สรุปเรื่อง M&A การควบรวมกิจการ คืออะไร? ครบจบในโพสต์เดียว /โดย ลงทุนแมน
ยุคสมัยนี้ การแข่งขันในโลกธุรกิจ ทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าอดีตอย่างมาก
หลายบริษัทเจอความท้าทายต่าง ๆ
ทั้งเศรษฐกิจที่ผันผวน และการเพิ่มขึ้นของคู่แข่งในอุตสาหกรรม
บริษัทจำนวนไม่น้อย จึงเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า Mergers and Acquisitions หรือ “M&A” เพื่อความอยู่รอด หรือแม้แต่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจตนเอง
M&A คืออะไร และมีความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจปัจจุบัน มากแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
M&A ย่อมาจาก 2 คำ คือ “Mergers and Acquisitions”
โดย Mergers นั้นหมายถึง การที่บริษัทตั้งแต่ 2 บริษัทขึ้นไป ทำการควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน
เป็นผลให้ทั้งบริษัทเหล่านั้น ถูกยุบรวมและเหลือเพียงแค่บริษัทใหม่เกิดขึ้น และบริษัทเดิมทั้งสอง (หรือมากกว่า 2) ก็จะเป็นเจ้าของบริษัทใหม่ร่วมกัน
ซึ่งตัวอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาก็คือ การควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย และธนาคารธนชาต จนกลายมาเป็น ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB
ส่วนคำว่า Acquisitions นั้นหมายถึง การที่บริษัทหนึ่งเข้าไปซื้อกิจการของอีกบริษัทหนึ่ง
กรณีแรกคือ Share Acquisition คือผู้ที่เข้ามาซื้อ
จะได้หุ้นของบริษัทที่ถูกซื้ออาจจะบางส่วนหรือทั้งหมด
ซึ่งผู้ซื้อจะได้มาซึ่งสิทธิ์ในการออกเสียงในการประชุม หรือพูดง่าย ๆ ว่ามีสิทธิ์ควบคุมการตัดสินใจของกิจการที่ถูกซื้อ อย่างเช่น การเข้าซื้อหุ้น INTUCH ของ GULF
อีกกรณีคือ ผู้ซื้อจะได้มาซึ่งทรัพย์สิน, หน่วยธุรกิจบางส่วนหรือทั้งหมด ของกิจการที่ถูกซื้อ ซึ่งกรณีนี้เราเรียกว่า Asset Acquisition หรือ Business Acquisition
ซึ่งตัวอย่างที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ก็เช่น กรณีที่ MAKRO รับโอนกิจการทั้งหมดของ LOTUS แล้วออกหุ้นเพิ่มทุนให้กับเจ้าของเดิมที่เป็นบริษัทในเครือซีพี เพื่อชำระเป็นค่าโอนกิจการ
ทีนี้ลองมาดูกันว่ามีเหตุผลสำคัญอะไรบ้าง ที่ทำให้บริษัทส่วนใหญ่นิยมหยิบกลยุทธ์ M&A มาใช้
- เสริมการเติบโตให้กับบริษัท
เมื่อธุรกิจของบริษัทเติบโตมาถึงจุดหนึ่ง การที่จะผลักดันให้ธุรกิจเติบโตมากขึ้นถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เช่น หากธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมที่ขนาดตลาดเริ่มไม่เติบโตแล้ว การจะขยายส่วนแบ่งตลาดอาจทำได้ลำบาก
กรณีนี้บริษัท ก็จะต้องพึ่งการเข้าไปควบรวมกิจการคู่แข่งที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันนั้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ทันที โดยไม่ต้องไปเสียเวลาลงทุนพัฒนาสินค้า ทดลองตลาด หรือจ้างพนักงานเพิ่ม
หรือแม้แต่ถ้าธุรกิจเดิมของบริษัทนั้นเริ่มอิ่มตัว การเข้าไปควบรวมกิจการกับบริษัทอื่นที่อยู่ในธุรกิจใหม่ ก็สามารถสร้างการเติบโตจากภายนอกกิจการ หรือ Inorganic Growth ได้เช่นกัน
- เพิ่มอำนาจ และผลประโยชน์ร่วมทางธุรกิจ ให้กับบริษัท
เมื่อบริษัทมีการควบรวมกิจการกันเกิดขึ้นแล้ว จะทำให้เพิ่มอำนาจและผลประโยชน์ทางธุรกิจได้ เพราะบริษัทที่ควบรวมสามารถใช้ทรัพยากร รวมไปถึงจุดแข็งของแต่ละบริษัทร่วมกัน ทั้งยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานโดยรวมให้ลดลงอีกด้วย
ตัวอย่างเช่น การควบรวมกันของธุรกิจค้าปลีก
ที่สามารถเพิ่มอำนาจซื้อและต่อรองกับซัปพลายเออร์ จนอาจได้รับส่วนลด และช่วยให้เกิดการประหยัดต่อขนาด ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง
- เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ
สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป มีหลายบริษัทที่ปรับตัวไม่ทัน ต้องประสบปัญหา บางบริษัทขาดสภาพคล่อง เข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็ก หรือบริษัทที่กำลังประสบปัญหา
ดังนั้น เราจึงเห็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเงินทุนสูงพยายามเข้าไปควบรวมกิจการกับบริษัทขนาดเล็กหลายแห่งที่ยังมีโอกาสเติบโตในอนาคต แต่กำลังประสบปัญหาอยู่
ซึ่งการควบรวมกับธุรกิจขนาดใหญ่ จะทำให้ธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจที่กำลังประสบปัญหานั้นมีโอกาสอยู่รอดสูงขึ้น
และหากมองในมุมของ รูปแบบการควบรวม เราก็สามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ คือ
1. การควบรวมกิจการแบบแนวนอน (Horizontal Integration)
เป็นการควบรวมกิจการที่ทำธุรกิจเหมือนกัน หรืออยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งผลประโยชน์จากการควบรวมแบบนี้คือ เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)
จากการที่สามารถเพิ่มกำลังการผลิต เพิ่มส่วนแบ่งตลาด ลดคู่แข่ง รวมไปถึงการเกิดผลประโยชน์ทางธุรกิจเพิ่มขึ้น และเพื่อให้เกิดจากการแชร์เทคโนโลยี ทรัพยากร และบุคลากรร่วมกัน
ตัวอย่างดีลแบบนี้ ก็เช่น The Walt Disney ที่มีส่วนธุรกิจผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์รายใหญ่ ได้เข้าซื้อกิจการของ 21st Century Fox สตูดิโอผลิตภาพยนตร์ชื่อดัง ด้วยมูลค่ากว่า 2.3 ล้านล้านบาท ในปี 2019
2. การควบรวมกิจการแบบแนวตั้ง (Vertical Integration)
เป็นการควบรวมของธุรกิจที่มีห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เดียวกัน เพื่อลดต้นทุนการผลิต และจัดการกระบวนการผลิตได้ง่ายขึ้น
เช่น ในปี 2012 Google ได้เข้าซื้อกิจการของ Motorola Mobility ที่แยกตัวออกมาจาก Motorola และเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาสมาร์ตโฟน Android ด้วยมูลค่ากว่า 406,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามดีลนี้ของ Google ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก เพราะตลาดโทรศัพท์มือถือมีการแข่งขันกันที่รุนแรง
3. การควบรวมกิจการที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน (Conglomerate Integration)
เป็นการควบรวมของธุรกิจที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ทั้งนี้เพื่อ สร้างการเติบโตจากธุรกิจใหม่ รวมไปถึงความต้องการที่จะกระจายความเสี่ยงเพื่อไม่ให้กิจการมีรายได้หลักมาจากธุรกิจเดิมเท่านั้น
ตัวอย่างของบริษัทที่เกิดจาก Conglomerate Integration เช่น กลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น หรือ TCC Group ของคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี
ที่มีการควบรวมกิจการต่าง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องมาอยู่ในเครือมากมาย เช่น ธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม อสังหาริมทรัพย์ ประกัน การเงิน และธุรกิจการเกษตร
ทั้งหมดนี้ก็คือ สรุปกลยุทธ์ M&A
ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในทางธุรกิจ ที่ทำให้เราเข้าใจว่า
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกธุรกิจที่ผ่านมา มันจะเกี่ยวข้องกับเรื่อง M&A ในหลายเรื่อง
และในอนาคต เราก็จะได้เห็นการ M&A ของธุรกิจต่าง ๆ อยู่เป็นระยะ ตราบใดที่บนโลกนี้ยังมีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย แนวคิดทุนนิยม..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.investopedia.com/ask/answers/why-do-companies-merge-or-acquire-other-companies/
-https://www.set.or.th/th/market/files/mna/Final_MnA.pdf
-https://www.investopedia.com/ask/answers/051315/what-difference-between-horizontal-integration-and-vertical-integration.asp
-https://www.npr.org/2019/03/20/705009029/disney-officially-owns-21st-century-fox
-https://en.wikipedia.org/wiki/Motorola_Mobility
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_largest_mergers_and_acquisitions
「ทรัพยากร คือ」的推薦目錄:
- 關於ทรัพยากร คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於ทรัพยากร คือ 在 สมองไหล Facebook 的精選貼文
- 關於ทรัพยากร คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於ทรัพยากร คือ 在 Circular Economy การหมุนเวียนทรัพยากร เพื่อให้โลกก้าวไปข้าง ... 的評價
- 關於ทรัพยากร คือ 在 เจ้าฟ้านักอนุรักษ์ : การรักทรัพยากร คือการรักชาติฯ (60) - YouTube 的評價
- 關於ทรัพยากร คือ 在 Bravo BKK - ทรัพยากรคือปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตมนุษย์ ... 的評價
ทรัพยากร คือ 在 สมองไหล Facebook 的精選貼文
1. การค้นหาตัวเองก็เหมือนการชิมอาหาร ถ้าคุณไม่เคยลองชิมอาหารอะไรเลย คุณจะรู้ไหมว่า เมนูไหน คือ ของโปรดคุณ เช่นกัน ถ้าคุณไม่ลองลงมือทำ คุณก็ไม่มีทางรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองชอบ
.
การค้นหาตัวเองจึงไม่ใช่การคิดวกไปวนมา แต่คือการ ทดลอง และ ลงมือทำ อะไรหลายอย่าง จนกว่าจะหามันเจอ
.
2. มรดกที่มีคุณค่ามากที่สุด ไม่ใช่ทรัพย์สิน แต่คือ ความคิด เพราะต่อให้ได้รับมรดกเป็น ทรัพย์สิน มาเป็นล้าน แต่ขาด มรดกทางความคิด ซึ่งเปรียบเสมือนคู่มือการใช้งาน อีกไม่นานทุกอย่างก็กลับมาเป็น ศูนย์ อยู่ดี
.
แต่ถ้ามรดกที่ได้รับมาเป็นความคิด ต่อให้ได้รับทรัพย์สินมามูลค่าเป็น สูนย์ มันก็ยังสามารถนำไปสร้างทรัพย์สิน ให้กลับมาเป็นล้านได้
.
3. การไม่มีใบปริญญา อาจไม่ได้ทำให้ทุกอย่างยาก แต่ความคิดที่ว่า ถ้าไม่มีใบปริญญา ชิวิตนี้คงจะทำอะไรไม่ได้ต่างหาก ที่ทำให้ทุกอย่างยาก และ ทำให้คนติดกับดัก จนไม่ลงมือทำอะไรเลย
.
4. ใบปริญญา คือ สิ่งที่บอกว่าคุณเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้บอกว่า คุณจบการศึกษา เพราะการศึกษาต้องทำไปตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเป็นเพียงอนุบาลชีวิตเท่านั้น แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ต่างหาก คือ ของจริง
.
5. คุณไม่สามารถทำเงิน “แสน” ด้วยวิธีการเดียวกับตอนทำเงิน “หมื่น” และ คุณก็ไม่สามารถทำเงิน “ล้าน” ด้วยวิธีการเดียวกับตอนทำเงิน “แสน” ได้
.
เพราะสิ่งที่ทำให้คุณมาถึง “จุดที่ยืนอยู่” จะไม่สามารถพาคุณก้าวไปถึง “จุดที่คุณต้องการ” ได้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีชีวิตที่ “ก้าวหน้า” กว่าที่เป็นอยู่ ก็จงเปลี่ยนแปลงตัวเอง และ มองหาวิธีการทำเงินใหม่ๆ อยู่เสมอ
.
6. ความรู้ทางการเงิน คือ สิ่งที่คุณต้องมี ถึงจะรวยได้ ไม่ใช่คิดว่ารอให้รวยก่อนถึงค่อยหาความรู้ทางการเงิน เพราะสิ่งที่จะตัดสินว่าคุณจะเป็นคนรวยหรือคนจน ก็คือ ความรู้ทางการเงิน นี่แหละ
.
7. ถ้าถามว่าทำไมต้องมี เงินเก็บ ก็เพราะการมีเงินเก็บ จะทำให้คุณมี วิสัยทัศน์ มากขึ้น มองได้ไกลขึ้น ว่าเดือนหน้า ปีหน้า คุณจะทำอะไรบ้าง เพื่อพัฒนาชีวิตของตัวเอง
.
แต่ถ้าคุณไม่มีเงินเงินเก็บเลย ความคิดของคุณจะอยู่แค่ วันนี้ จะกินอะไร พรุ่งนี้ จะทำอย่างไรให้ตัวเองยังอยู่รอดได้ก็เท่านั้น ไม่ไกลไปจากนี้
.
8. เงินก็เหมือนเกม ถ้าเรารู้กติกา และ เล่นเป็น เราก็จะเป็นผู้ชนะในสนามการเงิน แต่สิ่งสำคัญคือ คุณต้องมีความรู้ทางการเงิน เพราะไม่มีใครทำเงินได้เกินขอบเขตความรู้ของตัวเอง
.
9. การขาย คือ ทักษะแห่งการสร้างเนื้อสร้างตัว ถ้าอยากจะมีรายได้มากขึ้น จงฝึกฝนทักษะการขายเป็นสิ่งแรก เพราะถ้าวันนี้คุณยังกลัว และ ปฏิเสธการขาย ก็ไม่ต่างอะไรกับการปฎิเสธรายได้ที่จะเข้ามาหาตัวเอง
.
10. เรากำลังอยู่ในยุคที่ ทักษะการเขียน มีผลต่อปากท้อง คนที่เขียนขาย เขียนเรซูเม่ เขียนคอนเทนต์ ได้เก่งกว่า ก็มีโอกาสทำเงินได้มากกว่า ดังนั้น ใครที่ยังไม่เริ่มฝึก ทักษะการเขียน ตั้งแต่วันนี้ ระวังจะกลายเป็นคน ไส้แห้ง โดยไม่รู้ตัว
.
11. ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ให้ใช้ “หูฟัง” ก่อนใช้ “ปากพูด” เสมอ เพราะการฟัง คือ กำไร แต่ถ้าเอาแต่พูด มันมีแต่ เสมอตัว กับ ขาดทุน
.
12. สิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สำเร็จ เพราะเก่งแต่ตอนตั้ง “เป้าหมาย” แต่ไม่ได้คิดถึง “กระบวนการ” ในการเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้น ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก เพราะการตั้งเป้าหมายแบบไม่มี กระบวนการ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่อยากทำอาหาร แต่ไม่รู้จัก ขั้นตอน
.
13. อย่าอ้างว่าไม่มีทางทำอะไรสำเร็จ เพราะไม่มี คอนเนกชั่น ถ้าคุณยังทำตัวไม่คู่ควรกับมัน เพราะไม่มีใครอยากเสี่ยงเอาตัวเองไป คอนเนก กับคนที่ไม่ลงมือทำอะไรเลย เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากจะได้อะไร ก็ต้องทำตัวให้คู่ควรกับมันเสียก่อน
.
14. สิ่งที่คุณควรลงทุนเป็นอันดับแรก คือ สมอง เพราะถ้าสมองมีมูลค่า 1 ล้าน ต่อให้เหลือเงิน 1 บาทก็หาทางทำให้เงินกลับมาเป็น 1 ล้านได้ แต่ถ้าสมองมีมูลค่า 1 บาท ต่อให้ถูกหวย 1 ล้าน สุดท้ายก็จะทำมันสลายจนเหลือ 1 บาท อยู่ดี
.
15.ในช่วงเริ่มต้นของวัยทำงาน อย่ามองผลตอบแทนแค่มูลค่าของ เงิน ที่ได้รับ เพราะผลตอบแทนสามารถมาในรูปแบบของ ความรู้ คอนเนกชั่น โอกาส และ ประสบการณ์ ได้เหมือนกัน ตัวแปรสำคัญ 4 อย่างนี้แหละ ที่จะทำให้สามารถ ทำเงิน ได้อย่างมหาศาลในอนาคต
.
16. ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็วแบบนี้ การมีทักษะการทำงานแบบตัว T ถือว่าดีที่สุด คือ รู้ลึกหรือเชี่ยวชาญอะไรสักด้าน ขณะเดียวกันก็ต้องมีความรู้กว้างเหมือนเป็ดในด้านอื่นๆ ด้วย เพราะการรู้กว้างจะทำให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนไปทำสิ่งใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่มีอาชีพเกิดใหม่ทุกวันแบบนี้ การเป็นเป็ดอาจประสบความสำเร็จได้มากกว่า
.
17. คนเราเก่งอย่างเดียวไม่พอ มันต้องอยู่ให้ถูกที่ด้วย โดยเฉพาะสิ่งแวดล้อม คนรอบข้าง ซึ่งมีผลต่ออนาคตของเรามาก ดังนั้น จงเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของเราให้มากที่สุด เพราะโอกาสไม่มีขา เดินมาหาเราไม่ได้
.
18. คำว่า ไม่มีเวลา ไม่มีอยู่จริง เพราะประเด็นไม่ได้อยู่ที่ มี หรือ ไม่มีเวลา หรอก แต่อยู่ที่ ใช้ หรือ ไม่ใช้เวลาต่างหาก ถ้ารู้สึกว่าไม่มีเวลาพัฒนาตัวเอง ลองนั่งนิ่งๆ แล้วมองย้อนกลับไป ว่าในแต่ละวันเราใช้เวลาอย่างไร้ค่าไปกับอะไรบ้าง ถ้าคุณกล้าหาญพอที่จะตัดมันออกได้ คุณจะได้เวลากลับมาอย่างมหาศาลเลย
.
19. ธุรกิจ เริ่มต้นจากนิสัยการใช้เงินของเรา ว่าจะเลือกใช้เงินที่มีไปกับ “การบริโภค” หรือ “การลงทุน” การลงทุนในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าต้องไปซื้อหุ้น หรือ อสังหาฯ แต่คือการลงทุนกับอะไรก็ได้ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนกลับมา เช่น การลงทุนกับ ความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ แล้วนำสิ่งเหล่านี้ไป เรียนรู้ พัฒนา และ ทำเงิน ต่อไป
.
20. การได้ทำงานที่ชอบ จะทำให้เราสามารถดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนได้เองโดยไม่งัวเงีย เพราะงานจะไม่ใช่แค่งาน แต่จะกลายเป็น ความหมายของชีวิต และ ทำให้รู้สึกราวกับว่าเราไม่ได้ทำงานอีกเลยตลอดชีวิต
.
21. กฎเหล็ก ของการทำธุรกิจ คือ ห้ามเอาเงินออกมาใช้ส่วนตัว ถ้าเริ่มทำครั้งแรก ครั้งที่สอง สาม สี่ ก็จะตามมา จนสุดท้ายจะกลายเป็น กฎเล็ก ที่แม้แต่คนขายดี ก็ทำให้ “เจ๊ง” ได้
.
22. การทำธุรกิจกับตำแหน่ง “ผู้นำ” มักจะมาคู่กันเสมอ แต่คุณจะมีความเป็นผู้นำอย่างแท้จริงเหมือนชื่อตำแหน่งที่ได้มาหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง และสิ่งหนึ่งที่จะเป็นเครื่องยืนยันความเป็นผู้นำในตัวของคุณได้ก็คือ การไม่ทำผิดนิยามของความเป็นผู้นำ ด้วยการ “สังเวยคนของตัวเอง” เพื่อประโยชน์ส่วนตัว
.
23. ปัจจัยที่มีผลต่อการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ คือ ความเชื่อใจ ของคนในทีม เพราะถ้าคนในทีมรู้สึกระแวงต่อกัน หรือ ระแวงหัวหน้างาน ทุกคนก็ต้องใช้เวลาและพลังงานไปกับการปกป้องตัวเองไม่ให้ถูกมองไม่ดี หรือ โดนไล่ออก
.
ฉะนั้น การทำธุรกิจไม่ใช่แค่มีเงินทุนหรือความสามารถในการจ้างคนเก่งๆ เท่านั้น แต่คุณในฐานะผู้นำจะต้องสร้าง สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และ ความไว้วางใจ ที่ทุกคนมีต่อกันให้ได้ด้วย
.
24. ถ้าอยากทำธุรกิจ ต้องตั้งเป้าหมายว่าอยากทำธุรกิจตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจสมัครงาน เพราะถ้าเราตั้งใจแค่จะไปทำงาน เราจะโฟกัสแค่งานตรงหน้า แต่ถ้าตั้งใจจะทำธุรกิจ สายตาของเราจะกว้างขึ้น และ พยายามเรียนรู้งานทุกอย่าง ศึกษาวิธีการทำงานทุกแผนก และ สามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจที่เราอยากทำในอนาคตได้
.
25. การทำงานประจำ กับ การทำธุรกิจ มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การทำงานประจำ คุณเก่งแค่งานของตัวเองก็เพียงพอ แต่การทำธุรกิจคุณอาจจะไม่ต้องเก่งที่สุดในทุกงาน แต่คุณต้องรู้ว่างานทุกอย่างมันทำงานอย่างไร
.
26. การทำงานประจำจะทำให้คุณเข้าใจมุมมองของพนักงานที่มีต่อองค์กรและหัวหน้ามากขึ้น ว่าหัวหน้าแบบไหนคือแบบอย่างที่ดี แบบไหนคือคนที่ถ่วงความเจริญขององค์กร เวลาไปทำธุรกิจจริง อะไรที่เราไม่ชอบ หรือ เห็นว่าไม่ได้ช่วยให้ธุรกิจเติบโต จะได้ไม่ทำ
.
27. การทำงานในองค์กรขนาดเล็กที่มีความคล่องตัวสูงแบบสตาร์ตอัพจะมีข้อดีในการเรียนรู้ระบบธุรกิจได้มากกว่าองค์กรขนาดใหญ่ เพราะการทำงานแบบทีมเล็ก คุณจะมีโอกาสได้ทำงานทุกอย่างเกือบทุกแผนก
.
28. อีกข้อดีของการทำงานในองค์กรขนาดเล็ก คือ จะมีข้อจำกัดเรื่องเงินทุน เวลาจะออกสินค้าหรือบริการแต่ละอย่าง เราจะได้เรียนรู้วิธีการพลิกแพลงค่อนข้างเยอะ ซึ่งสอดคล้องกับคนส่วนใหญ่ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจแต่ไม่มีเงินทุนมากมายนัก
.
29. คอนเนกชั่น กับ การทำธุรกิจเป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้ งานประจำจึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการเริ่มเก็บคอนเนกชั่น
.
30. แต่ก็อย่าหลงตัวเองมากเกินไป เพราะถึงแม้คุณจะได้คอนเนกชั่นจากงานประจำมา ก็ใช่ว่าจะเอามาใช้ในธุรกิจได้เสมอไป เพราะตอนทำงานประจำคุณสวมหมวกบริษัทคุยกับเขา แต่พอมาทำธุรกิจคุณกำลังสวมหมวกอีกใบ ดังนั้น แค่คุณรู้จักเขาไม่ถือว่าเป็นคอนเนกชั่น เพราะคอนเนกชั่นที่แท้จริง คือ คุณต้องเป็นที่รู้จัก และ เป็นที่ยอมรับในฝีมือ ของผู้อื่นต่างหาก
.
31. การสังสรรค์ คือ สิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์ออฟฟิศมาอย่างช้านาน แต่ถ้าคุณมีเเป้าหมายอยากทำธุรกิจ ก็ควรเลือกที่จะสังสรรค์ให้ดี เพราะถ้าคุณ “สังสรรค์แบบไม่สร้างสรรค์” พูดง่ายๆ คือ สังสรรค์ไปทั่วคุณจะหลุดโฟกัสได้ เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนอกจากไปฟังเพื่อนร่วมงานบ่นเจ้านาย แต่ถ้าคุณ เลือกที่ ”จะสังสรรค์แบบสร้างสรรค์” คือ ไปร่วมงานทีไรได้อะไรกลับมาทุกที ซึ่งอาจจะเป็นการสังสรรค์กับเพื่อนที่มีทัศนคติที่ดี มีเป้าหมายคล้ายกัน หรือ อาจจะเป็นกับคนในระดับผู้บริหาร คุณจะพบเลยว่าบทสนทนาที่ออกจากปากของแต่ละคนนั่นมีมูลค่ามากๆ
.
32. ถ้ามัวแต่คิดว่าตัวเอง “ไม่มีเงินทุน” จะเริ่มต้นธุรกิจ คุณจะมองเห็นแค่วิธีเริ่มต้นธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุน แต่ถ้าเปลี่ยน “วิธีคิด” เป็นมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เริ่มธุรกิจได้โดย “ไม่ต้องใช้เงินทุน” คุณจะมองเห็น “วิธีพลิกแพลง” ในการเริ่มต้นธุรกิจโดยใช้ “ทรัพยากร” ที่คุณมีอยู่แล้ว ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องใช้ “เงินทุน” เลย
.
33. ออนไลน์ คือ ทรัพย์สินตัวใหม่ ที่เรียกกันว่าทรัพย์สินดิจิทัล ซึ่งก็เหมือนกับ ที่ดิน หรือ อสังหาฯ ที่สมัยก่อนไม่ได้มีราคาแพงนัก แต่เมื่อมีคนเข้ามาเดินผ่านไปผ่านมา มีคนเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัย เข้ามาทำงาน ที่ดิน และ อสังหาฯ ก็เริ่มราคาสูงขึ้น ช่องทางออนไลน์ อย่าง เพจ เว็บไซต์ ก็เช่นกัน ตอนนี้มันอาจจะไม่มีมูลค่ามาก และคุณสามารถเป็นเจ้าของได้ฟรี แต่ถ้าคุณสามารถทำให้คนเข้ามาเดินผ่านมากขึ้น มีผู้ติดตามมากขึ้นได้ มันจะเป็นทรัพย์สินที่จะทำเงิน สร้างคอนเนกชั่น และ ใช้ต่อรองทางธุรกิจให้กับคุณได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว
.
34. ถ้าคุณยังมีรายได้ทางเดียว ให้เพิ่มช่องทางรายได้จาก งานเสริม แล้วทุ่มเทกับมันให้เท่ากับ งานประจำ เพราะสักวันมันอาจกลายเป็นงานหลักที่ดีกว่างานเดิม
.
35. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ชอบความเสี่ยง เพราะงานวิจัยระบุว่า คนที่ทำธุรกิจควบคู่กับประจำ มีโอกาสล้มเหลวน้อยกว่า คนที่ลาออกมาทำเต็มตัวถึง 33% เพราะคนเรา “เมื่อท้องอิ่ม ก็จะเห็นงานอาร์ต” เมื่อเราพอมีเงินเดือนจากงานประจำใช้เลี้ยงชีพอยู่ เราจะทำทุกอย่างด้วยใจ ไม่เร่งรีบออกสินค้าเกินไป ไม่ขายของยัดเยียดให้ลูกค้า ทำให้ทุกอย่างออกมามีคุณภาพ และ ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากกว่า
.
36. เวลาจะเริ่มต้นธุรกิจ อย่าเอาเงินไปซื้อของมาก่อน แล้วค่อยหาลูกค้า แต่ให้หาลูกค้าก่อน ลองเอาของมาโพสต์ทดสอบตลาดว่ามีคนซื้อไหม ถ้ามีคนซื้อก็ค่อยจ่ายเงินซื้อสินค้ามาขายทีหลัง ถ้าลูกค้าทักมาแล้วไม่มีของจะขายก็บอกลูกค้าไปก่อนว่าของหมด ถึงแม้เราจะไม่ได้ขาย แต่เราก็รู้แล้วว่าของแบบไหนขายได้ ของแบบไหนที่ลูกค้าชอบบ้าง จะได้เลือกสินค้า และ วางแผนถูกต้อง เพราะการมีคนซื้อแต่ไม่มีของ มันยังดีกว่าการมีของแต่ไม่มีคนซื้อ
.
37. อย่ารอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบแล้วถึงจะลงมือทำ แต่จงลงมือทำ ทั้งที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ เพราะเมื่อเราเริ่มทำสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นจะนำพาเราไปพบกับ ผู้คนใหม่ๆ แล้วผู้คนใหม่ๆ ก็จะนำโอกาสใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตเราเอง แต่หากไม่ยอมเริ่มต้นจุดแรกเสียที ก็ไม่มีทางเลยที่จะมองเห็นจุดต่อไป
.
38. สิ่งที่เลวร้ายกว่าการเริ่มต้นธุรกิจ แล้วโดน คนอื่นปฏิเสธ คือ การโดนคำปฏิเสธ ในใจของตัวเอง ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรเลย
.
39. การออกมาทำธุรกิจ ไม่ได้มีเวลามากกว่าทำงานประจำ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกัน คือ คนทำธุรกิจสามารถยืดหยุ่นและจัดการเวลาของตัวเองได้ เพื่อที่จะได้ทำงานที่สำคัญ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม จึงสามารถใช้เวลาที่มีทุกนาทีได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ
.
40. "ความสำเร็จ" ไม่ได้วัดจากจำนวนเงินที่ทำให้เราสามารถกินข้าวกับไข่ปลาคาเวียร์มื้อละหมื่นบนโต๊ะอาหารสุดหรู แต่การได้กินข้าวต้มปลาเค็มบนโต๊ะอาหารกับครอบครัวโดยที่ตัวเราไม่ต้องดิ้นรนทำงานหาเงินอยู่ในกรุงเทพฯ ต่างหาก คือ ความสำเร็จ
.
.
หนังสือ งานประจำสอนทำธุรกิจ หนังสือที่ถ่ายทอดเทคนิคจากประสบการณ์จริงของเจ้าของเพจสมองไหลที่เริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ โดยทำเป็นงานเสริมควบคู่กับงานประจำ
.
แต่ในขณะเดียวกันก็นำความรู้จากงานประจำมาใช้เสริมสร้างธุรกิจจนเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนรายได้แซงงานประจำ 6 เท่า ก่อนจะตัดสินใจลาออกหลังจากทำงานประจำไปได้เพียง 1 ปี
.
ใครอยากจะสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โดยใช้ต้นทุนจากงานประจำ สามารถนำวิธีของสมองไหลไปใช้ได้ง่ายๆ เพียงสั่งซื้อ หนังสือ งานประจำสอนทำธุรกิจ
.
วิธีการสั่งซื้อ
.
1.กดลิงก์ https://m.me/139971470015828?ref=sale_8wje9NxA
.
2.กด “สั่งซื้อ”
.
3.เลือก “จำนวน” และ กด “ยืนยันคำสั่งซื้อ”
.
จากนั้น ชำระเงิน ตามเลขบัญชีที่ให้ไว้ใน Inbox
.
ราคา 295 บาท (รวมค่าส่งแล้ว)
ทรัพยากร คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
ทำไม ชิลี จึงเป็น ผู้ส่งออกไวน์ ระดับโลก /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงไวน์ เรามักจะนึกถึงไวน์จากประเทศฝรั่งเศส อิตาลี หรือสเปน ซึ่งเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับไวน์มาหลายพันปี เป็นชาติแรกๆ ในยุโรปที่นิยมดื่มไวน์ และเป็นกลุ่มประเทศที่ส่งออกไวน์มากที่สุดในโลก
5 อันดับ ประเทศที่ส่งไวน์มากที่สุดในโลก ได้แก่
1. ฝรั่งเศส ส่งออกมูลค่า 330,000 ล้านบาท
2. อิตาลี ส่งออกมูลค่า 219,000 ล้านบาท
3. สเปน ส่งออกมูลค่า 93,000 ล้านบาท
4. ออสเตรเลีย ส่งออกมูลค่า 63,000 ล้านบาท
5. ชิลี ส่งออกมูลค่า 57,000 ล้านบาท
ประเทศที่ส่งออกไวน์มากที่สุด 4 อันดับแรก หากไม่ใช่ประเทศที่มีขนาดใหญ่ หรือมีประชากรมาก ก็ล้วนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
แต่หากลองสังเกตประเทศชิลี หลายคนอาจจะสงสัยว่า
ทำไมประเทศจากทวีปอเมริกาใต้ที่มีประชากรเพียง 18 ล้านคนแห่งนี้ สามารถส่งออกไวน์ได้มากเป็นอันดับที่ 5 ของโลก
ที่น่าสนใจก็คือ มูลค่าการส่งออกไวน์ของชิลีสูงกว่ามูลค่าการส่งออกไวน์ของสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดพื้นที่, ทรัพยากร, และเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าชิลีอย่างมหาศาล
แล้วทำไมประเทศในทวีปห่างไกลอย่างชิลี ถึงก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ส่งออกไวน์ระดับโลก?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรื่องราวของไวน์จากชิลีต้องย้อนกลับไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 16
ซึ่งเป็นช่วงที่ชิลีกำลังถูกปกครองด้วยจักรวรรดิสเปน
ในช่วงเวลานั้น สเปนได้วางรากฐานทางวัฒนธรรมให้กับดินแดนแห่งนี้มากมาย ทั้งภาษา ประเพณี โดยเฉพาะศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
เนื่องจากไวน์มีความสำคัญมากในศาสนาคริสต์ เพราะถูกเปรียบกับโลหิตของพระเยซู
ไวน์จึงเป็นส่วนสำคัญในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ด้วยเหตุนี้เอง มิชชันนารีชาวสเปนจึงได้นำองุ่นพันธุ์ดีจากสเปนมาปลูกที่ดินแดนชิลี เพื่อที่จะนำมาผลิตไวน์ใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา
นอกจากชาวสเปนแล้ว ยังมีการนำเข้าองุ่นพันธุ์ดีจากชาติอื่นๆ ในยุโรปอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์องุ่นจากฝรั่งเศส และอิตาลี ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชิลีจึงกลายเป็นเขตปลูกองุ่นที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปอเมริกาใต้
ในแง่ภูมิศาสตร์ ชิลีมีภูมิประเทศแคบและยาว ทอดตัวเป็นระยะทางยาวกว่า 4,300 กิโลเมตร เลียบมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตก ส่วนทางตะวันออกมีเทือกเขาแอนดีสทอดยาวจากเหนือจดใต้
เขตเซ็นทรัลแวลลีย์ คือเขตที่อยู่ใจกลางของประเทศชิลี อยู่ตรงกลางระหว่างทะเลทรายอาตากามาที่แห้งแล้งทางตอนเหนือ กับป่าฝนเขตอบอุ่นทางตอนใต้ ทำให้เขตนี้มีภูมิอากาศคล้ายคลึงกับ แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของสเปน คือ ในฤดูร้อนมีอากาศแห้งแล้งและแดดจัด แต่มีฝนตกและชุ่มชื้นในฤดูหนาว ซึ่งเหมาะสมกับการเจริญเติบโตขององุ่นที่ชอบแสงแดดจัด และต้องการความชื้นแบบพอดีๆ
เขตเซ็นทรัลแวลลีย์ของชิลีจึงกลายเป็นเขตปลูกองุ่นที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
โดยไวน์จากชิลี จะถูกเรียกว่า ไวน์โลกใหม่ ซึ่งหมายถึง ไวน์ที่ผลิตในประเทศนอกทวีปยุโรป
จุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมไวน์ในชิลี คือในช่วงปลายศตวรรษที่ 18
ตรงกับช่วงที่ Phylloxera หรือเพลี้ยองุ่นกำลังระบาดอย่างหนักในทวีปยุโรป
โดยเฉพาะในฝรั่งเศส เพลี้ยองุ่นจะเข้าไปโจมตีรากของต้นองุ่น ทำให้ต้นองุ่นล้มตายเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ไร่องุ่นในยุโรปได้รับผลกระทบอย่างหนัก
แต่เหตุการณ์ดังกล่าวกลับสร้างโอกาสให้กับอุตสาหกรรมไวน์ในชิลีอย่างมาก
เนื่องจากชิลีตั้งอยู่ห่างไกลจากยุโรป จึงรอดพ้นจากการระบาดของเพลี้ยองุ่น ส่งผลให้ยังคงรักษาองุ่นพันธุ์ยุโรปดั้งเดิมเอาไว้ได้ และอุตสาหกรรมไวน์ในชิลีดำเนินต่อไปได้
ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มีบริษัทไวน์จากต่างประเทศเข้ามาลงทุนและร่วมลงทุนในชิลี ไม่ว่าจะเป็นบริษัทจากฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา
ส่งผลให้ชิลีกลายเป็นประเทศที่ส่งออกไวน์และผลิตภัณฑ์จากองุ่นเป็นจำนวนมาก
นอกจากเงินทุนแล้ว ยังมีการถ่ายทอดเทคนิคต่างๆ โดยชิลีจะนิยมปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์แดงเป็นส่วนใหญ่ โดยพันธุ์องุ่นแดงได้แก่ กาแบร์เน โซวีญง, คาร์แมเยร์, แมร์โล, ซีราห์ และอื่นๆ
ในส่วนของพันธุ์องุ่นขาวได้แก่ โซวีญง บล็อง และอื่นๆ
ปัจจุบันมีไวน์ที่ผลิตในชิลี และมีชื่อเสียงระดับโลกหลายแบรนด์
ไม่ว่าจะเป็น Seña, Concha y Toro, Errázuriz และ Almaviva
ที่ชิลีมีการใช้กฎหมายไวน์เพื่อที่จะควบคุมคุณภาพของไวน์
ไม่ว่าจะเป็น การมีฉลากที่บอกว่าผลิตขึ้นจากเมืองไหนหรือเขตไหน
ที่สำคัญจะต้องใช้องุ่นในเขตนั้นมากกว่า 75%
และถ้าผู้ผลิตไวน์จะใส่ปีที่ผลิตบนฉลากไวน์ จะต้องใช้องุ่นที่เก็บในปีนั้นมากกว่า 75% เช่นกัน
เช่น ถ้าบนฉลากไวน์บอกว่า ไวน์ขวดนี้ผลิตในปี 2001 ผู้ผลิตไวน์จำเป็นต้องใช้องุ่นที่เก็บในปี 2001 มากกว่า 75%
จากข้อได้เปรียบเรื่ององุ่นพันธุ์ดีจากยุโรปที่ปลูกในชิลี รวมกับกฎหมายควบคุมคุณภาพไวน์
ส่งผลให้คุณภาพไวน์ของชิลีไม่น้อยหน้าไวน์จากยุโรป
ซึ่งจุดเด่นของไวน์ชิลีคือเป็นไวน์ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับไวน์โลกเก่า แต่มีราคาที่ถูกกว่า
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ไวน์ชิลีได้รับการตอบรับที่ดีจากทั่วโลก
ชิลีได้ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ส่งออกไวน์สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก
และเป็นสินค้าส่งออกหลักของชิลีได้ในที่สุด
อุตสาหกรรมไวน์ในชิลีจึงเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจไม่น้อย..
วิกฤติเพลี้ยในยุโรปอาจสร้างโอกาสให้ก็จริง
แต่สิ่งสำคัญกว่าคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอและควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัด ที่ทำให้ประเทศในทวีปอเมริกาใต้อย่างชิลี สามารถผลิตสินค้าฟุ่มเฟือยมาแข่งกับประเทศในยุโรปได้อย่างสูสี
แม้จะเริ่มต้นช้ากว่าประเทศเหล่านี้นับพันปีก็ตาม..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-เจาะลึกไวน์ทั่วโลก, Rhie Won-Bok
-https://www.wineman.asia/french-wine/
-https://www.wineman.asia/chilean-wine/
-http://www.worldstopexports.com/wine-exports-country/
-https://winefolly.com/deep-dive/the-best-wines-to-try-from-chile/
-https://vinepair.com/articles/chile-wine-guide/
-https://www.winetraveler.com/chile/chile-wine-regions/
-https://th.wine-now.asia/blog/what-is-chile-wine.html
-https://www.nature.com/articles/s41598-019-54122-0
-https://th.wine-now.asia/blog/old-new-world-wine-th.html
-http://www.worldstopexports.com/wine-exports-country/
ทรัพยากร คือ 在 เจ้าฟ้านักอนุรักษ์ : การรักทรัพยากร คือการรักชาติฯ (60) - YouTube 的美食出口停車場
เจ้าฟ้านักอนุรักษ์ : การรัก ทรัพยากร คือ การรักชาติฯ (60). 1.8K views · 7 years ago ...more. TNN Online. 5.46M. Subscribe. 5.46M subscribers. Like. Share. ... <看更多>
ทรัพยากร คือ 在 Bravo BKK - ทรัพยากรคือปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตมนุษย์ ... 的美食出口停車場
ทรัพยากรคือ ปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตมนุษย์ เมื่อไม่มีน้ำ ไม่มีพืชผล แล้วคนจะอยู่ได้อย่างไร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงทรงมีโคร งการในพระราชดำริมากมายเพื่อจัดสรรทรัพยากรน้ำให้คนไ ... <看更多>
ทรัพยากร คือ 在 Circular Economy การหมุนเวียนทรัพยากร เพื่อให้โลกก้าวไปข้าง ... 的美食出口停車場
ภาพจำของระบบเศรษฐกิจ คือการนำทรัพยากรมาผลิต ใช้ แล้วทิ้ง หรือมีการเดินทางเป็นเส้นตรง ไม่มีกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ ผลกระทบที่เกิดขึ้น นอกจากทรัพยากรที่อาจหมดลงไปเรื่อยๆ ... ... <看更多>