❤️คนเจ้าชู้ ถ้าเราทำความดีใส่เขานานๆ เขาจะเห็นความดีของเรา แล้วมาหยุดที่เราได้ไหม หลายคนคงคิดแบบนี้หรือมีคำถามนี้อยู่ในใจ ❤️
อันว่าคนเจ้าชู้นั้น ตามตำราแล้ว เขาว่ามาจากสองเรื่องคือ
1 Nature หรือเป็นธรรมชาติของเขา ถ้าจะให้ว่าไปก็คล้ายๆกับ คนที่เกิดมาแล้วเป็น LGBT หรือเพศที่สาม เป็นเกย์เป็นตุ้ด ทอม เลส ซึ่งเขาไม่ได้แกล้งที่จะเป็นแบบนั้น แต่มันเป็นธรรมชาติของเขา เหมือนสมองสั่งมาแล้วว่า ให้มีความรู้สึก หรือความชอบ ในสรีระหรือการพูดคุยกับเพศเดียวกัน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรในสมัยนี้ และสำหรับคนเจ้าชู้ ก็คล้ายกัน คือสมอง เขาสั่งมาแล้วว่าให้ เป็นคนมีนิสัยเจ้าชู้ ชอบเสพติดในกามารมณ์ บางตำราก็ว่าสมองคนพวกนี้นั้น มันไปสั่งฮอร์โมนเพศชาย ให้พลุ่งพล่านเยอะกว่าคนปกติ ก็เลยออกอาการตกมันตลอดเวลาบ่อยกว่าชาวบ้านเขา ก็เลยต้องหาทางเลยเถิดในเรื่องนี้ตลอด
2 Nurture หรือการเลี้ยงดู
อีกเรื่องที่ทำให้คนเจ้าชู้ได้นั้นคือการเลี้ยงดู ถ้าใครที่เติบโตมาจาก ครอบครัวที่ พ่อ ปู่ ลุง น้า ยกบ้านมีเมียสามเมียสี่ พูดกรอกหู หรือทำให้ดูแต่เด็กๆ ว่าลูกผู้ชายมันต้องแนวขุนแผน เมียสองต้องห้าม เมียสามต้องกู ถึงจะได้รับการยกย่องว่าชายชาตรี เมียสี่นี่เท่ระเบิด ก็มีแนวโน้มสูงว่าโตขึ้นมาจะเป็นอะไรแบบนั้น เพราะความเชื่อ มันฝังหัวมาแต่เด็กๆ เหมือนศาสนา อันว่า Belief หรือความเชื่อนั้น ของแต่ละวัฒนธรรมนั้นต่างกัน บางประเทศ บางความเชื่อ การมีหลายเมียคือเรื่องปกติ บางที่กลับกันไปเลย คือผู้หญิงมีหลายผัวถือเป็นปกติ เช่นที่ราบสูงแถวทิเบต ถ้าอยากรู้รายละเอียด
ก็ไปกูเกิ้ลดู จะขึ้นมาให้อ่านเพียบ ผมคงไม่ลงรายละเอียดอธิบายให้ฟัง เพราะเดี๋ยวมีคนเห็นดีเห็นชอบคล้อยตาม ย้ายไปทิเบตกันหมด จะเป็นบาปกรรมติดตัวผมไปเปล่าๆ
คราวนี้ถ้าลองมาดู ทั้งสองข้อ ทั้งเรื่องธรรมชาติของเขา หรือความเชื่อฝังหัวของเขา สองเรื่องนี้เป็นอะไรที่เปลี่ยนยากมากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้ และอีกเรื่องที่เคยไปสัมภาษณ์คนเจ้าชู้มา ในหลายๆคนตอบว่า ที่ตนเองเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆไปเรื่อยๆนั้น เพราะชอบอารมณ์ ตอนที่เจอคนใหม่ มันตื่นเต้น มันได้ลุ้น ตัวมันเบาๆ ลอยๆ โลกมันสดชื่น ถ้าในทางสมองที่เคยอ่านมา เขาว่ามันมีพวกสารความสุข สารตื่นเต้น จำพวก โดปามีน ออกมา เลยทำให้คนเราเกิดความรู้สึกนี้
แต่โดปามีนมันจะออกมาเฉพาะตอนเราไปเจออะไร ใหม่ๆ คนใหม่ สถานที่ใหม่ กิจกรรมใหม่ ที่เราถูกใจ กับอะไรเก่าๆมันดันไม่ออกมา คนพวกนี้พออยู่กับใครไปนานๆแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าคนที่อยู่ด้วยนั้นน่าเบื่อ ทั้งๆที่ไม่ได้ผิดอะไร แต่พอเจอคนใหม่ แค่เห็นหน้า ถูกใจ โดปามีนออกมา ก็ไปหลงวิ่งตามเขาหมด ใครไปหลงรักคนประเภทนี้ก็ ซวยยันลูกบวช เพราะเจอคนใหม่ที่สร้างอารมณ์ที่ตนเองหลงใหลขึ้นมาได้ ก็จะนึกว่า ใช่แล้ว ใช่เลย วิ่งตามไปทันที ลูกเมีย เลิกสนเพราะรู้สึกว่าน่าเบื่อ แต่พวกนี้ปากหวานเจื้อยแจ้วได้ราวกับนกแก้ว นกขุนทอง เพราะรู้สึกอะไร ก็ร่ายออกมาแบบนั้น คนรู้เท่าไม่ทันนึกว่ารักแท้ เชื่อแล้วก็รับกรรมไป เพราะอีกไม่นานพอทำเขาตื่นเต้นไม่ได้ พวกก็ไปฉิบ
ดังนั้นถ้าฟังกันมาถึงตรงนี้ ก็จะเห็นว่า ความดี ความซื่อสัตย์นั้น ถ้าไปเจอคนประเภทที่ว่ามาข้างต้น เห็นทีจะเอาความดีไปทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะความดีนั้นไม่ได้สร้างความตื่นเต้น โดปามีนมันไม่ออกมา ถึงเวลาไปเจอคนใหม่ ดีแค่ไหน มันก็ไปอยู่ดี
คราวนี้อยู่ที่ตัวเราแล้ว ถ้าคิดจะหาคนก็หัดหา คนที่เขามีความยับยั้งชั่งใจได้ มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป หรือหิริโอตัปปะ ถึงอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา ก็ยังรู้จักวิธี ไปหาทางสงบ หรือไม่ทำอะไรที่มันนอกลู่นอกทาง ชีวิตมันก็จะสงบ สบาย ถ้าขืนมัวแต่ไปฟังคารมเขาอย่างเดียว ไม่ได้รู้ซึ้งถึงสันดานเขาในเรื่องนี้ รู้อย่างเดียวว่ารักเขา ก็เตรียมตัวลงนรกทั้งเป็นได้เลย
เพราะความรักมันทำอะไรคนไม่รู้จักพอไม่ได้ ยิ่งทำมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งเอาเปรียบเรา
ปล อยากอ่านคนออก ดูคนเป็นในเรื่องนี้ คอร์ส New you คอร์สเดียวรับรองเอาอยู่ ทักกันมาได้เลยครับ
อนิศ โอสถานุเคราะห์
โค้ชกิ๊ก คลับกิ๊ก
ปรึกษาปัญหาความรักฟรี หรือพูดคุยกับผม เชิญที่ไลน์
https://line.me/R/ti/p/%40clubgig
CG โค้ชกิ๊ก อนิศ โอสถานุเคราะห์
ปรึกษาปัญหาความรักฟรี
สนใจโค้ชชิ่งส่วนตัวเพื่อ unlock ปัญหาทักมาได้เลยครับ
โดปามีน 在 Club Gig Facebook 的最佳解答
📌สนใจปรึกษาสทุกปัญหาความรัก ฟรี กดลิงค์นี้ได้เลยค่า
https://line.me/R/ti/p/%40clubgig
💛🌼🐣สวัสดีค่าาาทุกคน💛🌼🐣
“กอด” ไม่ใช่แค่การสัมผัสร่างกายของฝ่ายตรงข้าม ได้อีกด้วยการกอดเปรียบเทียบได้การการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันด้วยความรักและความเข้าใจ วันนี้นำ 5 ข้อดีของการกอดมาฝาก ว่าทำไมเราควรกอดกัน
1. การกอดช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนแห่งความผูกพัน
ออกซีโตซิน ( Oxytocin ) 🌼💛
การกอดสามารถช่วยลดความวิตกกังวลและความเครียดได้ สามารถทำให้คลายความรูสึกเหงาหรือเปล่าเปลี่ยวได้
2.การกอดช่วยให้คุณเห็นคุณค่าในตัวเอง 🌼💛
การกอดนั้นจะช่วยลดความเดียวดาย โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีความเปราะบางเรื่องสุขภาพ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียดออกมา การกอดถือว่าเป็นยาขนานดีที่สามารถช่วยเยียวยาพวกเขาได้
3.การกอดช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย🌼💛
การกอดจะกระตุ้นสารสื่อประสาทหลายชนิดที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้น เช่น โดปามีน ทำให้คนเรารู้สึกดี ช่วยลดความเจ็บปวดได้ ช่วยลดความเครียด
4.การกอดหากเกิดขึ้นเป็นเวลานานจะส่งผลต่อระดับของ Serotonin 🌼💛
สามารถช่วยยกระดับอารมณ์ และสร้างความสุขให้แก่เรา อีกทั้งยังทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ช่วยปลดปล่อยความตึงเครียดในร่างกาย
5.กอดจะช่วยให้เด็กเจริญเติบโต
และมีพัฒนาการที่ดีขึ้น🌼💛
การกอดลูกทุกๆวันจะช่วยทำให้ลูกเป็นคนร่าเริง พ่อแม่ควรหาเวลากอดลูกอย่างสม่ำเสมอ ทำให้รู้ว่ามีความรักความผูกพันให้เสมอ จะทำให้เด็กมีทัศนคติที่ดี มีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี ไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดความอบอุ่น
💛🌼💛🌼💛🌼💛🌼💛🌼💛🌼💛🌼💛🌼💛🌼💛
บก. นินนิน🐣💛
ภาพจาก Pinterest
โดปามีน 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的精選貼文
#ความลับของของเล่นเซอร์ไพรส์
.
มีเหตุการณ์ที่สร้างความรำคาญให้หมอเสมอ
เวลาที่ไปซื้อของกับลูกสาว
เด็กน้อยมักจะเรียกร้องอยากได้ ไข่เซอร์ไพรส์
ที่มีขนม และของเล่นเล็กๆแถมมาในไข่
เรามักจะต่อรองกัน ไม่ได้ซื้อให้ทุกครั้ง
แต่บางครั้งก็จำเป็นเพราะเป็นการตกลงกันไว้ก่อน
.
แล้วเราจะได้เห็นความตื่นเต้น
ตอนเด็กแกะไข่ เพื่อแกะเอาของเล่นเล็กๆ
ออกมาชื่นชม
แน่นอน...ของเล่นชิ้นนั้น
ก็จะตั้งทิ้งไว้ ในวันรุ่งขึ้น😑
.
ตอนนี้เธอโตพอที่หมออนุญาตให้ดู
youtube ได้แบบกำหนดเวลา
VDO โปรดก็มักจะเป็น การแกะของเล่นโชว์
และแล้วตุ๊กตา LOL ก็เข้ามาในใจ
เด็กบ้านนี้ มุ่งมั่นในการเก็บ star chart
เพื่อให้ให้ LOL มาเชยชมสักตัว
วันที่ไข่พลาสติกกลมๆอยู่ในมือ
เป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุด
บรรจงแกะพลาสติก ออกทีละชั้น
ได้สติกเกอร์เล็กๆ ก็ยิ้ม ได้แผ่นคำใบ้ก็ตื่นเต้น
ต้องแกะประมาณ 5 ชั้น
ถึงจะได้เห็นตุ๊กตาตัวเล็กๆข้างใน
สามีหมอถึงกับร้องเสียงหลง
เมื่อรู้ราคาตุ๊กตาตัวเล็กๆนี้!!
🤣🤣
.
พอได้เห็นยอด view ของคนที่ทำ VDO จำพวก unboxing ของเล่น
หมอก็คิดว่า #เด็กทั้งโลกคงเป็นเหมือนกัน
นี่มันเป็นปรากฏการณ์ชัดๆ
.
เลยไปหาข้อมูล พบว่า ฝั่งตะวันตก เค้าก็มีความกังวลเกี่ยวกับการที่เด็กติด VDO พวกแกะของเล่น หรือ การที่ของเล่นจำพวกมีเซอร์ไพรส์ข้างในทำให้เด็กซื้อของเล่นเกินความจำเป็น
อยากแกะแต่ ไม่อยากเล่น (มากเท่าแกะกล่อง)
.
หมอถึงขั้น กลับไปอ่านตำราเรื่องการทำงานของสมองพื้นฐานว่าเกิดอะไรขึ้นกับสมองเด็ก?
.
👉และนี่คือสิ่งที่อยากเขียนเล่าให้ฟัง🤔🤔
.
👉ทำไมเด็กๆชอบของเล่นเซอร์ไพรส์?
คำตอบข้อนี้ไม่ยาก
สมองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะมนุษย์
มีความ #อยากรู้อยากเห็น เป็นต้นทุน
เพราะเราต้องการค้นหาว่า
สิ่งไหนทำให้เราอยู่รอด
สิ่งไหนทำให้เราอันตราย
สิ่งที่เราไม่รู้ ไม่เห็น ทำให้เราสงสัย
#สมองจะกระตุ้นให้เราเข้าไปค้นหา
จริงๆสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับคนทุกวัย
แต่ผู้ใหญ่มีประสบการณ์เก่ามากกว่า
เราจึงสามารถให้สมองส่วนเหตุผล
ดึงประสบการณ์เก่ามายับยั้งพฤติกรรมได้ดีกว่า
ว่ากันจริงๆ ของเล่นเซอร์ไพรส์ที่เราคิดว่าเป็นเรื่องของเด็กๆ
แต่จริงๆ มนุษย์ทุกคน ชอบแกะกล่อง
เด็กๆ ก็แกะของเล่น แกะกล่องของขวัญ
ผู้ใหญ่ แกะกล่องพัสดุที่เพิ่ง CF ออนไลน์มา (จะเหมือนในรูปรึเปล่าน๊า🤣🤣)
♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡
👉ถ้าเด็กอยากได้ของเล่น แล้วทำไมหลังแกะกล่อง ของเล่นนั้นกลายเป็นขยะอย่างรวดเร็ว?
ก่อนอื่นให้นึกถึงเหตุการณ์ในขณะที่
นักกีฬาวิ่ง ประจำลู่วิ่ง แล้ว
กรรมการพูด “1..2..3..ระวัง..ไป”
ขณะที่ได้ยินคำนั้น
นักวิ่งจะตื่นตัว กล้ามเนื้อ การเต้นของหัวใจ
สายตา พร้อมจะพุ่งออกไป
คำพูดของกรรมการ “#เป็นรหัสที่นักกีฬารู้ว่าเค้าต้องทำอะไรเมื่อได้ยิน”
สมองก็เช่นกัน
สมองหลายล้านเซลล์
ทำงานร่วมกันได้ ต้องมีชุดคำสั่งหลายรูปแบบ
หนึ่งในนั้น คือการหลั่งสารบางอย่าง
เรียกว่าสารสื่อประสาท
.
สารสื่อประสาทที่ชื่อว่า #โดปามีน เมื่อหลั่งออกมา
จะบอกร่างกายว่า ตอนนี้ ร่างกายต้องตื่นตัว
ตื่นตัวเพื่อค้นหาสิ่งใหม่ๆ ได้กินอาหาร
ได้เจอคนที่ชอบ ได้ทำสิ่งที่ใช่
กระตุ้นให้ร่างกายเกิดพฤติกรรมตอบสนองความต้องการนั้น
พอได้รับการตอบสนอง
ร่างกายจะหลั่งสารที่ทำให้รู้สึกพึงพอใจ
โดปามีน เป็นสารสำคัญที่ให้ร่างกาย
รู้สึกมีความสุข (reward pathway)
ประสบการณ์ที่มี รู้สึกมีความสุข จะถูกจดจำเอาไว้
และทำให้เราอยากมีประสบการณ์นั้นซ้ำๆ
.
เห็นของเล่นเซอร์ไพรส์ >>อยากรู้ว่าข้างในมีอะไร >> โดปามีนหลั่งในสมอง
>>ตื่นเต้น>>ได้แกะของเล่น>>ความสุข
ความสุข สัมพันธ์กับ การได้แกะ มากกว่า
ได้เล่นของเล่นที่อยู่ข้างใน
ดังนั้น ของเล่นในมือเด็ก หลังจากได้แกะแล้ว ดึงดูดความสนใจของเด็กได้น้อยกว่าตอนก่อนแกะมาก
.
👉ต้องกังวลแค่ไหนกับพฤติกรรมนี้ของลูก?
ผลิตภัณฑ์สมัยใหม่ ไม่ได้ "ปัง" ด้วยความบังเอิญ
แต่มีการศึกษาวิทยาศาสตร์สมอง
หรือจิตวิทยาพฤติกรรมอยู่เบื้องหลัง
ขอให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ ว่าสมองเด็กไวกับความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าผู้ใหญ่
แต่เมื่อมันเกี่ยวข้องกับ
วงจรรางวัลของสารสื่อประสาท
มันก็ทำให้ติดได้เช่นกัน
(เป็นวงจรเดียวกับที่เราเรียนเรื่อง หมาน้ำลายไหลเมื่อได้ยินกระดิ่ง)
ไม่ใช่ว่า สมองเด็กอย่างเดียว ผู้ใหญ่บางคน ก็เสพติดความสุขจากอะไรบางอย่าง
(ในกรณีของหมอ การซื้อหนังสือ😅😅)
ดังนั้น คำแนะนำ ที่เป็นความเห็นส่วนตัว ก็คือ
👉 ซื้อให้ได้ (ตามกำลัง) แต่คงต้องเป็นการตกลงไว้ก่อน #ทางสายกลางดีเสมอ เหมือนที่บ้านนี้ซื้อให้ในบางครั้ง แต่เด็กก็ฉลาดมากพอที่จะขอ อากง อาม่า หรือใครก็ตามที่หลงกล ซึ่งสิ่งนั้น บ้านนี้ยกประโยชน์ให้ เพราะถือว่าได้ใช้ปัญญาในการต่อรอง หรือใช้ EF โดยตั้งโจทย์ว่า ทำอย่างไรถึงจะได้มา (ค่อยมาสอนผิด ถูก เหมาะสมหรือเหมาะสมกันทีหลัง) แต่การที่ซื้อให้ทุกครั้ง หรือ ทำเหมือนการซื้อเป็นเรื่องผิดและห้ามเด็ดขาด โดยส่วนตัว หมอคิดว่า ตึง/หย่อนเกินไป
👉 ถ้าลูกโตกว่านี้สักนิด จะสอนเรื่องการตลาดพื้นฐานให้เค้าฟัง พลิกวิกฤติเป็นโอกาสซะเลย คนผลิตสินค้า ก็อยากจะขายได้มากๆ เราเป็นผู้บริโภคจะทำอย่างไร ต่อการกระตุ้นนั้น หรือถ้าเราเป็นผู้ผลิต เราจะทำอย่างไรให้ขายได้ (LOL แพงแสนแพง แต่ขายได้ 800 ล้านตัวทั่วโลก OMG อุทานเหมือนชื่อบริษัทเลยทีเดียว)
👉มองเด็กอย่างเข้าใจ เด็กทุกยุคชอบแกะของ surprise ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย
และอย่ามาอ้างว่า....ไม่เค๊ย (เสียงสูง)
จำได้หรือไม่ สมัยเราเด็กๆ (ยุค 90)
เราก็ซื้อถุงเท้ายี่ห้อที่แถมของเล่น ซื้อขนมที่เราไม่ชอบกินเพื่อให้ได้การ์ดพลังต่างๆ
ซื้อลูกอมฮาร์ทบีท เพราะอยากแกะว่าข้างในเขียนว่าอะไร
ทุกวันนี้ เราก็หนักกว่าลูกซะอีก โดปามีนหลั่งหนักมาก ตอนค้นหาสินค้าออนไลน์ กับโปร 10-10 11-11 12-12 😁
บางครั้งกล่องไปรษณีย์มาส่ง ยังไม่รู้ตัวเลยว่ากดสั่งซื้อไปตอนไหน
.
ประเด็นเรื่องการดู VDO พวก unboxing
หมอคิดว่า คงใช้กฎเหมือนกับการดูหน้าจอสำหรับเด็กโดยทั่วไป
คือ กำหนดเวลาในการดู และดูด้วยกัน (ถ้านั่งอยู่ด้วยไม่ได้ ก็อยู่ในบริเวณที่รู้ว่าลูกดูอะไรอยู่)
.
ท้ายที่สุดแล้ว คำว่า "เด็กสมัยนี้" มันไม่มีอยู่จริง
เพราะสมองของเด็กยุคไหน ก็ทำงานเหมือนกัน
สิ่งแวดล้อมภายนอกต่างหาก คือสิ่งที่เปลียนไป
แต่ถ้าคิดให้ดี เราจะเห็นจุดร่วมของพฤติกรรมของลูก กับเราในอดีต
.
และทิ้งท้ายไว้ว่า "มองเด็กอย่างเข้าใจ" และ ทางสายกลางดีที่สุด
.
หมอแพม
ในรูปคือ สาวน้อย LOL ที่เด็กบ้านนี้ได้มาจากการสะสมแต้มใน star chart+ของขวัญวันเกิด และวันสำคัญต่างๆ
(เรื่อง reward กับพฤติกรรมเด็ก แล้วแต่บ้านไหนจะมองนะคะ มีทั้งสองฝั่ง pro&con แต่บ้านนี้ใช้หลายๆอย่างผสมกัน )