล้ว
การที่มีแผ่นดินไหวน้อยๆ มันดีที่สุดแล้ว
แผ่นดินไหว มันไม่ใช่เรื่องสนุก
แล้วถ้าไทยเจอแบบญี่ปุ่นวันนั้น
ตึกน่าจะเรียงตัวถล่มไปเป็นแถบ
มันไม่สนุกเลยนะ กับการที่ต้องมานั่งหลอนกับเรื่องที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และการใช้ชีวิตที่นี่ก็ต้องหวาดกลัวกับสิ่งนี้ตลอดเวลา
และนี่ก็คือเหตุการณ์ในช่วงนั้นของบีมค่ะ
อย่างไรก็ตาม
ปัจจุบันนี้ผ่านไป 10 ปีแล้ว คนญี่ปุ่นได้เรียนรู้การระวังภัยที่มากกว่าเดิม เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียซ้ำอีก
มีการสร้างอนุสรณ์สถานต่างๆ เพื่อรำลึกถึงวันนั้น มีการเตรียมระวังภัยทีมากขึ้น
พื้นที่บางแห่งที่ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ทุกวันนี้ก็ยังคงถูกทิ้งร้างอยู่เหมือนเดิม
ปล.รูปแรกคือรูปปัจจุบันที่บีมไปสถานที่ประสบภัยนะคะ
BeamSensei
*อยากอ่านตอนเก่าคลิกที่แฮชแทก หรือ search ในเพจเอานะคะจุ๊บๆ
อัพทุกวันศุกร์
#BeamStoryเรื่องของบีมและญี่ปุ่น
beamstoryเรื่องของบีมและญี่ปุ่น 在 BeamSensei Facebook 的最佳貼文
Beam’s Story เรื่องของบีมและญี่ปุ่น (EP52) 🇯🇵⛩
【ใส่ชุดโลลิต้าไปอากิบะเพื่อเมดคาเฟ่สุดคลาสสิก】
ไว้ถ้ามีเวลาจะทำไทม์ไลน์เรียงตามตอนให้นะทุกคน 555
ความเดิมตอนที่แล้วคือ เพิ่งไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น อยู่ญี่ปุ่นยาวๆครั้งแรกในชีวิต (1ปี)
มีเพื่อนเยอะแยะเลย และนี่คือการแต่งตัวตามใจไปอากิฮาบาระ
🌸เธอ…เพื่อนก็กล้าเดินกับฉันเนอะ
เพื่อนแท้มีอยู่จริง เข้าใจได้ก็วันนี้แหละ
🌸ปัจจุบันนี้ย้อนไปดูรูปวันนั้นทีไรก็คือ เฮ้ยยยยยยยยยย กล้าเนาะตัวเรานี่
เข้าใจว่าอารมณ์ตอนนั้น คือ My body my choice แหละ แต่
ถามว่าตอนนี้ให้ไปแต่งแบบนี้อีกมั้ย ก็คือ “ไม่” นะ 555555
🌸อากิบะก็ไม่ค่อยใช่แหล่งที่สาวๆจะไปคอสเพลย์กันด้วย ฮ่าๆ
แล้วก็คือตอนนั้นยังอยู่ช่วงหน้าหนาวอยู่ คนส่วนใหญ่ก็ใส่เสื้อสีดำสีทึมๆ
เด่นเป็นอย่างมาก 555555
🌸คุ้นๆว่านัดกับเพื่อนๆไปเมดคาเฟ่ ที่เขาว่ากันว่าเป็นที่แรกในญี่ปุ่น
ร้านชื่อ Cure Maid Café มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก
🌸รอคิว 3 ชั่วโมง รอจนหายหิว รอจนข้อเท้าเปื่อย
ร้านอยู่ชั้น 4 คิวยาวยันประตูชั้น 1
🌸เนื่องจากเป็นร้านเมดคาเฟ่ในตำนาน ซึ่งคงความคลาสสิก
เมดทุกคนจะใส่กระโปรงยาวถึงเท้าเลย
“โมเอะ โมเอะ บีม” “เนี๊ยงๆๆๆ” “โออิชี่คุนาเร่” อะไรแบบนี้ ไม่มีทั้งสิ้น
🌸น้องเมดพี่เมดทุกคนเรียบร้อยมาก
ทุกคนคือเมดที่เป็นเมดในแบบฉบับหรู สง่า มีระดับไฮสุดๆ
🌸ถ้าใครอยากสัมผัสอารมณ์เมดคาเฟ่ดั้งเดิมของญี่ปุ่นว่าเป็นยังไง
ที่นี่คือตอบโจทย์
แต่ถามว่ารอนานคุ้มมั้ย สำหรับบีมบีมชอบเมดคาเฟ่บันเทิงๆมากกว่า 555
แต่ครั้งนึงในชีวิตได้ลองต่อแถวอะไรแบบนี้กับเพื่อนๆก็เป็นประสบการณ์ที่ดี
🌸และทุกคน
นี่คือการต่อแถวรอกินอาหารที่นานที่สุดในชีวิตของบีมเลยแหละ
หลังจากวันนั้นก็คือไม่อยากจะไปต่อคิวอะไรอีกเลย ฮ่าๆๆๆ
💖BeamSensei💖
เบลอปีไว้ มาคิดอีกทีไม่รู้จะเบลอทำไม 555
2011 นะทุกคน สิบปีแล้ว
*อยากอ่านตอนเก่าคลิกที่แฮชแทก หรือ search ในเพจเอานะคะจุ๊บๆ
อัพทุกวันศุกร์
#BeamStoryเรื่องของบีมและญี่ปุ่น
beamstoryเรื่องของบีมและญี่ปุ่น 在 #beamstoryเรื่องของบีมและญี่ปุ่น - Explore | Facebook 的美食出口停車場
Beam's Story เรื่องของบีมและญี่ปุ่น (EP82). 【ตอนอยู่ญี่ปุ่นโดนจีบบ่อย ๆ เวลาออกจากบ้าน !?】 びーむストーリー. 日本でナンパされた! ... <看更多>