เกิด 2 คดีฆาตกรรมในเวลาไล่เลี่ยกัน มีผู้ต้องสงสัย 2 คน ต่างคนต่างเล่าเรื่องของตัวเอง มีจุดพลิกผันตอนท้ายที่ทำเอาทึ่งไปเลย
'วิกรม' (Sidharth Malhotra) นักเขียนนิยายชื่อดังกำลังถูกตำรวจตามล่าตัวในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมภรรยาของตัวเอง เขาขับรถหลบหนีไปซ่อนตัวในอพาร์ทเม้นท์หรู ซึ่งบังเอิญตำรวจมาเจอเขาอยู่กับศพทนายเจ้าของห้องพอดีอีก แถมคราวนี้ 'มายา' (Sonakshi Sinha) ภรรยาของทนายก็กล่าวหาว่าเขาเป็นฆาตกรอีกด้วย ทำให้ 'เดฟ' (Akshaye Khanna) ตำรวจนักสืบฝีมือดีต้องเรียกทั้งคู่มาสอบสวน แต่ทั้งคู่เล่าเรื่องไม่เหมือนกันสักนิดเดียว เจอแบบนี้ตำรวจปวดหัวแน่นอนว่าเรื่องไหนคือเรื่องจริง
จริง ๆ Ittefaq เป็นหนังแนวสืบสวนฆาตกรรมที่พล็อตเจ๋งมากนะ ปัญหาเดียวของหนังคือมันดันเอาไอเดียหลักมาจากหนังชื่อเดียวกันปี 1969 ซึ่งก็ remake มาอีกต่อ จากหนังฮอลลีวูดเรื่อง Signpost to Murder ปี 1965 ทำให้วิธีวางพล็อต วิธีสร้างเงื่อนไขฆาตกรรมมันอยู่ในยุคที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ตให้ตรวจสอบ แต่พอ Ittefaq เวอร์ชั่นนี้เอามาทำใหม่แล้วไม่ได้ปรับปรุงพล็อตให้อัพเดทกับยุคสมัย เลยเหมือนจะมีจุดโหว่หน่อย ๆ ที่สามารถถูไถแถได้อยู่ เช่น ตำรวจเองก็คิดไม่ถึง, และอพาร์ทเม้นท์หรูระดับนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดก็พอจะถูไถว่าก็มีรปภ.เฝ้าแล้วไง ยังดีว่าตอนท้ายเฉลยเคลียร์หมดว่าตำรวจพลาดตรงไหนไปบ้าง
ถ้าหนังแกล้ง ๆ เซ็ตติ้งเป็นยุค 90's น่าจะทำให้ว้าวได้อยู่
***** สปอยล์ *****
หนังพลาดตรงที่ตำรวจดันเชื่อว่าการที่วิกรมขับรถหลบหนีไปซ่อนตัวในอพาร์ทเม้นท์เป็นเรื่องบังเอิญ ทั้งที่ความจริงวิกรมตั้งใจไปจัดการทนายอยู่แล้ว ตรงนี้ถ้าตำรวจแค่จัดการตรวจสอบความเชื่อมโยงของคนตาย เช่น ตรวจสอบอีเมล์ หรือตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ ก็น่าจะเจอว่าผู้ตายที่เป็นภรรยานักเขียนกับทนายเคยติดต่อกันมาก่อน พล็อตแบบนี้ถ้าเป็นยุค 60's แบบต้นฉบับมันก็ตรวจสอบไม่ได้หรอกว่าคนเคยติดต่อกัน พอเฉลยก็น่าจะว้าวหมด แต่พอเป็นหนังปี 2017 ขั้นตอนสืบสวนไม่เช็คโทรศัพท์เพื่อหาความเชื่อมโยงมันก็แหม่ง ๆ นิดนึง กับอีกอย่างคือพอตรวจสอบสาเหตุการตายว่ามาจากหัวใจวาย ทั้งที่กินยาปกติ พี่ไม่ตรวจสอบอีกนิดเหรอว่ากินยาเกินขนาดหรือเปล่า
ถ้าไม่นับสองจุดที่แหม่ง ก็ยอมรับว่าเป็นหนังสืบสวนที่เฉลยแล้วทึ่งจริง ถ้าได้ดูต้นฉบับหรือแกล้ง ๆ เซ็ตติ้งเป็นยุค 90's จะปรบมือให้เลย
Ittefaq สามารถดูได้ใน Netflix
https://www.netflix.com/title/80164904
同時也有11部Youtube影片,追蹤數超過82萬的網紅PAKORN BUAYAM,也在其Youtube影片中提到,สวนเกษตรผสามผสาน สวนสุขอุ้ม ของพ่ออดิศร สุขอุ้ม ซึ่งผมขอบอกท่านผู้ชมว่าคลิบนี้เป็นคลิบที่ผมชื่นชอบและทึ่งในความรู้ความสามารถของพ่อ อดิศร เพราะว่าท่านเ...
「แต่พอ」的推薦目錄:
- 關於แต่พอ 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最佳貼文
- 關於แต่พอ 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的精選貼文
- 關於แต่พอ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於แต่พอ 在 PAKORN BUAYAM Youtube 的精選貼文
- 關於แต่พอ 在 PunzaHoney Gaming Youtube 的最佳解答
- 關於แต่พอ 在 Bird Thongchai Youtube 的最佳解答
- 關於แต่พอ 在 ตัดเสื้อน้องแต่พอตัว | Bangkok - Facebook 的評價
- 關於แต่พอ 在 done! หมดแรง เหนื่อยล้า แต่พอลูกค้าให้ติ๊ปสามพันก็สดชื่นขึ้นมาทันที ... 的評價
แต่พอ 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的精選貼文
Beckett (2021) สามารถดูได้ใน Netflix
• หนังคนธรรมดาถูกไล่ล่าเพราะเป็นพัวพันกับชนวนเหตุทางการเมืองโดยไม่รู้ตัว ชวนให้นึกถึงงานของฮิตช์ค็อก เช่น The 39 Steps, และ North by Northwest
• พี่เบ็คเก็ตต์ เป็นยอดมนุษย์เหรอ อึดถึกอะไรขนาดนั้น นี่รถเพิ่งคว่ำใส่เฝือกแขน, โดนหักนิ้ว, โดนยิงแขนด้วย แต่ลีลาบู๊นี่เกณฑ์ไปอยู่กับจอห์น วิค เลยก็ได้นะ
• เอาจริงพวกตัวร้ายนี่พลาดมาก พี่แกกำลังกินยาฆ่าตัวตายอยู่ละ ดันทะลึ่งไปยิงใส่จนพี่แกหนีตายไม่คิดชีวิต แถมทะเล่อทะล่ารีบยิงอีก
• การเมืองเบื้องหลังหนังค่อนข้างคลุมเครือมาก อาจจะเป็นความตั้งใจของหนังให้สับสนตามตัวละครที่ไม่รู้ว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริงกันแน่ แต่สิ่งเดียวที่จริงคือพวกตามฆ่าเขาไม่ใช่คนดีแน่นอน ซึ่งมันต้องถูกเปิดโปงไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม
• ชื่อเดิมหนังคือ Born to be Murdered แต่พอ Netflix ซื้อมาก็เลยเปลี่ยนใหม่เป็น Beckett
• อลิเซีย วิกันเดอร์ คงบ่นว่าเอาฉันมาทำอะไรที่นี่
-------------------------------------
เกิดการประท้วงในเอเธนส์ใกล้โรงแรมที่ 'เบ็คเกตต์' (John David Washington) และ 'เอพริล' (Alicia Vikander) พักอยู่ พวกเขาทั้งสองเลยเปลี่ยนแพลนเดินทางออกไปนอกเมือง ก่อนจะประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำตกข้างทาง เอพลิลเสียชีวิตทันที ส่วนเบ็คเกตต์รอดชีวิตพร้อมจำภาพลาง ๆ ได้ว่าเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งในที่เกิดเหตุ แต่ตำรวจยืนยันว่าเป็นบ้านร้าง ถ้ามีคนก็น่าจะเป็นพวกผู้อพยพ จากนั้นไม่นานเบ็คเกตต์ก็กลับไปที่เกิดเหตุอีกครั้ง หวังว่าจะกินยาเกินขนาด แต่ดันโดนใครไม่รู้ไล่ยิงเลยทำให้เขาต้องหนีตายพร้อมหาสาเหตุว่าทำไมถึงโดนไล่ฆ่าปิดปาก
.
ในแง่หนังไล่ล่ามันก็แทบจะเป็น non-stop ตั้งแต่ต้นจนจบ ออกแนวโดนไล่ล่าที หลบหนีที เป็นภารกิจทีละครั้งตั้งแต่นอกเมืองยันเข้าเมือง แถมโดนตัวร้ายคอยเนียนดักจัดการอยู่ตลอด ต้องช่างสังเกตพอสมควรถึงจะเอาตัวรอดออกมาได้ ที่เซอร์ไพรส์คือเบ็คเกตต์ โดนยิงแขนตั้งแต่ต้น ใส่เฝือกแขนขนาดนั้น แต่สู้เหมือนคนไม่บาดเจ็บอะไรเลย ไฮไลท์สุดตอนจบคือจอห์น วิคยังอาย พี่กระโดดลงจากที่สูงแต่ละครั้งคือต้องขึ้นคำเตือนสักหน่อยว่าคนดูทางบ้านอย่าลอกเลียนแบบ ผลลัพธ์ไม่น่าจะเหมือนในหนัง แล้วเจ็บขนาดนั้นแรงยังเหลือ ๆ ถ้ามองว่าพี่แกดิ้นรนเอาตัวรอดสุดชีวิตก็คงจะได้อยู่
.
โดยรวมก็เป็นหนังไล่ล่าที่ตื่นเต้น ได้ลุ้น สนุกดี มีความถึกเกินจริงไปบ้าง ดูพอให้หายคิดถึงหนังแนว ๆ คนธรรมดาโดนตามล่าได้อยู่
Director: Ferdinando Cito Filomarino
story: Ferdinando Cito Filomarino
screenplay: Kevin A. Rice
Genre: action, crime, drama
7/10
แต่พอ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
“Hydrox” คุกกี้ต้นฉบับของ Oreo ที่เกิดจากความแค้น /โดย ลงทุนแมน
“Oreo” คุกกี้บิด ชิมครีม จุ่มนม ถือเป็นแบรนด์คุกกี้อเมริกันที่เก่าแก่
เพราะมีอายุยาวนานกว่า 100 ปี มีขายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
แถมยังทำยอดขายได้หลายหมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคุกกี้ที่ขายดีที่สุดในโลก
แต่รู้หรือไม่ว่า Oreo คือสินค้าที่เกิดขึ้น จากการเลียนแบบคุกกี้อีกยี่ห้อหนึ่งที่ชื่อว่า “Hydrox”
ซึ่งคู่พี่น้องที่คิดค้น Hydrox ก็เคยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่ผลิต Oreo มาก่อน แต่กลับถูกหักหลัง
จนพวกเขาต้องออกมาตั้งบริษัทใหม่กันเองและมีแรงผลักดันในการคิดค้น Hydrox จากความแค้น
ทำไมชื่อของ Hydrox ถึงหายไป
แล้ว Oreo เอาชนะ Hydrox ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในปี 1866 หรือเมื่อ 155 ปีก่อน ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ชายที่ชื่อว่า “Jacob Loose” ในวัย 16 ปี ได้ตัดสินใจเลิกเรียนมัธยม แล้วเริ่มทำงานเป็นพนักงานที่ร้านขายของชำ
ผ่านไป 4 ปี Jacob มีเงินเก็บมากพอที่จะเปิดร้านขายของชำขนาดเล็กของตัวเอง ซึ่งกิจการก็ดำเนินไปได้ดีจน Jacob อยากเริ่มลองธุรกิจใหม่
เขามองว่าอุตสาหกรรมเบเกอรีเพิ่งอยู่ในช่วงต้นของการเติบโต Jacob เลยตัดสินใจซื้อกิจการเบเกอรีที่ผลิตบิสกิตและลูกอม ซึ่งยังเป็นธุรกิจขนาดเล็กของครอบครัวหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน Jacob ก็ได้ชวนน้องชายที่ชื่อ “Joseph Loose” มาเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจเบเกอรีนี้ด้วย พวกเขาเลยตั้งชื่อบริษัทว่า Loose Brothers ซึ่งขนมของพวกเขาก็ขายดีแบบที่คาดไว้
แม้ว่าเบเกอรีจะขายดี แต่พวกเขายังอยากพาบริษัทให้เติบโตไปมากกว่านี้ ประกอบกับในขณะนั้นการรวมกลุ่มบริษัทหรือ Conglomerate กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและพลังงาน
พี่น้อง Loose เลยอยากลองสร้างกลุ่มธุรกิจบ้าง แม้จะยังไม่เคยมีใครทำในอุตสาหกรรมขนมมาก่อน แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ
พี่น้อง Loose จึงจ้างนักกฎหมายที่ชื่อ “Adolphus Green” ให้มาเป็นที่ปรึกษาและดำเนินการเรื่องควบรวมกิจการ
Green สามารถเจรจาขอรวมกลุ่มกิจการเบเกอรีได้กว่า 35 บริษัทในย่านเดียวกัน และตั้งชื่อบริษัทว่า “American Biscuit”
ความสำเร็จของ American Biscuit ก็ทำให้มีบริษัทเบเกอรีในแถบอื่นของสหรัฐอเมริกาเริ่มรวมกลุ่มตาม จนเกิดเป็นบริษัทขนาดใหญ่อีก 2 บริษัทอย่าง New York Biscuit และ United States Baking
ในปี 1890 ทั้ง 3 บริษัทนี้ก็แข่งขันกันอย่างดุเดือดโดยการตัดราคา ทำให้ราคาบิสกิตทั้งตลาดลดลงกว่า 40% จน American Biscuit ของพี่น้อง Loose เกือบจะล้มละลาย
ช่วงนั้นเอง Jacob มีอาการป่วยที่ค่อนข้างรุนแรง เขาเลยถูกกดดันให้ออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร และไปรักษาตัวที่ยุโรป น้องชายอย่าง Joseph จึงรับช่วงบริหารงานที่ American Biscuit ต่อ
Joseph แก้ปัญหาสงครามราคาในอุตสาหกรรมเบเกอรีด้วยวิธีเดิม นั่นคือการรวมกลุ่มทั้ง 3 บริษัทเข้าด้วยกัน
แต่พอ Joseph เล่าให้ Jacob ฟัง เขากลับไม่เห็นด้วย แต่ Joseph ยังเดินหน้าควบรวมกิจการต่อ โดยได้ทนายคนเดิมอย่าง Green มาช่วยจัดการ
จนในที่สุด การควบรวมกิจการก็สำเร็จในปี 1898 เกิดเป็นกลุ่มบริษัทเบเกอรีที่ใหญ่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยใช้ชื่อว่า National Biscuit Company ซึ่งในภายหลังเปลี่ยนมาเป็น “Nabisco”
แต่ก่อนที่ Joseph จะได้ดีใจกับความสำเร็จนี้ เขาก็พบว่าในเอกสารก่อตั้งบริษัท Nabisco ชื่อของประธานกรรมการบริหารกลับไม่ใช่ชื่อเขา แต่เป็นชื่อของทนาย Green ส่วนชื่อพี่น้อง Loose เป็นเพียงกรรมการบริษัท ซึ่งไม่มีอำนาจบริหารงาน
เมื่อ Jacob รู้เรื่องว่าโดนหักหลัง ก็คิดว่าต้องรีบรักษาตัวให้หาย และหาทางแก้แค้น
ไม่กี่ปีหลังจากนั้น Jacob ก็อาการดีขึ้น พี่น้อง Loose จึงร่วมมือกับนักธุรกิจที่ชื่อ John Wiles และตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า “Loose-Wiles Biscuit” ที่เมืองแคนซัสซิตี ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1902
Joseph ได้เริ่มคิดค้นสูตรขนมที่จะต้องขายดีจนเอาชนะ Nabisco ได้ ซึ่งในตอนนั้นขนมที่ Nabisco ยังไม่มีก็คือคุกกี้ ที่ยังเป็นขนมราคาสูงในหมู่คนมีฐานะเท่านั้น เขาเลยโฟกัสกับการคิดค้นสูตรคุกกี้ที่อร่อยและราคาเข้าถึงง่าย
และในตอนนั้นก็เป็นเวลาที่ช็อกโกแลตกำลังได้รับความนิยมสูงในสหรัฐอเมริกา Joseph เลยเกิดเป็นไอเดียที่สร้างจุดเด่นให้กับสูตรคุกกี้ของตัวเอง นั่นก็คือใช้ผงโกโก้เป็นส่วนผสม เพราะคุกกี้ในตลาดตอนนั้นมีแต่ที่ทำจากน้ำตาลและเนย
Joseph เพิ่มความแฟนซีให้คุกกี้ด้วยการทำเป็นลายดอกไม้ และสร้างจุดเด่นอย่างที่สองด้วยการทำคุกกี้เป็นแซนด์วิช และมีไส้ครีมตรงกลาง
ในที่สุด Loose-Wiles Biscuit ก็มีสินค้าซิกเนเชอร์ที่เป็นแซนด์วิชคุกกี้รสช็อกโกแลต มีไส้ครีมตรงกลาง ที่เริ่มวางขายในปี 1908 ในชื่อ “Hydrox”
Hydrox ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม จนทำให้กำไรของ Loose-Wiles Biscuit เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังส่งผลทำให้กำไรของ Nabisco เริ่มลดลง
ทนายความที่มาแย่งบริษัทไปอย่าง Green กลัวว่า Nabisco จะโดนแย่งลูกค้าไป
เขาเลยทำคุกกี้เลียนแบบมาสู้ และเริ่มวางขายในปี 1912 โดยตั้งชื่อขนมนั้นว่า “Oreo”
แต่ช่วงที่ Oreo เริ่มวางขาย Hydrox ก็กลายเป็นหนึ่งในคุกกี้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐอเมริกาไปแล้ว จนถึงกับได้รับฉายาว่าเป็นราชาแห่งบิสกิต
และบริษัท Loose-Wiles Biscuit ก็ยิ่งเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสามารถเปิดโรงงานทำขนมแห่งใหม่ที่ถือว่าใหญ่สุดในโลกในขณะนั้นและกลายเป็นบริษัทขนมที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในสหรัฐอเมริกา รองจาก Nabisco เท่านั้น
เป็นอีกครั้งที่ช่วงเวลาแห่งความน่ายินดีต้องสะดุดลง เพราะ Joseph ในวัย 70 กว่า ได้เสียชีวิตในปี 1922 และในปีถัดมา Jacob ก็เสียชีวิตตาม ทิ้งให้พาร์ตเนอร์บริษัทอย่าง Wiles ต้องต่อสู้กับ Nabisco ต่อไป
ในขณะเดียวกันนั้น ฝั่ง Nabisco ก็ยังไม่ยอมให้ Oreo แพ้ Hydrox
Green ได้ศึกษาตลาดและพบว่าคนที่ซื้อ Oreo ไป มักมีพฤติกรรมบิดคุกกี้แยกออกเป็นสองชิ้นก่อนกิน
ซึ่งจะมีเพียงคุกกี้แผ่นเดียวที่มีครีมติดอยู่ เขาจึงนำพฤติกรรมเหล่านี้มาทำเป็นโฆษณา
ที่เน้นเรื่องราวให้คู่เพื่อน หรือพ่อแม่ลูก หยิบ Oreo มาแล้วบิดคุกกี้พร้อมกัน โดยแข่งกันว่าใครได้ฝั่งที่มีครีม
และแคมเปนนี้ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จน Oreo ออกโฆษณาต่อเนื่องในปีถัดมา
ซึ่งเป็นวลีที่ฮิตมาจนถึงปัจจุบันอย่าง “บิด ชิมครีม จุ่มนม”
จากความสำเร็จในการทำการตลาดที่นำเอาพฤติกรรมของลูกค้ามาใช้
Oreo จึงเริ่มได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก จนกระทบยอดขายของ Hydrox
แต่แล้วในปี 1941 ผู้ร่วมก่อตั้ง Loose-Wiles Biscuit คนสุดท้ายอย่าง Wiles ก็เสียชีวิตลง
รองประธานกรรมการบริหารในขณะนั้นจึงมารับตำแหน่งต่อ และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Sunshine
Sunshine พยายามแก้เกมด้วยการเน้นโปรโมตว่า Hydrox เป็นสินค้าออริจินัล ขณะที่ Nabisco ก็เลือกโปรโมตรสชาติและคุณภาพของ Oreo ด้วยการปรับขึ้นราคาขาย จนหลายคนเริ่มสับสนจนคิดว่า Hydrox เป็นสินค้าเลียนแบบของ Oreo เพราะ Hydrox มีราคาถูกกว่า
ในที่สุด จากการต่อสู้กันมาร่วม 40 ปี Oreo ก็กลายเป็นคุกกี้ที่ขายดีกว่า Hydrox ได้ในช่วงทศวรรษที่ 1950s
สถานการณ์ของบริษัท Sunshine เริ่มแย่ ผู้บริหารจึงตัดสินใจขายกิจการให้กับบริษัท American Tobacco ซึ่งหลังจากนั้นก็เปลี่ยนมือไปอยู่กับบริษัท Granny Goose ต่อด้วย Keebler ในเวลาต่อมา
บริษัท Keebler พยายามชุบชีวิต Hydrox อีกครั้ง ด้วยการปรับสูตรขนมและเปลี่ยนชื่อจาก Hydrox เป็น Droxies แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว หลังจากนั้น Kellogg’s ก็มาซื้อกิจการ Keebler ในปี 2001 และเลิกผลิต Hydrox ไปเลย
ขณะเดียวกัน Nabisco ก็เติบโตขึ้น จนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทขนมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จากการที่ Hydrox เลิกผลิต ก็ทำให้เหล่าผู้ที่ชื่นชอบ Hydrox ต่างเสียดาย เพราะขนมรสชาติอร่อยและใช้วัตถุดิบคุณภาพดี แต่ต้องหยุดผลิตไปเพราะการจัดการที่ผิดพลาด อย่างการเปลี่ยนสูตรขนมและเปลี่ยนชื่อขนม
หนึ่งในคนที่อยากให้ Hydrox กลับมา คือชายที่มีชื่อว่า “Ellia Kassoff”
พ่อกับลุงของ Kassoff ได้ร่วมกันตั้งบริษัทขนมชื่อ “Leaf Brands” มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1940s ก่อนที่จะขายกิจการให้ Hershey ไปในปี 1996
Kassoff ตัดสินใจซื้อ Leaf Brands กลับคืนมาจาก Hershey ในปี 2010 เพื่อนำขนมที่เขาชอบตอนเด็กแต่เลิกผลิตไปแล้วกลับมาขายอีกครั้ง อย่างเช่น อมยิ้มยี่ห้อ Astro Pops
Kassoff เลยคิดจะนำ Hydrox กลับมาขายอีกครั้งด้วย เขาเลยเจรจาขอซื้อเครื่องหมายการค้าของ Hydrox มาจาก Kellogg’s ในปี 2014 ได้สำเร็จ
แต่สิ่งที่ยากกว่าการซื้อเครื่องหมายการค้าจาก Kellogg’s ก็คือ จะหาสูตรขนมแบบดั้งเดิม ที่เลิกขายมานานแล้วได้อย่างไร
Kassoff เริ่มจากพยายามหาซื้อ Hydrox แบบดั้งเดิมเพื่อเอามาดูส่วนผสม จนไปเจอ Hydrox วางขายอยู่บนเว็บไซต์ซึ่งเป็นตัวที่ผลิตมาตั้งแต่ปี 1998
นอกจากนั้นแล้ว Kassoff ก็ติดต่อไปหาอดีต CEO และอดีตหัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท Sunshine ที่เป็นผู้ผลิต Hydrox เดิม และเขายังติดต่อนักวิทยาศาสตร์อาหารรวมถึงแฟน ๆ ของ Hydrox เพื่อให้ช่วยกันรื้อฟื้นสูตรต้นตำรับของ Hydrox
ผ่านไปเพียง 1 ปี ความพยายามทั้งหมดก็เป็นผล
เพราะ Leaf Brands สามารถขาย Hydrox ได้อีกครั้งในปี 2015
ฝั่ง Nabisco ในตอนนี้ ได้กลายเป็นบริษัทในเครือบริษัท Mondelez ตั้งแต่ปี 2012 และยังคงขาย Oreo ที่ได้รับความนิยมสูงมาอย่างยาวนาน
เมื่อ Hydrox เริ่มกลับมาขายอีกครั้ง ก็ได้รับความสนใจจากร้านค้าหลายพันแห่งทั่วประเทศ ที่สั่งสินค้าเข้าไปวางขาย และยอดขายของ Hydrox ก็สามารถเติบโตต่อปีได้หลายสิบเท่าตัว ซึ่งคงพอพิสูจน์ได้ว่ายังมีคนที่รอคอยการกลับมาของ Hydrox อยู่
แต่ถึงแม้ว่ายอดขายของ Hydrox จะยังคงเป็นเพียงเศษเสี้ยวเมื่อเทียบกับ Oreo ทาง Mondelez ก็เลือกตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ด้วยการใช้อำนาจที่มีไปเจรจากับร้านค้าปลีกทั้งขนาดใหญ่และเล็กทั่วประเทศ ให้วางขาย Oreo ไว้ในจุดที่ลูกค้าจะเห็นได้ง่ายที่สุด และทำให้ Hydrox ถูกพบเห็นได้ยากที่สุด
ในโลกโซเชียลจึงมีการแชร์รูปและเป็นประเด็นที่คนวิจารณ์กัน ว่า Hydrox ถูกย้ายไปวางในที่ลับตา
อย่างเช่น วางขายที่ชั้นบนสุด หรือวางสินค้าโดยนำด้านข้างที่ไม่มีโลโกยี่ห้อมาไว้ด้านหน้า หรือนำสินค้าอื่นมาบังไว้
หลังจากนั้น Hydrox เลยแก้เกมด้วยการย้ายมาเน้นช่องทางขายออนไลน์แทน โดยเริ่มขายใน Amazon ในขณะที่ Oreo ก็ตอบโต้กลับมาอีก ด้วยการเติมคำว่า The Original ขนาดใหญ่ไว้บนซองขนม
ปัจจุบัน Hydrox ยังคงพยายามทวงตำแหน่งสินค้าต้นตำรับคืนจาก Oreo
ซึ่งเราก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าเรื่องราวการแข่งขันของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร
แต่สิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้ได้จากมหากาพย์แบรนด์คุกกี้แซนด์วิชไส้ครีม
ก็คือ การสังเกตพฤติกรรมลูกค้าของเราและนำมาพัฒนาเป็นแคมเปนการตลาด
ก็อาจจะทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่จดจำไปได้นาน
อย่าง Oreo ที่เห็นว่าลูกค้าชอบบิดคุกกี้ ก่อนกินเสมอ
จึงได้นำไอเดียจากลูกค้ามาพัฒนาเป็นโฆษณา
ก่อนที่จะต่อยอดมาเป็นวลีสุดฮิต “Twist, Lick, Dunk” หรือ บิด ชิมครีม จุ่มนม
ซึ่งก็ได้ทำให้คุกกี้ไส้ครีมธรรมดา กลายมาเป็นแบรนด์ที่ติดหูคนทั่วโลก มานานเท่านาน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.businessinsider.com/how-the-oreo-went-from-knock-off-to-worlds-favorite-2020-8
-https://www.insider.com/interesting-facts-about-oreo-2018-7#oreo-first-appeared-on-the-market-in-1912-1
-https://www.insider.com/ftc-complaint-in-hydrox-oreo-feud-2018-8
-https://www.mashed.com/223360/the-strange-history-of-the-oreo-and-hydrox-cookie-rivalry/
-https://www.atlasobscura.com/articles/hydrox-cookies-oreo
-https://gizmodo.com/oreo-and-hydroxs-100-year-old-blood-feud-is-heating-up-1828205377
แต่พอ 在 PAKORN BUAYAM Youtube 的精選貼文
สวนเกษตรผสามผสาน สวนสุขอุ้ม ของพ่ออดิศร สุขอุ้ม ซึ่งผมขอบอกท่านผู้ชมว่าคลิบนี้เป็นคลิบที่ผมชื่นชอบและทึ่งในความรู้ความสามารถของพ่อ อดิศร เพราะว่าท่านเคยไปทำงานด้านการเกษตรที่ประเทศอิสราเอลหลายปี พอถึงจุดหนึ่งท่านได้กลับมาบ้านเกิดและก็โค่นต้นยางพาราทิ้งเพื่อทำเกษตรผสมผสาน ซึ่งท่านได้บอกผมว่าชาวบ้านก็จะมองว่าเราบ้า ไปตัดต้นยางพาราทิ้งทำไม แต่ทุกวันนี้ท่านได้บอกว่าถ้าจะหาเงินจาการทำการเกษตร300-500 บาท นั้นไม่ยาก แป๊บเดียวไม่ต้องไปทำงานทั้งวันเหมือนอาชีพอื่นๆ เชิญรับชมเรื่องราวในคลิบครับ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ช่องทางการติดต่อ พ่ออดิศร สุขอุ้ม (สวนสุขอุ้ม) บ้านอามุย หมู3 ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ โทร.091-673-4593 เฟสบุค--อดิศร สุขอุ้ม ขอบคุณทุกๆการติดตามและรับชมครับ #เกษตรผสมผสาน # ศาตร์พระราชา #โคกหนองนา

แต่พอ 在 PunzaHoney Gaming Youtube 的最佳解答
อันนี้คลิปเก่าก่อนอัพเดตนะครับ ^^ อดทนดูกันซักนิดนึงนะครับทุกๆคน พอดีมันมีคลิปที่ทำค้างเอาไว้พอดี แต่พอ Dartling Gunner มา ผมก็เลยทำ Dartling Gunner ลงก่อนครับ แล้วก็กลับมาทำให้เสร็จๆไปครับผม
⁓(-_-⁓) ความสนุกมากมายรอทุกๆคนอยู่ที่ ✌ PunzaHoney Gaming Channel✌ ^^ XD (⁓-_-)⁓
อย่าลืมกด Subscribe หรือ กด Like! ได้นะครับ แล้วก็อย่าลืมกดรูปกระดิ่งไว้ด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาดคลิปสนุกๆที่จะมีต่อมาเรื่อยๆนะครับ
You guys are AWESOME!!!
☟☟☟ช่องทางติดตาม กะ ช่องทางการสนับสนุน Channel นี้ก็ ☟☟☟
[Facebook] - https://www.facebook.com/PunzaHoneyGaming/
- ฝากเข้าไปกดติดตาม เพื่อรับชมการเล่นสดในทุกๆวันได้นะรับ เพราะผมสตรีมเกมต่างๆทุกๆวันเวลา 1 ทุ่มครับ ^^
[Donate] - http://streamlabs.com/alert-box/v3/F34D6C59D2414C4EF074
[Donate] - https://www.paypal.com/cgi-bin/webscr?cmd=_s-xclick&hosted_button_id=23TM63Q95VESC
บ๊ายบายย ^^
#PunzaHoney
#BloonsTD6
#BTD6

แต่พอ 在 Bird Thongchai Youtube 的最佳解答
ก็มันไม่อยากรู้
ก็มันไม่อยากรัก (ไม่อยาก ฮ้า)
ไม่มีเวลา
ที่จะคิด
ที่จะสนใจ
แต่พอได้เจอะเธอ (ได้เจอะเธอ)
ก็ดูชีวิต
มันผิดเพี้ยนไป
ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอ
ไม่ชอบเลย
เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ
ฉันรู้สึก
ราวกับเคลิ้มไป
ไม่เป็นตัวเอง
ไม่เหมือนเคย
แต่พอ (แต่พอ)
เธอห่างหายไป
คิดจะลืม (คิดจะลืม)
ยังไม่ได้เลย
ทำไมต้องเป็น
ไม่เข้าใจ
ชูชู ชูดาชูชู ชูดาชู ชู ชู
นี่ตัวฉันเองหรือ
เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้
หมดความเข้มแข็ง
และเหตุผล
ไปอย่างง่ายดาย
อาจเป็นเพราะเธอนั้น
ที่เดินมาหา
เข้ามาค้นใจ
แล้วฉันก็เลยเปลี่ยนไป
เพราะรักเธอ
เมื่อไหร่
ที่อยู่ใกล้เธอ
ฉันรู้สึก
ราวกับเคลิ้มไป
ไม่เป็นตัวเอง
ไม่เหมือนเคย
แต่พอ (แต่พอ)
เธอห่างหายไป
คิดจะลืม (คิดจะลืม)
ยังไม่ได้เลย
ทำไมต้องเธอ
ไม่เข้าใจ
เมื่อไหร่
ที่อยู่ใกล้เธอ
ฉันรู้สึก
ราวกับเคลิ้มไป
ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย
แต่พอ (แต่พอ)
เธอห่างหายไป
คิดจะลืม (คิดจะลืม)
ยังไม่ได้เลย
ทำไมต้องเธอ
ไม่เข้าใจ
ชีวิตต้องมาเปลี่ยนไป
เพราะรักเธอ

แต่พอ 在 done! หมดแรง เหนื่อยล้า แต่พอลูกค้าให้ติ๊ปสามพันก็สดชื่นขึ้นมาทันที ... 的美食出口停車場
May 9, 2020 - bear submongkol on Instagram: “done! หมดแรง เหนื่อยล้า แต่พอลูกค้าให้ติ๊ปสามพันก็สดชื่นขึ้นมาทันที #foodogtattoo #lineworktattoo ... ... <看更多>
แต่พอ 在 ตัดเสื้อน้องแต่พอตัว | Bangkok - Facebook 的美食出口停車場
ตัดเสื้อน้องแต่พอตัว, Bangkok, Thailand. 437 likes · 1 talking about this. โครงการ CSR เพื่อแก้ไขปัญหาชุดนักเรียนขาดแคลนแก่เด็กๆในโรงเรียนขนาดเล็ก. ... <看更多>