ช้างเผือกถือเป็นช้างคู่บ้านคู่เมือง เกิดขึ้นในรัชกาลใดก็ถือว่ามีบุญญาธิการ บ้านเมืองจะอยู่ร่มเย็นเป็นสุข
ลักษณะของช้างเผือกที่ต้องตามตำราโบราณกำหนดไว้ว่า จะต้องมีคชลักษณ์ เกินกว่าครึ่งของ ๗ ประการ คือ ตาขาว เพดานขาว เล็บขาว ขนขาว พื้นหนังขาวหรือสีหม้อใหม่ ขนหางขาว อัณฑโกศขาวหรือคล้ายหม้อใหม่ (หม้อดิน)
การดูลักษณะช้างเผือกนั้นนอกจากดูเนื้อตัวแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ "หูหางสรรพ" คือหูไม่แหว่งฉีก หางต้องมีขน ถ้าหางไม่มีขนถือว่าช้างไม่ดี แต่ถ้าไม่มีหางละจะถือว่าช้างดีหรือไม่
ในพ.ศ. ๒๓๓๗ พระยานครราชสีมาได้มีการบอกว่ามีชาวภูเขียวคล้องช้างไเ้ชือกหนึ่งแต่สีประหลาด เมื่ออาบน้ำพอตัวแห้งจะมีสีนวล ตา เล็บ ขนตัวหางเป็นสีขาว เจ้าของฝึกเอาไว้ใช้งาน ใครเห็นใครก็ทักว่าช้างสำคัญ เจ้าของเลยเริ่มกลัวว่าจะถูกทางการเอาช้างไปจึงตัดหางช้างทิ้ง(น่าสงสารถ้าสมัยนี้คงติดคุกนะ) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดให้ส่งช้างมาให้ทอดพระเนตร เมื่อทรงพิจารณาตามหลักคชลักษณ์แล้ว จึงดำรัสว่าเป็นช้างเผือกตรี แต่น่าเสียดายที่หางถูกตัดไป ทรงพิโรธเจ้าของช้างมาก จึงไม่ได้พระราชทานอะไรส่วนหางที่ด้วนนั้นก็ให้เอาหางโคมาผูกต่อเข้าเป็นช้างโคบุตร นำเข้าพิธีสมโภช พระราชทานนามว่า "พระอินทร์ไอยรา รัตนาเคนทร์ คเชนทรบินทร์ อนันตคุณ สมบูรณ์เลิศฟ้า" ชื่อยาวมากๆๆๆๆๆ ต่อมารัชกาลที่ ๒ พระราชทานนามใหม่ยาวกว่าเดิมว่า "พระอินทรไอยรา คชาชาติฉัททันต์ ผิวพรรณเผือกตรี สียอดตองตากแห้ง วิษณุแกล้งรังรักษ์ มงคลลักษณ์เลิศฟ้า"
นอกจากนี้นะ ในราวปี พ.ศ. ๒๓๐๑ ขณะที่พระเจ้าเอกทัศน์ กษัตริย์พระองค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยาขึ้นครองราชย์ คืนหนึ่งเกิดโกลาหลขึ้นที่โรงช้าง ทำให้ช้างทั้งโขลงแตกตื่นหนีหายออกไป เมื่อเหตุการณ์สงบลง บรรดาควาญช้างจึงตั้งหลักกันใหม่ ออกตามหาช้างที่เตลิดหนีออกไป ตามกลับมาได้หมดยกเว้นช้างเชือกสุดท้ายที่สำคัญที่สุด ช้างเผือกคู่บารมีนั้นเอง
(งานเข้า) งานนี้มติที่ทางการสั่งก็คือให้ ๒ พี่น้องที่อายุได้ ๒ๆกว่าๆ ชื่อว่า ทองด้วงกับบุญมา ทั้ง ๒ มุ่งหน้าออกจากเมืองตรงไปยังดงพญาไฟ ถึงนครราชสีมา พวกหมอช้างที่พิมายแนะนำให้ไปหาพวกส่วยที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในสุรินทร์ในปัจจุบัน
ทั้ง ๒ ได้ไปที่หมู่บ้านกุดหวาย ได้ร่วมกับบรรดาหัวหน้าส่วย ตรงหนองน้ำที่ช้างลงเล่นน้ำและพอบ่ายก็เห็นช้างเผือกที่หนีมาอยู่ในโขลงช้างนี้จริงๆ ทำให้ ๒ พี่น้องดีใจเป็นที่สุด ทำพิธีสะกดช้างตามตำรับหลวงของกรุงศรีอยุธยา โดยใช้ก้อนอิฐ ๘ ก้อนที่นำใส่ย่ามมาเสกเวทย์มนต์แล้วปาไปยังโขลงช้างทั้ง ๘ ทิศ ปรากฏว่าช้างป่าแตกตื่นเหลือเพียงช้างเผือกยังยืนอย่างสงบอยู่เพียงเชือกเดียว ต่อมาในแผ่นดินกรุงธนบุรี นายทองด้วงได้เป็นพระยามหากษัตริย์ศึก และนายบุญมาเป็นเจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราช ทหารเอกสองพี่น้องของพระเจ้าตาก
และใครจะคิดว่ามหาดเล็กที่ตามช้างคู่บารมี ต่อมาผู้พี่คือต้นราชวงศ์จักรี ผู้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนผู้น้องผู้ชนะ ๑๐ ทิศชื่อว่า "พระยาเสือ"
เห็นไหม ชีวิตคนถ้าทำดียังไงก็ได้ดี คนมีบุญไม่ว่าจะเกิดมาอย่างไรสุดท้ายก็มีบุญ เห็นไหม ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน อดีตคือเรื่องที่ผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรก็ไม่ได้ อนาคตก็ยังเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึงคิดไปก็เท่านั้น แต่ปัจจับันต่างหากที่เราต้องระวัง เพราะถ้าไม่ระวังเราจะก่อกรรมปัจจุบันที่ทำให้อนาคตเราเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีไง
พระยาเสือ 在 ช่วงที่ 2 วังหน้าพระยาเสือ เมื่อต้องโค่นพระเจ้าตาก? - YouTube 的美食出口停車場
ช่วงที่ 2 วังหน้า พระยาเสือ เมื่อต้องโค่นพระเจ้าตาก? : มติชน วีกเอ็นด์ 25 ก.พ.60 : Matichon TV. 282K views · 6 years ago ...more ... ... <看更多>