g19: ย่างก้าวแห่งตำนาน ประวัติการณ์ร็อกเมืองไทย
อาจจะเป็นการเขียนรีวิวคอนเสิร์ตที่ยากที่สุดในชีวิต… ไม่ใช่เพราะจำนวนศิลปินที่มาก หรือรายละเอียดการเล่นคอนเสิร์ตมาราธอนเกือบ 10 ชั่วโมง แต่เป็นเพราะความสนุก เพลิดเพลิน ตื่นตาตื่นใจในทุกเพลง ทำให้ตัวผมเองเหมือนถูกดูดเข้าไปในอุโมงค์เวลา รู้ตัวอีกทีก็จำอะไรแทบไม่ได้แล้ว และทุกตัวอักษรหลังจากนี้ที่ทุกคนจะได้อ่านคือการบันทึกประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของดนตรีร็อกเมืองไทย ไม่มากก็น้อย ขอให้ทุกคนมีความสุขครับ
เราคงไม่ต้องเกริ่นกันเท่าไหร่สำหรับความยิ่งใหญ่ของค่าย genie records ในประเทศไทย ซึ่งแน่นอนสถานที่อันเพียงพอที่จะตอบรับความยิ่งใหญ่ของคอนเสิร์ตครั้งนี้คงจะมีแค่สนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่าง ‘ราชมังคลากีฬาสถาน’
บ่ายวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ หลังผ่านการจราจรที่หนาแน่นผมก็มาถึงสนามอันศักดิ์สิทธิ์ของประเทศแล้ว ไม่แคล้วให้เสียเวลา ผมจัดการแลกบัตรรับสายรัดข้อมือก่อนจะตรงดิ่งเข้าไปที่อัฒจันทร์ชั้นบนเพื่อจับจองที่นั่ง หลังหลุดพ้นจากบันไดเข้าสู่ตัวสนามภาพแรกที่ผมเห็นคือเวทีขนาดใหญ่... ใหญ่มาก สูงประมาณตึก 2 – 3 ชั้นได้ ส่วนความยาวคาดคะเนด้วยสายตาก็ประมาณสนามฟุตบอลมาตรฐาน 1 สนามเลยทีเดียว
The Dai Dai
14.00 น. ตรงเป๊ะ! ไม่ขาด ไม่เกิน The Dai Dai วงพอปร็อกจาก Showroom 3 ที่มีนักร้องนำเป็นผู้หญิงก็เดินขึ้นมาพร้อมสมาชิกวง แม้ในช่วงของเพลงเร็วอย่าง หากค่ำคืน และง่ายจะตาย อาจจะมีแกว่งบ้างด้วยความตื่นเต้น แต่สำหรับเพลงช้าปิดท้ายอย่าง ‘ฝนโปรยปราย’ นั้นกินขาดมาก ‘มิ้นท์’ นักร้องนำร้องออกมาได้ดี ทำเอาอากาศที่เร่าร้อนดูจะเย็นลงเพราะห่าฝนความรู้สึก
Paper Planes
จากนั้นก็ถึงคิวของวงร็อกเลือดใหม่อนาคตไกล Paper Planes พวกเค้าเปิดตัวด้วยเพลง ‘ความเชื่อ’ ที่นำมาโคฟเวอร์ใหม่ในสไตล์ของตัวเอง เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนเพลงได้จำนวนมาก และอีกอย่างที่อยากชื่นชมคือเพอร์ฟอร์แมนซ์โดยรวมนั้นออกมากลมกล่อมยอดเยี่ยม กีต้าร์ เบส ซาวด์อิเล็กทรอนิกส์เบื้องหลัง สอดรับกันลงตัวด้านนักร้องนำนั้นแม้จะอาการตื่นเต้นบ้างแต่ก็ทำได้ในระดับที่น่าพอใจเลยละ ปิดท้ายการแสดงของวง Opening Act ได้อย่างสวยงาม
BIG ASS Rockband
บ่าย 3 โมงตรง หลังสิ้นเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมี เวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง... และวงแรกที่เหล่าสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีจะได้ลึกซึ้งไปกับความร็อกก็คือ big ass พวกเค้าเปิดตัวด้วยเพลง ‘แดนเนรมิต’ ซึ่งความหมายในเพลงนี้น่าจะอธิบายถึงความรู้สึกตื่นเต้นของเหล่าศิลปินทุกวงที่จะทำการแสดงได้ดีด้วยท่อน “ไม่มีเวทมนต์จะเสกอะไรให้ดีสักอย่าง แต่ขอแค่เธอยังอยู่ข้าง ๆ คือสิ่งสำคัญ” แต่ไม่นานนักความหวั่นไหวของศิลปินก็หมดไป เมื่อแฟนเพลงในราชมังคลาร่วมกู่ร้อง โดดทะยาน และสนุกสนานไปกับพวกเค้า เท่ากับว่าตอนนี้นักดนตรีและแฟนคลับต่างละลายพฤติกรรมซึ่งกันและกันไปเรียบร้อยแล้ว
ไฮไลท์สำคัญของ BIG ASS อยู่ในเพลง ‘เชิดสิงโต’ หลังเซอร์ไพรส์คนดูโดยนำการแสดงเชิดสิงโตจากคณะมังกรทอง มาร่วมสนุกไปกับโชว์ของพวกเค้า ทำเอาความเร่าร้อนของผู้ชมทะยานสู่จุดเดือดอย่างไม่แคร์สภาพอากาศ และปิดท้ายด้วยเพลงเล่นของสูงที่เปรียบเสมือนการจูงมือพาคนดูเดินเข้าสู่การเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ทางดนตรีร็อกอย่างเป็นทางการ
- Acoustic
เมื่อทุกอย่างเงียบลง เสียงกีต้าร์โปร่งก็ดังขึ้น... ก่อนที่ คุณแพท วง Klear จะเดินขึ้นมาบนเวทีด้วยชุดเดรสสีม่วงงามสง่า และขับกล่อมราชมังคลาด้วยเพลง ‘ครั้งหนึ่งไม่ถึงตาย’ คงไม่ต้องสาธยายกันมากถึงความขลังของเพลงนี้ ยิ่งการมีกีต้าร์โปร่ง 1 ตัว กับนักร้องหลัก 1 คน ผสมไปกับเสียงผู้ชมกว่า 65,000 คน ทำเอามวลอารมณ์ของทุกชีวิตถูกสะกิดจนแทบจะมีน้ำตา
Instinct
ไม่ปล่อยให้ทุกคนพักหายใจกันนาน ทางค่ายส่งวงดนตรีที่ทะลุผ่านกาลเวลาหลายยุคสมัยอย่าง Instinct มาใส่สปริงให้ทุกคนกระโดดกันต่อ พวกเค้าเปิดตัวด้วยเพลงหลุมรักตามด้วยเพลงที่สุดในโลก เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆทั่วราชมังคลา ก่อนจะปิดท้ายโดยการพาทุกคนทุกเพศทุกวัยร่วมร้องเพลงรักในตำนานอย่าง ‘โปรดส่งใครมารักฉันที’
Palaphol Pholkongseng
เสร็จสิ้นจากความสนุกสนาน ชายหนุ่มร่างใหญ่อารมณ์ดีอย่างคุณพลพล ก็เดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมด้วยคุณโอม มีคีย์บอร์ดจากวง bodyslam เพื่อพาทุกคนพักหายใจไปกับเพลง ‘คนไม่สำคัญ’ ซึ่งผู้ชมทั่วราชมังต่างพากันร้องตามอย่างอบอุ่น
LABANOON
จากนั้นเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นเมื่อวง Labanoon เดินขึ้นมาบนเวทีผนึกกำลังร้องเพลงใครคนนั้น และเชือกวิเศษไปด้วยกัน เสร็จสรรพทั้งหมดก็เดินลงจากเวที... จากนั้น VTR วง Labanoon สมัยประกวด Hotwave Music Awards ด้วยชุดลูกเสือก็ฉายขึ้นมาที่จอยักษ์เรียกเสียงฮือฮาจากทั่วสนามกีฬาก่อนที่สมาชิกทั้ง 3 จาก Labanoon จะเดินขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งด้วยชุดลูกเสือสำรองและพาทุกคนย้อนไปเวลาไปกับเพลง ยาม, คนตัวดำ, ศึกษานารี และปิดท้ายด้วยเพลง แพ้ทาง สร้างความอบอุ่นสนุกสนานให้กับชาว genie records
Pun Basher
ขณะนี้เวลาก็ล่วงเลยมาประมาณเกือบ 5 โมงเย็นแล้ว แต่แฟนเพลงดูจะแข็งแรงและร่าเริง ทางค่ายจึงเชิญศิลปินหนุ่มมาดเท่อย่าง ‘ปั้น Basher’ มาปล่อยหมัดอัปเปอร์คัตคนดูด้วยเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง ‘เสียดายของ’ ที่แฟนเพลงทั่วสารทิศพากันร้องตามได้อย่างสนุกสนาน ตามด้วย แกล้ง ก่อนจะปิดท้ายด้วยหมัดแยปอย่างเพลงพิเศษ ‘หวั่นไหวเพราะรักไม่ต้องการเวลา’ ที่เอาเพลงรักไม่ต้องการเวลา จาก Klear และ หวั่นไหว จาก bodyslam มา Mash up ใหม่ได้อย่างสดใสเลยทีเดียว
Nakarin Kingsak -ป้าง นครินทร์
ต่อด้วยศิลปินอัลเทอร์เนทีฟร็อกตัวพ่อของวงการเพลงไทย พี่ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์ ที่มาด้วยภาพชินตาอย่างเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีดำ และที่ขาดไม่ได้คือแว่นกันแดด ก่อนจะเริ่มขนเพลงฮิตมาแสดงสดอย่างครบครัน ทั้งทำอะไรสักอย่าง, ทุกคนเคยร้องไห้ ตามด้วยภูมิแพ้กรุงเทพ ซึ่งเพลงนี้ได้ คุณแพท วง Klear ขึ้นมาแจมกันอย่างสดใส และปิดท้ายโชว์ไปด้วยเพลงร็อกสุดน่ารักอย่าง ‘คนมีเสน่ห์’
The Mousses
นอกจากเวทีจะมีความยาวประมาณสนามฟุตบอล 1 สนามแล้ว ตรงกลางเวทียังมีทางเดินเชื่อมไปสู่เวทีขนาดเล็กท่ามกลางคนดู ซึ่งเวทีเล็กตรงนี้มีระบบยกพื้นด้วยไฮโดรลิค ลองคิดภาพตามดูสิครับ... หากบนเวทีกำลังเงียบ ไม่มีสุ้มเสียงหรือความเคลื่อนไหวอันใด แต่จู่ ๆ มีชายหนุ่มหุ่นนายแบบ แถมหน้าตาดี อยู่ในชุดสูทสีแดงลายเสือชีตาห์ โผล่ขึ้นมาท่ามกลางผู้ชม 65,000 คน จะโคตรเท่ขนาดไหน... และเสียงกรี๊ดสนามกีฬาแทบแตกน่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ดี เพราะเมื่อคุณแอร์ The Mousses ปรากฏตัวออกมาและร้องซิงเกิ้ลใหม่ของวงอย่างเพลง เท(Tay) ทำให้สาวๆรอบตัวผมดูจะเซไปเพราะดาเมจจากตัวศิลปิน(ฮา) ก่อนจะส่งไมค์ต่อให้กับ คุณจ๊ะ อีกหนึ่งสมาชิกวงเพื่อร้องเพลง ‘หลอกให้รัก’ ซึ่งระดับเสียงกรี๊ดก็ไม่ต่างกันเลยครับ จัดหนักจัดเต็ม!
ขึ้นชื่อว่าประวัติศาสตร์ทางดนตรีร็อกทั้งทีจะมีแค่นี้ก็คงไม่ได้ เพราะ The Mousses ได้ชวน UrboyTJ แร็ฟเปอร์มาแรงแห่งยุคสมัยมาร่วมแจมกันในเพลง ‘อย่าเพิ่งใจร้าย’ เป็นการปิดท้ายโชว์ของวงได้อย่างน่าประทับใจ
- Acoustic
ผ่านไปแล้ว 6 วง ผมเริ่มสังเกตเห็นท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนจากแดดจ้าเป็นแสงอ่อนๆที่อบอุ่นชวนเหงา เข้ากับเพลงที่กำลังเล่นสดอยู่ในขณะนี้กับ ‘ไม่เคย’ เพลงฮิตจากศิลปินอารมณ์ดี 25hours ก่อนที่พวกเค้าจะเล่นทีเผลอแอบชวนพี่ปั๊ป Potato ขึ้นมาร่วมร้องเพลงด้วยกันทำเอาแฟนเพลงทั่วราชมังคลากีฬาสถานยิ้มแก้มปริกันกันเป็นแถว
Kwang ABnormal
พอฟ้าเริ่มมืด แสง สี ไฟ เอฟเฟกต์ต่างๆบนเวทีก็เริ่มจะเด่นชัด ทางค่ายจึงส่ง ‘คุณกวาง AB Normal’ มาซัดกับคนดูด้วยสไตล์ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ร็อก แน่นอนว่าช่วงแรกแฟนเพลงดูจะงงนิดหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น... ทำไมคุณกวางเปลี่ยนไป แต่ไม่นานทั่วราชมังคลากีฬาสถานก็พากันกระโดดโยกย้ายไปตามบีทดนตรีที่พิถีพิถันในเพลง OXYGEN เป็นพิษ ต่อด้วย ใจน้อย, เด็กกว่าแล้วไง, อย่าทำให้ฉันรักเธอ และเพลงอมตะตลอดกาลอย่าง พูดไม่ค่อยเก่ง แม้เพลงทั้งหมดถูกทำใหม่ในเวอร์ชั่นอิเล็กทรอนิกส์ ร็อก แต่ความไพเราะนั้นไม่ได้ลดน้อยลง แถมก่อนสละเวทียังเอาเรือยางมาลงไปเล่นบอดี้เซิร์ฟกับคนดูอย่างสนุกสนาน
Sweet Mullet
ดุเดือดกันจนไม่ทันได้หายใจหายคอ ศิลปินวงต่อไปที่จะขึ้นมาเล่นได้แก่ Sweet Mullet ที่เปิดตัวด้วยเพลงโคตรหนักอย่างนิทานหลอกเด็ก ต่อด้วยหัวใจที่หายไป และเซอร์ไพรส์คนดูด้วยการเชิญ อั๋น มือกีตาร์ที่ลาออกจากวงเมื่อปีที่แล้วเพื่อไปใช้ชีวิตในออสเตรียกับครอบครัวกลับมารัวนิ้วโซโล่ในเพลง สภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และปิดท้ายโชว์ด้วยเพลงพลังแสงอาทิตย์เพื่อร่ำลาแสงสุดท้ายที่กำลังจะลับขอบฟ้าไป
Num KALA
ขณะนี้ท้องฟ้าเหนือราชมังคลาถูกทาทับด้วยสีดำเป็นที่เรียบร้อย คล้ายเตรียมต้อนรับศิลปินขวัญใจแม่ยกน้อยใหญ่ทั่วเมืองไทยอย่าง ‘คุณหนุ่ม กะลา’ เจ้าของเสียงสุดนุ่ม อบอุ่นฟังสบาย ก่อนจะเริ่มทักทายคนดูด้วยเพลงเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไร ต่อด้วยเธอเป็นแฟนฉันแล้ว, My name is กะลา และซอร์ไพรส์ด้วยการเล่นเพลงใหม่ ‘แอบ’ อย่างเป็นทางการที่แรกในโลก พร้อมประกาศถึงคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในรอบ 19 ปีของกะลาที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมปีนี้ และปิดท้ายเวทีด้วยเพลง แม่(ภาค2) ที่มาพร้อมกับท่อนสุดฮิตคุ้นหูอย่าง “แม่ แม่ แม่ปิดทีวีหน่อยแม่!”
- Acoustic
พูดถึงเพลงนาฬิกาตาย ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นผลงานของ bodyslam แต่ ณ ขณะนี้ บนเวที เพลงนี้ถูกขับร้องด้วยปาล์มมี่ศิลปินหญิงเสียงโศกเศร้าชวนเหงาเบอร์ต้นของเมืองไทย ที่ทำเอาหลายชีวิตรวมทั้งตัวผมเองมีน้ำตาคลออยู่เบา ๆ แต่แค่นั้นคงไม่สาแก่ใจของเหล่าศิลปิน จึงส่งพี่อูน เอ๊ย! พี่ตูน bodyslam เดินขึ้นมาร่วมร้องเพลง ความเจ็บปวด ซึ่งหวดหัวใจของแฟนเพลงจนระบมขมความรู้สึก... แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อถึงท่อนฮุคของเพลงความเจ็บปวด เสียงร้องของพี่ตูนนั้นเข้าสะกดคนฟังอย่างรุนแรง ทำให้ 65,000 ชีวิตที่ราชมังคลากีฬาสถานตกอยู่ในความเงียบสงัดอย่างไม่ได้นัดกันไว้ ไร้ซึ่งเสียงเชียร์ เสียงโห่ร้อง หรือเสียงคนดูร้องตาม มีแค่เสียงของพี่ตูน เสียงคอรัสของปาล์มมี่ และเสียงกีต้าร์ ที่พาทุกคนจมดิ่งในอารมณ์ ก่อนที่ทั้งหมดจะโค้งขอบคุณและเดินลงจากเวทีไปเงียบ ๆ พร้อมเสียงปรบมือกึกก้องจากแฟนเพลง
Yes'sir Days
เอาละ หลังจากที่เช็ดน้ำกันเรียบร้อย ทางค่ายไม่ปล่อยให้แฟนเพลงรอนาน ส่งศิลปินน้องใหม่ในสังกัดอย่าง Yes’sir Days มาสรวลเสเฮฮากับคนดูด้วยเพลงมนุษย์ล่องหน ต่อด้วยเพลงใหม่ที่ปล่อยในนาม genie records อย่าง ฆาตรกรต่อเนื่อง ก่อนจะปิดท้ายโชว์ของพวกเค้าด้วยเพลง อยากให้เธอได้ยินหัวใจ ที่แม้วันนี้คุณฟิล์ม บงกช อาจจะไม่ได้มาร่วมฟีจเจอริ่งด้วยกัน แต่ 65,000 เสียงที่ราชมังฯสามารถเติมเต็มเพลงนี้ได้เป็นอย่างดี โดยรวมแม้จะเป็นโชว์สั้น ๆ แต่เพอร์ฟอร์แมนซ์โดยรวมถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว เป็นอีกวงที่น่าติดตามและให้กำลังใจครับ
Retrospect
“โห! อย่างกับคอนเสิร์ต EDM เลย” คนดูข้าง ๆ ผมถึงกับอุทานออกมาเมื่ออินโทรของวงต่อไปที่กำลังจะเล่นดังขึ้น ทั้งแสง สี เสียง พาทุกคนเต้นยับ โยกย้ายส่ายสะโพกราวกับไม่รู้ว่าความเดือดดาลผ่านเส้นเสียงกำลังจะตามมา... สิ้นเสียงซินธิไซเซอร์ เสียงสำรอกอันคุ้นหูของ ‘แน๊ป แห่งวง Retrospect’ ก็ดังขึ้นพร้อมจัดหนักแฟนคลับด้วยเพลง เพราะว่ารัก, เจ็บกว่าคือฉัน หักหลัง ก่อนจะพาทุกคนกรีดร้องทั้งน้ำตากับ เหนื่อยไหมหัวใจ และส่งท้ายโชว์อย่างสวยงามด้วยเพลง ไม่มีเธอ... ในจังหวะที่ทุกคนกำลังเบลอหลังเผชิญกับความหนักหน่วงมา 5 เพลงติด พี่แน๊ปพูดทิ้งท้ายอย่างตรงไปตรงมาว่าว่า “คนจนเล่นหวย คนรวยล่าสัตว์” ตามด้วย “ร็อกไม่มีวันตาย แต่เสือดำตายใครจะรับผิดชอบ” ก่อนจะเดินลงจากเวทีไปพร้อมเสียงกู่ร้องพอใจจากคนดูทั่วทุกสารทิศ
Cocktail
ตามมาติดๆด้วยศิลปินร็อกมาดสุภาพอย่าง Cocktail เพียงแค่เพลงแรก ช่างมัน ก็ทำให้คนทั่วราชมังคลาร่วมร้องได้อย่างพร้อมเพรียงสลับกับเสียงกรี๊ดจากสาว ๆ ที่ดังเป็นระยะ ๆ ตามมาด้วยเพลง ทำดีไม่เคยจำ, น้ำตาสุดท้าย ก่อนจะร่ายมนต์สะกดคนดูด้วยเพลง คู่ชีวิต และปิดท้ายโชว์อย่างยิ่งใหญ่ด้วยเพลงฮิตตลอดกาลของวงอย่าง คุกเข่า
- Acoustic
แต่เดี๋ยวก่อน! พี่โอมยังไม่ได้ลงจากเวทีไปไหน เพราะมีการชวนพี่เจ๋ง Big Ass และ พี่จ๊ะ The Mousses มาร่วมเล่นเพลงพิเศษอย่าง ‘เธอทำให้ลมเปลี่ยนทิศ’ ที่เป็นการนำเอาเพลง ลมเปลี่ยนทิศ Big Ass และ เธอทำให้ฉันเสียใจ Cocktail มาทำใหม่ให้เศร้าโศกโหดร้ายจนไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยละครับ
PARADOX
สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีขอเชิญพบกับคณะดนตรี Paradox… สิ้นเสียงอินโทร 65,000 ชีวิตก็โห่ร้องต้อนรับวงร็อกสุดเก๋า ที่กำลังจะเสิร์ฟความมันทะลุจุดเดือดใส่ผู้ชม โดยพวกเค้าขนเพลงฮิตมาเล่นอย่างต่อเนื่องเริ่มกันที่ รด. Dance, มีแต่เธอ, SuckSeed, ปลายสายรุ้ง ก่อนจะปิดท้ายด้วยการพาทุกคนพุ่งไปแตะขอบฟ้าทั้งน้ำตาในเพลง ฤดูร้อน เสร็จสิ้นภารกิจทั้งหมดก็เดินลงจากเวทีไปแบบงง ๆ ตามสไตล์คนไม่ธรรมดา พร้อมเสียงปรบมือเฮฮาชอบใจจากคนดู
Klear
เสร็จสิ้นความเมามันส์ก็ถึงเวลาราชมังคลาต้องเตรียมตัวร้องไห้ เพราะทางค่ายได้ส่ง Klear เข้ามาร่วมสนุกกับคนดู แม้จะเปิดตัวด้วยเพลงสนุกสนานอย่าง กระโดดกอด แต่หลังจากนั้นก็ตามมาด้วย คำยินดี, พันหมื่นเหตุผล, สิ่งของ ที่เล่นเอาผู้ชมหลายคนน้ำตานอง... ก่อนจะปลอบประโลมแฟนคลับด้วยเพลงจะรักหรือจะร้าย ปิดท้ายโชว์ได้อย่างสวยงามประทับใจ
The Yers x Fukfang NO MORE TEAR
ไฟบนเวทีทุกดวงถูกดับลง ก่อนจะมีสัญลักษณ์ตัว Y โผล่ขึ้นมาบนจอยักษ์ ไม่ต้องมีคำทักทายอันใด 4 หนุ่ม The Yers เปิดหัวด้วยเพลง คืนที่ฟ้าสว่าง ตามมาด้วยเสพติดความเจ็บปวด ก่อนจะขออนุญาตผู้ชมเล่นเพลงโคฟเวอร์ของวงดนตรีในค่าย... “เหนื่อยล้าเต็มที ไม่เห็นปลายทาง ทำดีกี่ครั้งก็ยังเปลี่ยนเธอไม่ได้” ไม่ต้องมีคำอธิบายอะไร สิ้นประโยคนี้ 65,000 คนส่งเสียงกรี๊ดแตกพร้อมร้องตามอย่างประทับใจ แถมพวกเค้ายังเซอร์ไพรส์คนดูต่อด้วยการชวน ‘ฟักแฟง’ และวง No More Tear มาร่วมเติมเต็มเพลงความพยายามให้สมบูรณ์ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการที่สองวงดนตรีร่วมเล่นเพลงรู้สึกดี ทำให้บนเวทีขณะนี้เต็มไปด้วยมวลความสุข ความคิดถึง สมชื่อเพลงที่พวกเค้ากำลังร่วมลึกซึ้งกันอยู่ครับ
Bodyslam
และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อ bodyslam วงดนตรีที่ครั้งหนึ่งเคยเล่นบนเวทีนี้ได้ปรากฏตัวออกมา ราชมังคลาก็สั่นสะเทือนเลือนลั่นอย่างน่าตกใจ เรือเล็กควรออกจากฝั่ง, ดัม-มะ-ชา-ติ, ความเชื่อ และอกหัก เพลงฮิตเหล่านี้ถูกผลักใส่คนดูอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องยังไม่จบแค่นี้ เพราะในเพลงสุดท้ายของพวกเค้า ยาพิษ พี่ตูนและผองเพื่อน ได้สะกิดต่อมความเดือดของทุกคนด้วยการเชิญ ‘แน็ป Retrospect’ และ ‘เต๋า Sweet Mullet’ มาร่วมผสมยาพิษขวดนี้ให้ร้ายแรงยิ่งขึ้น... เวอร์ชั่นปกติว่าเดือดแล้ว เวอร์ชั่นนี้นี่เลือดสาดเลยละครับ
- Superband
พักหายใจหายคอกันนิด ด้วยโชว์สุดพิเศษจากการรวมศิลปินในค่าย genie records ที่เล่นเพลงอย่างน้อยของ Big Ass ในเวอร์ชั่นที่สุดแสนจะอบอุ่น แทนคำขอบคุณแฟนเพลงทุกคนที่ให้การสนับสนุนพวกเค้าเสมอมา
“อย่างน้อยฉันเคยได้รักเธอ รักด้วยการไม่หวังอะไร”
25hours
ทุกคนคงเคยเห็น ผับดิสโก้ใช่ไหมครับ แต่ผับดิสโก้ที่จะใหญ่เท่าสนามกีฬาราชมังคลาคงไม่มีอีกแล้วในโลก เพราะ 25hours ได้เนรมิตสนามกีฬาแห่งนี้ให้เป็นผับยอดฮิตของวัยรุ่นในสมัยก่อน อีกทั้งคอสตูมของวงที่สุดจะโก้เก๋ด้วยชุดสูทไม่พอดีตัว ผนวกกับไฟ แสง สี เสียง ที่การันตีว่าทุกคนต้องตัวเอียงตามจังหวะดนตรีของเพลงเหล่านี้... แรงโน้มถ่วง, คิดเหมือนกันหรือเปล่า, Sexy Lady และหรี่อารมณ์คนดูให้เบาลงด้วยเพลง ทำได้เพียง ที่เสียงร้องของ แหลม นั้นเสียดแทงทะลุถึงใจทุกคน ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลงยินดีที่ไม่รู้จัก เรียกได้ว่าจบโชว์นี้ทุกคนต้องหลงรักพวกเค้ามากขึ้นอย่างแน่นอน
PALMY
หากโชว์เมื่อสักครู่คือแสงสีในเมืองกรุง ศิลปินคนถัดไปที่ผู้ชมจะได้ร่วมสนุกคงเหมือนสาวชนบทสุดอารมณ์ดี เพราะปาล์มมี่ มาในชุดอะไรสักอย่างที่ผมเองก็เรียกไม่ถูก แต่ลักษณะนั้นสุดจะแพรวพราว แถมยังมีการนำกองฟางจำนวนมากมาแปรสภาพเวทีให้เข้ากับเพลงที่กำลังจะเล่นต่อไปนี้อย่าง แม่เกี่ยว ก่อนจะจัดชุดใหญ่พาคนดูเต้นยับใต้แสงไฟไปกับเพลง ทำเป็นไม่ทัก, อยากจะร้องดังดัง, Ohh! และ Tik Tok
ขึ้นชื่อว่าปาล์มมี่ทั้งทีจะจบลงง่าย ๆ แบบนี้ก็คงไม่ได้ เพราะหล่อนเซอร์ไพรส์แฟนเพลงด้วยการชวน Paradox มาร่วมสนุกด้วยกันในเพลง ผงาดง้ำค้ำโลก ที่ทำเอาราชมังคลาสั่นสะเทือนเพราะแรงกระโดดของคน 65,000 ชีวิต
POTATO
9 ชั่วโมงแล้วหรือนี่... ผมเหลือบมองนาฬิกาหลังโชว์ของปาล์มมี่สิ้นสุดลง แน่นอนทุกงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา และประวัติศาสตร์ครั้งนี้ก็เดินทางมาถึงหน้าสุดท้าย เมื่อ ปั๊ป Potato โผล่ขึ้นมาบนเวทีเล็กท่ามกลาง 65,000 ชีวิต พร้อมด้วยกีต้าร์โปร่ง ก่อนจะร้องเพลงเธอยัง ชักนำคนดูเข้าสู่โชว์สุดท้ายของงานนี้
วงร็อกหัวมันส์เข็นเพลงดังมาฝากคนดูอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นที่เดิม, ทุกด้านทุกมุม จนมาถึงเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง ขอบคุณที่รักกัน ปั๊ปได้เป็นตัวแทนศิลปินกล่าวขอบคุณทุกฝ่าย ทุกคน ทีมงานเบื้องหน้า เบื้องหลัง รวมทั้งขอบคุณแฟนเพลงทุกคนที่ให้การสนับสนุนวงการเพลงไทย และในประโยคสุดท้าย
“พวกคุณคือเหตุผลที่ให้พวกเราศิลปินยังทำงานกันต่อไป ขอบคุณนะครับ”
จากนั้นอินโทรเพลงแสงสุดท้ายก็ดังขึ้น ศิลปินทั้ง 20 วงดนตรีได้ขึ้นมาร่วมสนุกร่ำร้องและมองตาแฟนเพลงของพวกเค้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่แสงสุดท้ายบนเวทีจะดับลง
...
คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เทศกาลดนตรีแบบนี้จะเกิดขึ้นอีก หากย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อนอาจจะมี G16 ที่จัดขึ้นบริเวณริมทะเลสาบเมืองทองธานี และในปีนี้กับ G19 ในด้านแสง สี เสียง โปรดัคชั่น เวที ไม่มีอะไรต้องตำหนิ รวมไปถึงการทำงานของทุกฝ่ายเองก็น่าชื่นชม อีกทั้งการควบคุมเวลาก็ทำได้อย่างน่าพอใจ
คะแนน 10/10 สำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้คงไม่เกินไปสำหรับหนุ่มสาวที่ไม่รู้ว่าพวกเค้าต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดไหนถึง
กว่าจะร็อกได้เท่าวันนี้
...
นี่เป็นบทความที่ผมได้เขียนรีวิวในปี 2018 ส่งให้กับเว็บไซต์แห่งหนึ่ง แต่ไม่ได้ลงเผยแพร่ เลยขออนุญาตนำมาให้ทุกคนได้อ่านกัน และที่สำคัญตอนนี้ทาง genie records กำลังจะมีเทศกาลดนตรีระดับนี้อีกครั้งใน genie fest 2020 ซึ่งจัดขึ้น ณ Jolly Land เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ แสดงกันวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2020 เปิดขายบัตรวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ แค่ 20,000 ใบเท่านั้น!
ให้คะแนน: TEK-080
...
#geniefest #RockMountain
#ChangMusicConnection
#G19 #genierecords
Nick Genie
ช่างมัน กีต้าร์ 在 Toeyguitaree - Tab"ช่างมัน" มาแล้วครับ... - Facebook 的美食出口停車場
Mr.Everything - Billkin Fingerstyle Guitar Cover. Anan Khonopklang และคนอื่นๆ อีก 1.8 พัน คน. ... <看更多>