แม่ส่งมาให้อ่าน
ประสบการณ์ของคุณสุชาติ ชวางกูร
โดยปกติผมเป็นคนระมัดระวังตัวกับการเดินทางออกไปข้างนอกมาก
จะใส่แมส 2ชั้น ล้างมือบ่อยมากทั้งน้ำสบู่ทั้งเจลแอลกอฮอล์
เหตุการณ์น่าจะเป็นวันที่ 8มิถุนายน
ที่ผ่านมา
ผมจะเดินทางไปออกจากบ้านไปบริจาคพลาสมาที่สภากาชาดไทย ทุกๆ 2 อาทิตย์
เพราะช่วงนี้ผมจะ Work From Home
และก็เป็นดังเช่นปกติ.. ในวันอังคารที่ 8 มิถุนายน ผมก็เดินทางไปสภากาชาดไทยเช่นเคย หลังจากบริจาคเสร็จในช่วงเย็น ผมก็เดินทางไปเซนทรัลเวิลด์ เพื่อไปซื้ออุปกรณ์เสริมของแทปเลต
โดยแวะที่ร้านทรูช้อป และ ร้านติดฟิลม์กระจกพร้อมเคส ในห้างนั้น
พอค่ำนิด ผมก็เดินไปนั่งทานอาหารคนเดียว ที่ชั้น6 (ทั้งร้านมีลูกค้าคือผมคนเดียว) ผมก็รีบทานสปาเกตตี มังสวิรัติ แล้วก็ขนม1อย่าง ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน
ไปที่ลานจอดรถแล้วขับรถกลับ ทุกอย่างเป็นปกติ หลังจากวันนั้นผมก็อาศัยอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปไหน จนวันที่12 มิถุนายน
ผมก็ได้ออกไปวิ่งในบริเวณหมู่บ้านเช่นปกติเป็นระยะทาง6กิโลกว่า
(แบบต่อเนื่องไม่หยุด ทั้งหมู่บ้านก็จะมีผมวิ่งคนเดียว โดยจะวิ่งตรงหน้าพื้นที่ส่วนตัวหน้าบ้านเป็นหลัก)
ช่วงตกคืนนั้น เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว
จนล่วงมาวันที่13 มิถุนายน รู้สึกเหมือนเป็นไข้นิดหน่อย ผมก็เริ่มทานฟ้าทะลายโจรครั้งละ3-4เม็ด 4เวลา แต่ตัวก็ยังร้อนๆอยู่ ผมให้น้องไปซื้อปรอทวัดไข้ ก็วัดได้38กว่าๆ ผมทานฟ้าทะลายโจรไป5วัน
จนวันที่18ผมก็ได้เดินทางไปขอตรวจหาเชื้อโควิดที่รพ.ธนบุรี2 แต่ทางโรงพยาบาลไม่ตรวจให้ เพราะเขาคาดว่าผมคงเป็น และแนะเลี่ยงให้ผมไปตรวจโรงพยาบาลของรัฐเอง ผมได้โทรหาน้องสาวที่น่ารักและสนิทของผมคนนึง เพื่อปรึกษาว่าจะไปตรวจที่ไหนดี
ผมก็ทำตามคำแนะนะของน้อง และได้คุยกับคุณหมอ ท่านนึง (ผ่านการประสานของน้องรักที่สนิท) คุณหมอท่านนี้แนะนำให้ไปตรวจที่รพ.กลาง ผมเดินทางไปตรวจหาเชื้อในเช้าวันที่19 มิถุนายน
จนวันที่20 มิถุนายนทางโรงพยาบาลก็ได้แจ้งกลับมาว่าผมติดเชื้อโควิด และได้ส่งรถพยาบาลมารับที่บ้าน เพื่อเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกลาง
ผมได้เข้าพักตึกผู้ป่วยที่อาการยังไม่หนักในตอนแรก (X-ray ปอดครั้งแรกยังโอเค)
โดยทางโรงพยาบาลให้ดูแลตัวเอง โดย1ห้อง มีผู้ติดเชื้ออยู่2คน ผมก็ดูแลตัวเอง วัดไข้เอง วัดความดันเอง วัดค่าออกซิเจน ทุกวัน ต้องเจอะน้ำตาล เพราะค่าน้ำตาลจะเพี้ยน ถึงแม้ผมไม่ใช่คนทานหวานเลย น้ำตาลยังโดดไป187 แล้วต้องคอยส่งไลน์ไปบอกพยาบาล แต่อาการผมไม่ปกติซะแล้ว ไข้ยังคงสูง ถึง39-40องศา
ในวันที่21มิถุนายน ผมก็ได้รับการตรวจปอดครั้งที่2 (ปอดเริ่มเปรอะขึ้น เป็นฝ้า ผมผ่านการX-rayทั้งหมด4ครั้ง )ค่าออกซิเจนผมเริ่มตกมาแค่94 และลดลงมาเรื่อยๆ จนวันที่22มิถุนายน (เริ่มทานยา ฟาวิพิราเวียร์ ไข้ยังสูงถึง40อาศา)
ผมถูกย้ายมาตึกพิเศษสำหรับคนไข้เริ่มหนัก ผมต้องใช้ออกซิเจนตลอดเวลา เพราะค่าออกซิเจนตกมา89-90 นั่นคือต่ำสุด ไอและเสมหะ ออกมาเป็นเลือดทุกครั้ง หายใจลึกไม่ได้ เพราะเจ็บปอดข้างขวา ผมได้รับการรักษาอย่างเข้มข้น ทั้งรับประทานยา ฉีดยาแก้อักเสบอีกวันละ2-3ครั้ง ทานยาหลังอาหารอีก3-4อย่าง
ผมย้ายห้องอีก1ครั้ง แต่ก็ยังเป็นห้องผู้ป่วย 2เตียง ตามปกติ (โรงพยาบาลเตียงเต็มทุกเตียง) ผมอยู่รับการรักษาตลอด2สัปดาห์ บรรยากาศค่อนข้างกดดัน เพราะอาการไม่ดี นอนหลับยาก ลุกเข้าห้องน้ำเองได้ แต่จะเหนื่อย และรีบกลับมาใส่ออกซิเจน ไว้ตลอดเวลา ในใจคิดว่าจะผ่านไปได้ไหม เพราะไม่เคยต้องมาป่วยแบบนี้ หนาวสั่นร้อน เปลี่ยนเสื้อตอนกลางคืนวันละ2-3ตัวทุกวัน เพราะเสื้อเปียกทุกคืน (ตอนโดนแก็สพิษเมื่อปี56 ปอดขาวทั้งปอด แต่ก็หายได้อย่างรวดเร็ว)
อาการผมตลอดในสัปดาห์ที่2ก็ค่อยๆดีขึ้น หายใจได้ลึกขึ้น และค่อยๆลดออกซิเจนไปจนไม่ต้องใช้ ผมได้ใช้เวลาในโรงพยาบาลด้วยการฟังเทศน์จากพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์และสมณะชาวอโศก ทุกวัน รวมทั้งอ่านหนังสือธรรมะของพ่อท่าน (ส่วนนึงเพราะเป็นนักวิ่งจริงจังมานาน ทำให้ปอดมีความแข็งแรง ถ้าไม่ใช่คนออกกำลังกาย คงหนักกว่านี้อีกหลายเท่า น่าจะถึงขั้นใส่ท่อแน่นอน)
อยู่รักษาที่โรงพยาบาลมาจนออกจากโรงพยาบาลเมื่อเย็นนี้ได้ ช่างโชคดีนักหนา
จึงอยากจะบอกกับเพื่อนๆทุกท่านว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ จงอย่าประมาทเวลาไปไหนมาไหน ผมออกจากบ้านน้อยมาก และไม่เคยไปนัดสังสรรค์กับใครที่ไหน ยังติดเชื้อจนได้ ดังนั้นทุกท่านควรซื้ออาหารกลับบ้าน อย่าไปเผลอถอดแมส และเปิดปากในที่มีคน ควรใส่แมสคุณภาพไว้2ชั้น ล้างมือให้บ่อยที่สุด พกเจลแอลกอฮอล์ตลอดเวลา
อย่าได้ประมาทเลยครับ เพราะเวลาติดขึ้นมาแล้ว ถ้าหนักมันจะทรมานมาก ไม่สนุกเลยกับการนอนโรงพยาบาล คนไข้ทุกคนเครียดกดดันทุกคน ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าจะผ่านไปได้หรือไม่ (ตอนเสมหะออกมาเป็นเลือดทุกครั้ง
ผมก็ไม่รู้จริงๆว่าจะผ่านมาได้หรือไม่ และปอดก็ได้รับความเสียหายไปแล้ว ต้องอาศัยเวลาเพื่อฟื้นตัวต่อไป )
ถึงจะกลับมาอยู่ที่บ้านก็ต้องแยกกักตัวเองต่อ และทำการฟื้นฟูตัวเอง ทานยาต่อ เพราะจะยังอ่อนเพลีย และทำตามข้อปฏิบัติที่ทางคุณหมอแนะนำต่อไป
ส่วนเรื่องวัคซีนเข็มแรกผมก็ไม่สามารถฉีดได้ เพราะคิวผมจองไว้วันที่ 2กรกฎาคม พอมาติดเชื้อจึงไม่สามารถไปฉีดวัคซีนได้
ส่วนการป่วยครั้งนี้ทำให้น้ำหนักลดไปถึง6 กิโล เรียกว่าบักโกรกเลย กล้ามที่ฟิตมาหายหมด ต้องใช้เวลาอีกซักพักใหญ่กว่าจะฟื้นกล้ามเนื้อใหม่
ขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดี อย่าได้ประมาทเด็ดขาด ถ้าเริ่มมีอาการ สงสัยตัวเอง ให้รีบไปตรวจโดยไว อย่าปล่อยไว้นาน จะได้รับการรักษาได้ทันเวลานะครับ
(ส่วนพ่อกับน้องชาย ตรวจหาเชื้อ2ครั้ง ผลเป็นลบ เพราะผมแยกขังตัวเองในห้องตั้งแต่เริ่มมีไข้)
ขอกราบขอบพระคุณแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน ที่ได้เสียสละทำงานอย่างหนัก ต้องคอยดูแลผู้ป่วยติดเชื้อในชุดป้องกันPPE ท่ามกลางนาทีชีวิตของผู้ป่วยติดเชื้อทุกคน
#อย่าประมาทแม้เพียงน้อยนิดเพราะชีวิตจะเปลี่ยนทันที
#ลดการเดินทางออกไปข้างนอก
#อย่าเปิดปากเปิดจมูกข้างนอกบ้านโดยเฉพาะในที่มีคนมาก
#ซื้ออาหารกลับมาทานที่บ้าน
#ทำกับข้าวเองให้มากที่สุด
#ออกกำลังกายสม่ำเสมอภายในบ้าน
#อยู่บ้านหลายคนกับผู้สูงวัยก็ควรใส่แมส
#รักษาความสะอาดในทุกเรื่องของร่างกาย
#นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
#อย่าได้นัดเจอใครข้างนอกบ่อยติดต่อโทรศัพท์ประชุมออนไลน์ได้จะดีกว่า
#สามัคคีร่วมมือช่วยกันให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้
#ไปฉีดวัคซีนกันทุกคน
#ปลูกอะไรกินที่บ้านได้ก็ปลูก
#เราจะผ่านโควิดและปลอดภัยไปด้วยกันถ้าทุกคนร่วมมือรับผิดชอบต่อส่วนรวม
Search
อย่าเปิดปากเปิดจมูกข้างนอกบ้านโดยเฉพาะในที่มีคนมาก 在 #อย่าเปิดปากเปิดจมูกข้างนอกบ้านโดยเฉพาะในที่มีคนมาก ... 的美食出口停車場
โดย ปกติผมเป็นคนระมัดระวังตัวกับการเดินทางออกไปข้างนอกมาก จะใส่แมส 2ชั้น ล้างมือบ่อยมากทั้งน้ำสบู่ทั้งเจลแอลกอฮอล์ … See more. All reactions:. ... <看更多>