ใครคือผู้ก่อตั้ง TSMC ผู้ผลิตชิป ให้คนครึ่งโลก /โดย ลงทุนแมน
แม้ว่าระบบปฏิบัติการ iOS ของแอปเปิลและ Android ของกูเกิล จะเรียกได้ว่าเป็นคู่ปรับตลอดกาล
แต่รู้หรือไม่ว่า ชิปเซต หรือ สมองของสมาร์ตโฟนที่อยู่บนสมาร์ตโฟน เช่น ชิป A-Series ของแอปเปิล หรือชิป Snapdragon หลายรุ่นบน Android กลับถูกผลิตขึ้นโดยบริษัทเดียวกันที่ชื่อว่า Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC
ซึ่งนอกจากชิปบนสมาร์ตโฟนแล้ว TSMC ยังมีส่วนแบ่งการตลาดชิปเซตทั้งหมดบนโลกมากถึง 55.6% หรือเรียกได้ว่าชิปเกินกว่าครึ่งโลก ถูกผลิตขึ้นจากบริษัทแห่งนี้
ปัจจุบัน TSMC มีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านล้านบาท เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดอันดับที่ 9 ของโลกและมีมูลค่าเป็นอันดับที่ 2 ในเอเชีย เป็นรองเพียง Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย
แล้ว TSMC มีที่มาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
สำหรับผู้ก่อตั้งบริษัท TSMC ก็คือ “Morris Chang”
Morris Chang หรือ มอร์ริส จาง เกิดที่เมือง Ningbo
ซึ่งเป็นเมืองทางตะวันออกของประเทศจีน ในปี ค.ศ. 1931
แม้จางจะเรียกได้ว่าเติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง แต่ชีวิตในวัยเด็กของเขากลับไม่ได้สุขสบายมากนัก นั่นก็เพราะว่าเขาต้องเจอกับสงครามถึง 3 ครั้งด้วยกัน ได้แก่
- สงครามกลางเมืองในจีน ช่วงปี ค.ศ. 1927 ถึง 1949
- สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่สอง ช่วงปี ค.ศ. 1937 ถึง 1945
- สงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี ค.ศ. 1939 ถึง 1945
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ครอบครัวของเขาต้องทำการย้ายไปมาอยู่บ่อยครั้ง
จนในปี ค.ศ. 1948 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามกลางเมืองในจีน กำลังร้อนระอุ
จางในวัย 17 ปี พร้อมกับครอบครัว จึงได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่ ฮ่องกง
แม้ในช่วง 17 ปีแรกของชีวิต จางจะได้รับผลกระทบจากสงครามเป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากสงคราม ก็คือ เขาต้องขยันและทำงานหนัก โดยสิ่งหนึ่งที่คุณพ่อของเขาคอยสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ ก็คือ “เรื่องการเรียน” ด้วยเหตุนี้ จางจึงสามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Harvard ได้สำเร็จ
หลังจากเข้าเรียนได้เพียง 1 ปี เขาก็ได้ย้ายไปเรียนที่ Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT และเขาก็ได้จบการศึกษาในสาขาวิศวกรรมเครื่องกล ทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท
งานแรกของ มอร์ริส จาง เริ่มต้นขึ้นที่ Sylvania Semiconductor เป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้กับบริษัทแม่ Sylvania Electric Products อีกทีหนึ่ง
แต่หลังจากทำงานได้ 3 ปี เขารู้สึกว่าแนวทางของบริษัทในอนาคต ไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิด
แนวทางของบริษัทคือ การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าหลาย ๆ ชนิด
ซึ่งต่างจากเป้าหมายของจางที่ต้องการโฟกัสไปที่ การพัฒนาตัวเซมิคอนดักเตอร์เป็นหลัก
เรื่องดังกล่าว จึงทำให้จางตัดสินใจออกจากบริษัท Sylvania Semiconductor เพื่อมาเริ่มงานใหม่ที่ Texas Instruments ในปี ค.ศ. 1958 และด้วยความสามารถของเขาทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมของบริษัท ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี
หลังจากนั้น เขาได้ไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนได้รับตำแหน่ง รองประธานในการดูแลฝ่ายเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในช่วงปี ค.ศ. 1980
บริษัท Texas Instruments ต้องการที่จะขยายธุรกิจเข้าไปสู่ลูกค้ารายย่อยมากขึ้น
โดยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่น TI-99/4
ซึ่งเดิมทีโมเดลธุรกิจหลักของ Texas Instruments คือเป็นซัปพลายเออร์ให้กับบริษัทอื่น
ไม่ได้ทำการค้าขายกับลูกค้ารายย่อยโดยตรง ซึ่งทางบริษัทก็ได้มอบหมายหน้าที่การขายสู่ลูกค้ารายย่อยให้กับจาง
หลังจากใช้เวลาไป 2 ปีครึ่ง ผลงานภายใต้การบริหารของจางกลับไม่ได้เป็นไปตามที่บริษัทคาดหวังเนื่องจากในช่วงนั้นมีผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งที่แข็งแกร่งมากมาย เช่น คอมพิวเตอร์ Apple 2 ในยุคของ สตีฟ จอบส์
แม้ตำแหน่งในบริษัทของเขายังคงเป็นรองประธานก็ตาม
แต่จากผลงานที่ค่อนข้างแย่ เขาจึงถูกทางบริษัทลดตำแหน่งลง
เหตุการณ์นี้เอง ก็ได้สร้างความผิดหวังให้กับจางเป็นอย่างมาก
เพราะที่ผ่านมา เขาได้สร้างผลงานมากมายให้บริษัทเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปี
ในปี ค.ศ. 1983 จางในวัย 52 ปี จึงตัดสินใจลาออกจาก Texas Instruments
ซึ่งทันทีหลังจากที่เขาลาออก ก็ได้มีหลายบริษัทติดต่อเขาให้เข้าไปทำงานมากมาย
หนึ่งในนั้นคือ General Instrument Corporation หรือ GIC
บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเชี่ยวชาญในด้านเซมิคอนดักเตอร์และเคเบิลทีวี
ซึ่งเขาได้เลือกทำงานในบริษัทนี้ ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
ด้วยเหตุผลที่ว่า GIC ก็ถือเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ แม้จะไม่เท่า Texas Instruments
แต่ก็ตรงกับเป้าหมายของเขา ที่อยากเป็น CEO ของบริษัทระดับโลก
แต่หลังจากเข้าทำงานที่ GIC ได้ไม่ถึง 1 ปี เขาพบว่า
GIC เป็นบริษัทที่มีแนวทางการเติบโต จากการควบรวมกิจการอื่น ๆ
ต่างจากแนวทางการเติบโตแบบ Organic Growth ที่เขาตั้งใจไว้
ทำให้ระยะเวลาไม่นาน จางจึงได้ตัดสินใจลาออกอีกครั้ง
และแล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ. 1985
ในช่วงนั้น รัฐบาลไต้หวันต้องการเสริมสร้างความสามารถในการผลิตสินค้าของประเทศ
ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะสินค้าไอที
และหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ถูกผลักดัน ก็คือ “อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์”
สิ่งที่รัฐบาลไต้หวันทำในตอนนั้นคือ
มีการจัดสรรเงินทุนเพื่อก่อตั้ง “สถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม”
หรือ Industrial Technology Research Institute (ITRI)
สิ่งที่ยังขาดไปสำหรับ ITRI ของไต้หวัน คือ “ผู้นำ” ที่จะพาให้โครงการนี้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง
และด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของจาง เขาจึงได้รับข้อเสนอจากทางรัฐบาลไต้หวัน ให้เข้ารับตำแหน่งประธานของ ITRI ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องการความสามารถของเขาในการพัฒนาและสร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมในประเทศ
หลังจากที่เขาตกลงรับข้อเสนอในครั้งนี้ ทางรัฐบาลไต้หวันได้ให้โจทย์กับเขาว่า
ต้องการยกระดับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน ผ่านการตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา
จางจึงได้เริ่มวิเคราะห์ โมเดลธุรกิจที่จะทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ
ซึ่งเขาพบว่าไต้หวันในตอนนั้นมีจุดอ่อนเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยและพัฒนา
การออกแบบ และการตลาด ไต้หวันไม่มีความสามารถมากพอ
ที่จะสู้กับทาง Intel หรือ Texas Instruments ซึ่งเป็นเจ้าตลาดอยู่ได้เลย
จุดแข็งเดียวที่พอมี คือ “การผลิต” และจากการวิเคราะห์ จุดอ่อน จุดแข็ง
ทำให้คำตอบของโจทย์นี้ออกมาเป็น “จัดตั้งบริษัทรับจ้างผลิตให้กับบริษัทอื่น”
แม้ความคิดนี้จะโดนคัดค้านในตอนแรก เนื่องจากในตอนนั้นยังไม่มีบริษัทที่มีโมเดลแบบ Fabless หรือ ไม่มีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง เช่น Apple หรือ Nvidia ในปัจจุบัน จึงทำให้ไม่มีตลาดรองรับ
แต่จากประสบการณ์ทำงานในวงการมาอย่างยาวนานเกือบ 30 ปี เขาสังเกตเห็นว่า
ทุก ๆ ปี จะมีพนักงานหลายคนของ Texas Instruments หรือ Intel ที่มีความคิด อยากออกมาสร้างธุรกิจเกี่ยวกับ ชิปเซตเป็นของตัวเอง
แต่ทุกครั้งความคิดนี้ต้องล้มเลิกไป เพราะการที่จะสามารถดำเนินธุรกิจ ชิปเซต ได้นั้น จำเป็นต้องมีโรงงานการผลิตเป็นของตัวเอง
ทำให้ยุคนั้นยังไม่มีบริษัทไหนที่ทำโมเดลธุรกิจรับจ้างผลิตเลย เพราะการสร้างโรงงานจำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาล ซึ่งต้นทุนในการสร้างโรงงานใหม่ถ้าคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่หลักแสนล้านบาทเลยทีเดียว
ในปี ค.ศ. 1987 Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC จึงได้ถูกก่อตั้งขึ้นมา
ซึ่งมีโมเดลการดำเนินธุรกิจ รับจ้างผลิตชิปเซตให้กับบริษัทอื่นโดยไม่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง ซึ่งนับเป็นบริษัทแรกของโลกที่มีโมเดลแบบนี้เกิดขึ้น
โดยในช่วง 3 ปีแรก บริษัทมีลูกค้าเพียงไม่กี่ราย ส่วนใหญ่มาจากภายในประเทศ
แต่หลังจากนั้นในช่วงปี ค.ศ. 1991 เป็นต้นมา สิ่งที่จางคิดไว้ในตอนแรกก็เริ่มเป็นจริง
เพราะเริ่มมีบริษัทที่ต้องการชิปเซตเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากแต่ไม่มีทุนสร้างโรงงานผลิต
บริษัทเหล่านี้จึงได้กลายมาเป็นลูกค้าของ TSMC และได้ทำให้บริษัทเติบโตขึ้น
เหตุผลที่ทำให้หลายบริษัทเข้ามาเป็นลูกค้าของ TSMC เพราะบริษัทมีเทคโนโลยีในการผลิตที่มีความซับซ้อนสูง สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ ซึ่งเป็นผลจากนโยบายการลงทุนในเรื่องการวิจัยและพัฒนา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ในปี ค.ศ. 2020 TSMC มีมูลค่าในการวิจัยและพัฒนาสูงถึง 1.2 แสนล้านบาท คิดเป็น 8.5% เมื่อเทียบกับรายได้ทั้งบริษัท ซึ่งมากกว่า Apple หนึ่งในเจ้าแห่งนวัตกรรมที่มีสัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 6.8% เสียอีก
โดย TSMC มีลูกค้ารายใหญ่คือ Apple, Nvidia และ Qualcomm และมีส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ มากถึง 55.6% เลยทีเดียว
ปัจจุบัน TSMC มีมูลค่าบริษัท สูงถึง 20 ล้านล้านบาท มากกว่า Intel ที่มีมูลค่า 7 ล้านล้านบาท และ AMD ที่มีมูลค่า 4 ล้านล้านบาท ซึ่งนับเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดทั่วโลกอีกด้วย
จากเรื่องทั้งหมดนี้จึงทำให้ตัวเจ้าของบริษัทอย่าง มอร์ริส จาง มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 93,000 ล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 15 ของไต้หวัน
ถ้าถามว่าแนวคิดอะไร ที่ทำให้จางประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้
เราน่าจะสรุปได้เป็น 2 ข้อ
1. มีเป้าหมายที่ชัดเจน
จากเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่า มอร์ริส จาง เป็นคนที่มีเป้าหมายชัดเจนมาก
หากเขารู้สึกว่างานที่เขาทำอยู่ไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่เขาต้องการ
เขาก็พร้อมออกมาเพื่อตามหาสิ่งที่ตรงกับเป้าหมายของเขาเสมอ อย่างเช่น ตอนที่เขาออกจาก Sylvania Semiconductor และ GIC เพราะเขาต้องการงานที่โฟกัสไปที่การพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์เป็นหลัก
2. ความไม่ยอมแพ้
แม้หลายคนจะไม่เห็นด้วยกับการก่อตั้ง TSMC ให้เป็นบริษัทรับจ้างผลิตชิป แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้และเชื่อมั่นในแนวคิดของตนเอง ก่อนที่จะก่อตั้งบริษัทจนสำเร็จ
จากการมีเป้าหมายที่ชัดเจนบวกกับการไม่ยอมแพ้ของจาง จึงไม่แปลกใจเลยที่ในวันนี้เขาสามารถพา TSMC ให้ประสบความสำเร็จจนมีมูลค่าบริษัท 20 ล้านล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดอันดับที่ 9 ของโลกไปแล้ว นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://en.wikipedia.org/wiki/TSMC
-https://en.wikipedia.org/wiki/Morris_Chang
-https://www.longtunman.com/27349
-https://www.longtunman.com/27702
-https://sahilbloom.substack.com/p/the-amazing-story-of-morris-chang
-https://www.yourtechstory.com/2018/08/16/morris-chang-chip-industry-tsmc/
-https://www.semi.org/en/Oral-History-Interview-Morris-Chang
-https://www.forbes.com/profile/morris-chang/?sh=7eb878d45fc4
-https://en.wikipedia.org/wiki/Sylvania_Electric_Products
-https://www.investopedia.com/articles/markets/012716/how-taiwan-semiconductor-manufacturing-makes-money-tsm.asp
-https://en.wikipedia.org/wiki/Semiconductor_fabrication_plant
-https://en.wikipedia.org/wiki/Texas_Instruments
-https://www.counterpointresearch.com/global-smartphone-share/
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過24萬的網紅โบโบ กวนจีน 波波真幸福,也在其Youtube影片中提到,เจ๋อเจ๋อหิวเงิน! โอ้โห ไม่น่าเชื่อว่าจะกินเงินได้จริงๆ ฮ่องกงประท้วง สู้ๆ! ▌Line - ถามตอบการเรียนจีนฟรีๆ https://goo.gl/7HQH0n ▌Subscribe to เจ๋อโบ...
「ฮ่องกง ปัจจุบัน」的推薦目錄:
- 關於ฮ่องกง ปัจจุบัน 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於ฮ่องกง ปัจจุบัน 在 Eat with Pal Li - พี่แป๋วพากินเที่ยวสิงคโปร์ฮ่องกง Facebook 的最讚貼文
- 關於ฮ่องกง ปัจจุบัน 在 Eat with Pal Li - พี่แป๋วพากินเที่ยวสิงคโปร์ฮ่องกง Facebook 的精選貼文
- 關於ฮ่องกง ปัจจุบัน 在 โบโบ กวนจีน 波波真幸福 Youtube 的精選貼文
- 關於ฮ่องกง ปัจจุบัน 在 Evefee Youtube 的最佳貼文
- 關於ฮ่องกง ปัจจุบัน 在 ข่าวฮ่องกง - Facebook 的評價
ฮ่องกง ปัจจุบัน 在 Eat with Pal Li - พี่แป๋วพากินเที่ยวสิงคโปร์ฮ่องกง Facebook 的最讚貼文
🇭🇰 #ฮ่องกง
❗️ แก้ไขข้อมูลผิดพลาดของสื่อไทย 🇹🇭 รายหนึ่ง
.
จริงๆ พี่แป๋วไม่อยากแตะเรื่องการเมือง และขออนุญาตโพสต์นี้ #งดความเห็นทางการเมืองด้วยนะคะ
.
แต่พอดีมีลูกเพจถามเรื่องนี้กันเข้ามาเยอะมากกก (เพราะเห็นโพสต์ของสื่อไทย 🇹🇭 รายนี้นี่แหล่ะ 😣 ดราม่ามาก) เลยขออนุญาตอธิบาย #ข้อมูลที่ถูกต้อง ค่ะ
.
=================
ตามภาพ #สื่อไทยรายหนึ่ง 🇹🇭 อธิบายไว้ว่า วันที่ 21 กค 64 เป็นวันสุดท้ายของคนฮ่องกงผู้ถือ BNO passport ที่ #จะอยู่ในฮ่องกงได้?
.
พี่แป๋วอธิบายบ้านๆ แบบเล่าให้ฟัง เข้าใจง่ายๆ ตามนี้นะคะ (ตรงไหนไม่เป๊ะ ตรงไหนผิด รบกวนทักท้วงด้วย)
.
=========================
(1) BN(O) คืออะไร?
=========================
สั้นๆ ก่อน BNO มันเรื่องของอังกฤษ เค้าไม่มีสิทธิอะไรมายุ่งกับการจะมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์อยู่ในฮ่องกงของคนฮ่องกง อันนั้นมันเรื่องของรัฐบาลฮ่องกงที่จะกำหนด
.
BN(O) ย่อมาจาก British National (Overseas) แปลได้ว่า คนอังกฤษ/สัญชาติอังกฤษที่อยู่ต่างประเทศ
.
คนฮ่องกงที่เกิดสมัยฮ่องกงยังอยู่ใต้อังกฤษ (ก่อนปี 1997) จะถือ #พาสปอร์ตอังกฤษ
โดยรายละเอียดในพาสปอร์ต ตรงสัญชาติ จะระบุว่า British National (Overseas)
.
เข้าใจง่ายๆ ยังไม่ได้เป็นคนอังกฤษเต็มตัว จะเข้าไปอยู่หรือทำงานในอังกฤษไม่ได้ ต้องขอวีซ่า แต่เข้าไปเที่ยว ไม่ต้องขอวีซ่า
.
ส่วนพออังกฤษส่งมอบฮ่องกงให้จีนแล้ว คนฮ่องกงเค้าจะถือพาสปอร์ตอีกเล่มนึง คือ #พาสปอร์ตฮ่องกง ข้างในตรงสัญชาติ จะระบุว่า Chinese หรือ สัญชาติจีน
.
ปัจจุบัน คนฮ่องกงที่เกิดหลังอังกฤษส่งมอบให้จีน จะถือพาสปอร์ตฮ่องกงเล่มเดียว ไม่มีสิทธิขอ BNO passport แล้ว
.
ส่วนคนฮ่องกงรุ่นก่อนคืนจีน บางคนเห็นว่า พาสปอร์ตฮ่องกงก็มีพาวเวอร์เดินทางได้หลายประเทศไม่ต้องขอวีซ่าเหมือนกัน พอ BNO passport หมดอายุ ก็ไม่ไปต่ออายุแล้ว ก็มี(เยอะมาก)
.
และมีคนฮ่องกงอีกเยอะมากเช่นกัน ที่ยังถือพาสปอร์ต 2 เล่ม คือ BNO และ ฮ่องกง
.
===================
(2) BNO visa
===================
ที่นี้ มันเกิดประเด็นตอนจีนใช้กฎหมาย National Security Law กับฮ่องกงตั้งแต่ กค ปีที่แล้ว
.
อังกฤษเห็นว่า กฎหมายนี้ ไม่เป็นไปตามที่ตกลงตอนส่งมอบฮ่องกงกันไว้
.
อังกฤษเค้าเลยให้สิทธิพิเศษกับคนฮ่องกงที่ยังถือ BNO passport หรือเกิดสมัยอังกฤษยังปกครองฮ่องกง (ไม่ใช่คนฮ่องกงทุกคน) ให้ขอ BNO visa ได้
.
visa นี้ จะมีสิทธิเข้ามาอยู่และทำงานในอังกฤษได้ โดยวีซ่ามีอายุ 5 หรือ 6 ปี (ตรงนี้ไม่เป๊ะ และไม่มีเวลาไปขุดข้อมูลให้ ต้องขออภัยด้วย)
.
และถ้าอยู่ถึง 6 ปี จะมีสิทธิ์ขอสัญชาติอังกฤษโดยสมบูรณ์ (แบบที่ไม่มีวงเล็บว่า overseas)
.
ตรงนี้ ประมาณว่า อังกฤษเปิดช่องทางให้คนฮ่องกงที่อยากย้ายไปอยู่อังกฤษโดยถาวร หรือได้สัญชาติกลายเป็นคนอังกฤษเต็มตัวไปเลย ง่ายขึ้น
.
==================
(3) นโยบาย "leave outside the rules" (LOTR)
==================
ทีนี้ก็กลับมาที่ข้อความของ #สื่อไทย 🇹🇭 ในภาพ
ที่บอกว่า วันที่ 21 กค 64 จะเป็นวันสุดท้ายที่คนถือ BNO passport ในฮ่องกง #จะอยู่ฮ่องกงได้
.
ซึ่งเป็น #ข้อความที่ผิดอย่างแรงมากกกกกก
เพราะเป็นวันสุดท้ายของนโยบาย “leave outside the rules” ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการมีสิทธิ์อยู่ฮ่องกงเลยยยยยยย และ deadline ก็เป็นวันที่ 19 กค ด้วย
.
นโยบายนี้ อธิบายได้ว่า
นอกจากอังกฤษเค้าจะอนุญาตให้คนฮ่องกงที่ได้ BNO visa เข้าไปอยู่และทำงานในอังกฤษได้ ตามที่อธิบายในข้อ (2)
.
เค้ายังออกนโยบายนี้ ให้คนฮ่องกงที่ถือ BNO passport ที่อาจจะขอ BNO visa ไม่ทัน ก็เข้ามาอังกฤษก่อนได้เลย อยู่และทำงานได้ 6 เดือน พอเข้ามาแล้วก็ค่อยมาขอ BNO visa ต่อไป
.
เราถึงเห็นข่าวคนฮ่องกงแห่เข้าอังกฤษกันให้ทันก่อน deadline ของ LOTR
.
================
(4) คนฮ่องกงที่ถือ BNO passport จะอยู่หรือกลับมาฮ่องกงได้มั้ย
================
#ได้สิ!
.
อย่างที่บอก BNO มันเรื่องของอังกฤษ เค้ามีสิทธิ์ออกกฎในบ้านเค้า ให้เข้าอังกฤษได้ นู่นนี่นั่น แต่เค้าไม่มีสิทธิอะไรมายุ่งกับการที่คนฮ่องกงจะอยู่ฮ่องกงได้รึปล่าว
.
แต่ตรงนี้ มันก็เกิดอีกประเด็นขึ้นมา
คือ ตั้งแต่ตอนอังกฤษประกาศโครงการ BNO visa ให้คนฮ่องกงปีที่แล้ว #รัฐบาลฮ่องกง 🇭🇰 ก็ออกกฎ #ไม่รับรองBNOpassportในฮ่องกงโดยทันที
.
คือ #ยังถือได้นะ #แต่ใช้BNOpassportในฮ่องกงไม่ได้แล้ว
.
แต่อย่าลืมว่า คนฮ่องกงเค้าได้สัญชาติฮ่องกง (จริงๆ คือ สัญชาติจีน แต่เข้าใจง่ายๆ ประมาณนี้) เค้าก็มีสิทธิ์จะอยู่ฮ่องกงได้อยู่แล้ว ถือพาสปอร์ตฮ่องกง มีบัตรประชาชนฮ่องกง
.
ส่วนคนฮ่องกง(ที่เกิดก่อนส่งมอบคืนจีน) ที่ยังเลือกถือ BNO passport เค้าก็ยังมี Hong Kong passport ด้วย
.
เค้าก็ใช้วิธีเหมือนคนที่ถือพาสปอร์ต 2 เล่มทั่วไป
คือ ติดต่อ ต.ม. ฝั่งไหน ยื่นพาสปอร์ตเล่มนั้น
.
พวกที่ย้ายออกไปอังกฤษกันตามภาพ
ตอนออกจากฮ่องกง เค้าก็ยื่น Hong Kong Passport (หรือ บัตรประชาชนฮ่องกง) ให้ ต.ม.ฮ่องกง
พอถึงอังกฤษ เค้าก็ยื่น BNO passport ให้ ต.ม.อังกฤษไป
.
ซึ่ง! ณ ตอนนี้ #ถ้าเค้าจะกลับมาฮ่องกง #ก็ยังทำได้
.
เหมือนเดิม คือ ขาเข้าฮ่องกง ก็ยื่น Hong Kong passport หรือ บัตรประชาชนฮ่องกง ให้ ต.ม. ฮ่องกง
.
ทีนี้ มันมีความเสี่ยงตรงที่ วันดีคืนดี รัฐบาลฮ่องกงอาจ #ไม่ให้ถือ BNO passport แล้ว อาจจะต้องเลือกพาสปอร์ตเดียว
.
ตรงนี้ จะกระทบกับพวกที่เข้าอังกฤษและอยู่ด้วย BNO visa ต้องสละพาสปอร์ตฮ่องกง เพราะต้องยึด BNO passport ไว้ให้อยู่อังกฤษต่อได้
.
แล้ว ณ ตอนนี้ ก็ใช้ BNO passport เข้าฮ่องกงไม่ได้แล้ว
ถ้าวันนั้นมาถึง เค้าถึงจะกลับเข้าฮ่องกงไม่ได้
.
#แต่ตอนนี้ยังเข้าได้ เพราะรัฐบาลฮ่องกงยังไม่มีกฎให้ต้องสละ BNO passport หรือ เลือกพาสปอร์ตแค่เล่มใดเล่มหนึ่ง
.
ไม่งงนะ อือ ตามนี้แหล่ะ ไปเขียนรายงานโควิดต่อละ 😆
.
ใครอยากอ่านเพิ่ม อ่านจาก #สื่อฮ่องกง 🇭🇰 ที่นี่ อันนี้ข้อมูลที่ถูกต้องค่ะ
>> https://www.thestandard.com.hk/section-news/section/11/232238/BNO-holders-rush-out-as-emergency-route-ends?fbclid=IwAR1mzAcBtVvJYmVu7G75aQvxT1HTCwMxN8QFmCUZXav6-ImHEh4S5b3R1QE
.
#EatwithPalLi #พี่แป๋วพากินเที่ยวสิงคโปร์ฮ่องกง 🇸🇬🇭🇰
ฮ่องกง ปัจจุบัน 在 Eat with Pal Li - พี่แป๋วพากินเที่ยวสิงคโปร์ฮ่องกง Facebook 的精選貼文
🇭🇰 #HongKong
✈️ ฮ่องกงประกาศเลื่อนโครงการ Travel Bubble กับสิงคโปร์ เนื่องจากสิงคโปร์เปลี่ยนแนวทางไม่ยึดติดให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเป็นศูนย์
.
แว่วล่มมาแล้วรำไร 😆
.
หลังจากรัฐบาลสิงคโปร์ 🇸🇬 สร้างความฮือฮาด้วยการประกาศแนวทางให้ประชาชนสิงคโปร์อยู่ร่วมกับโควิดให้ได้
เพราะเชื่อว่าเชื้อโควิดอาจไม่มีวันหมดไป และจะไม่ยึดติดให้จำนวนผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นเป็นศูนย์
.
เมื่อวานนี้ (1 กค) มีข่าวว่า
Dr. Ivan Hung ประธานองค์ประชุมร่วม คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญการประเมินเหตุการณ์เกี่ยวกับสถานพยาบาลของฮ่องกง 🇭🇰 มีความเห็นว่า
.
จากการที่สิงคโปร์เปลี่ยนกลยุทธ์ในการป้องกันโรคระบาด โดยจะไม่ยึดติดให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในท้องถิ่นเป็นศูนย์นั้น
.
แนวทางนี้มีความอันตรายที่จะแพร่กระจายการติดเชื้อในท้องถิ่น และทำให้ระบบสาธารณสุขล่มสลายได้
.
โครงการ Air Travel Bubble ระหว่างฮ่องกงและสิงคโปร์ จึงจะเลื่อนไปก่อน
.
โดย Dr. Hung ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า
เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน เชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียมีกำลังในการแพร่ระบาดสูง
ฮ่องกงจึงจะยังคงมุ่งแนวทางควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในท้องถิ่นให้เป็นศูนย์
และจะเพิ่มอัตราการได้รับวัคซีนโควิดของประชาชนควบคู่ไปด้วย
.
==============
อนึ่ง สถิติ ณ วันที่ 1 กค 64
.
ฮ่องกง 🇭🇰
ฉีดวัคซีนโควิดให้พลเมืองอย่างน้อย 1 เข็มแล้ว จำนวน 2.28 ล้านโดส และฉีดครบ 2 เข็มแล้ว จำนวน 1.5 ล้านโดส
คิดเป็น 33.5% และ 22% ของจำนวนพลเมืองที่สามารถฉีดวัคซีนโควิดได้ หรือ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป
.
วัคซีนที่ฉีดให้ประชาชน คือ SinoVac และ Fosun/BioNTech (หรือ Pfizer/BioNTech)
ประชาชนสามารถเลือกวัคซีนที่ต้องการฉีดได้เอง ตั้งแต่เริ่มโครงการในเดือน กพ 64
โดยสัดส่วนวัคซีนที่ฉีด ณ ปัจจุบัน คือ SinoVac (42%) และ BioNTech (58%)
.
โดยฮ่องกงปลอดผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นติดต่อกัน 24 วัน
จนกระทั่งในวันนี้ (2 กค) พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียในชุมชน 1 คน แต่ผลตรวจยังไม่แน่ชัด และจะทำการสืบสวนเพิ่มเติมต่อไป
.
ส่วนสิงคโปร์ 🇸🇬
ฉีดวัคซีนโควิดให้พลเมืองอย่างน้อย 1 เข็ม จำนวน 3.38 ล้านโดส และครบ 2 เข็มแล้ว 2.11 ล้านโดส
คิดเป็น 59.2% และ 37% ของจำนวนพลเมืองที่สามารถฉีดวัคซีนโควิดได้ หรือ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป
.
วัคซีนที่ฉีดให้ประชาชน คือ Pfizer และ Moderna
เพิ่งเปิดให้ประชาชนเลือกฉีดวัคซีนเองได้ในเดือน เม.ย. 64 หลังจากเริ่มโครงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในเดือน ธค 63
จนกระทั่งในเดือนที่แล้ว (มิย 64) ทางการอนุญาตให้คลีนิคเอกชนฉีดวัคซีน SinoVac ได้ แต่ไม่บรรจุ SinoVac อยู่ในแผนวัคซีนแห่งชาติ
.
โดยสิงคโปร์มีการระบาดของโควิดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา
จนต้องออกมาตรการควบคุมโรคระบาดในชุมชน และเลื่อนโครงการ Travel Bubble กับฮ่องกง จากกำหนดการเดิม วันที่ 26 พค 64
.
เครดิตภาพ: Inside Asian Gaming
.
Source:
https://www.dimsumdaily.hk/dr-ivan-hung-thinks-relaxed-border-reopening-with-mainland-and-macao-to-happen-soon-air-travel-bubble-with-singapore-will-be-delayed/?fbclid=IwAR16vCAzWxe9CSWTrdIBwOAYaYx-2XyQhwDPLef2Xb-O0WRVwVwwZvv1r9M
.
https://sgtalk.org/mybb/Thread-HK-border-reopening-with-Mainland-and-Macao-to-happen-soon-air-travel-bubble-with-Sg
.
#EatwithPalLi #พี่แป๋วพากินเที่ยวสิงคโปร์ฮ่องกง 🇸🇬🇭🇰
ฮ่องกง ปัจจุบัน 在 โบโบ กวนจีน 波波真幸福 Youtube 的精選貼文
เจ๋อเจ๋อหิวเงิน! โอ้โห ไม่น่าเชื่อว่าจะกินเงินได้จริงๆ
ฮ่องกงประท้วง สู้ๆ!
▌Line - ถามตอบการเรียนจีนฟรีๆ
https://goo.gl/7HQH0n
▌Subscribe to เจ๋อโบ กวนจีน
https://goo.gl/5IZ7fB
▌Follow us
Our Instagram: www.instagram.com/kuanjeen
Jer's Instagram: www.instagram.com/jer_styles
Bow's Instagram: www.instagram.com/bowbyspice
Facebook: www.facebook.com/kuanjeen
YouTube: www.youtube.com/kuanjeen
▌คำศัพท์
เช็คอิน(เฟซบุค) 【打卡/打卡/ dǎkǎ】
ร้านติ่มซำ 【茶餐廳/茶餐厅/ chá cāntīng】
ร้านน้ำแข็งไส【冰室/冰室/ bīng shì】
ที่เที่ยวฮิตต้องเช็คอิน【打卡景點/打卡景点/ dǎkǎ jǐngdiǎn】
ขนมปังสับปะรดไส้เนย【冰火菠蘿油/冰火菠萝油/ bīnghuǒ bōluó yóu】
#เจ๋อโบ #เจ๋อเจ๋อ #โบโบ #ภาษาจีน
ฮ่องกง ปัจจุบัน 在 Evefee Youtube 的最佳貼文
สวัสดีค่ะทุกคนในที่สุดคลิปนี้ก็มานะคะ
บอกไว้ก่อนว่าเป็นของที่อีฟใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน ก็ใช้ประมาณนี้ค่า เยอะหน่อยแต่เพื่อความงามเรายอม เน้นไปทาง anti-aging นิดนึงเพราะว่าเริ่มอายุเยอะขึ้นกลัวริ้วรอยจะมาค่ะ 555 จริงๆแล้วไม่ควรให้เกิดริ้วรอยแล้วค่อยใช้นะคะ ใช้ก่อนที่มันจะเกิดนี่แหละค่ะดีที่สุด
❥ TALK TO ME
+Facebook : https://www.facebook.com/EvefeeBlog
+Instagram : https://www.instagram.com/_Evefee_
+Youtube : Evefee
+twitter : _Evefee_
+E-mail : [email protected]
+Blog : http://www.evefeeblog.com
โนสปอนเซอร์เด้อข่ะะะะ
ฮ่องกง ปัจจุบัน 在 ข่าวฮ่องกง - Facebook 的美食出口停車場
15 ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานขับรถราว 270 คน ซึ่งขาดกำลังคนที่ตั้งเป้าไว้ที่ 300 คน แต่บริษัทจะพยายาม "ทุกวิถีทาง" เพื่อสรรหาบุคลากรสายเลือดใหม่ รวมถึง ... ... <看更多>