ทำไม ญี่ปุ่น จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมเกม ? /โดย ลงทุนแมน
ความเป็นอมตะของเกม Super Mario ที่พบได้ในทุกเครื่องเล่นเกมของ Nintendo
หรือความสนุกจากกราฟิกที่สมจริงในเครื่องเล่น PlayStation ของ Sony
คงไม่มากเกินไปนัก หากจะบอกว่า “ญี่ปุ่น” คือหนึ่งในประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมเกม
ชาวญี่ปุ่นมีพรสวรรค์ในการถ่ายทอดจินตนาการอันล้ำเลิศมาสู่การสร้างโลกเสมือน ที่รองรับเหล่าเกมเมอร์ทั่วทุกมุมโลกผู้เหนื่อยล้าจากโลกแห่งความเป็นจริง
มูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมเกมในญี่ปุ่นอยู่ที่ปีละ 467,000 ล้านบาท
และมีแนวโน้มเติบโตต่อไปเรื่อย ๆ แม้ประเทศแห่งนี้จะประสบปัญหากับประชากรวัยเด็กที่ลดลง
เส้นทางของอุตสาหกรรมเกมญี่ปุ่น เป็นอย่างไร ?
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม ญี่ปุ่น จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมเกม ?
เอกลักษณ์ของคนญี่ปุ่นประการหนึ่งก็คือ “อีโทะโกะโดะริ (いいこと通り)”
หรือ การรับเอาแต่สิ่งดี ๆ..
นับตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวญี่ปุ่นมักจะรับเอาสิ่งที่มีประโยชน์จากต่างชาติ
นำเข้ามาปรับและสร้างใหม่ในแบบฉบับของตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเชื่อ ปรัชญา วัฒนธรรม ไปจนถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยี
ทำให้เมื่อถึงยุคปฏิวัติเมจิในช่วงศตวรรษที่ 18 ชาวญี่ปุ่นจึงสามารถเรียนรู้วิทยาการสมัยใหม่จากชาวตะวันตกได้อย่างรวดเร็ว แล้วนำองค์ความรู้ต่าง ๆ แปลเป็นตำรับตำราภาษาญี่ปุ่น เพื่อต่อยอดสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมจนประสบความสำเร็จเป็นชาติแรกของทวีปเอเชีย
เมื่อแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นถูกปกครองโดยสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลาหนึ่ง
ความก้าวหน้าทางวิทยาการต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกา ก็กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวญี่ปุ่นยุคหลังสงคราม
คนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยเดินทางไปสหรัฐอเมริกา แล้วนำความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กลับมาพัฒนาและเจริญรอยตาม
ในช่วงเวลานั้น มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา นำโดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย กำลังพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ นั่นคือ “อิเล็กทรอนิกส์”
องค์ความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์ เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์สื่อสารมากมาย สหรัฐอเมริกาจึงมีอุปกรณ์สื่อสารที่ก้าวหน้ากว่าประเทศอื่น ๆ และความก้าวหน้าครั้งใหม่ ก็เกิดขึ้นมากับสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า “ทรานซิสเตอร์”
ทรานซิสเตอร์ ถูกประดิษฐ์จากห้องทดลอง Bell Labs ของบริษัท AT&T มีคุณสมบัติเป็นสารกึ่งตัวนำ หรือ Semiconductor ทำให้ปล่อยสัญญาณไฟฟ้าที่อ่อนกว่า และควบคุมสัญญาณของอุปกรณ์สื่อสารได้ดีกว่า ทำให้อุปกรณ์มีขนาดเล็กลง และสื่อสารไปได้ไกลกว่าเดิม
การประดิษฐ์ครั้งนี้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั่วโลก หนึ่งในนั้นคือ ชายชาวญี่ปุ่นผู้มีชื่อว่า “Akio Morita”
Akio Morita เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท วิศวกรรมโทรคมนาคมแห่งโตเกียว ตั้งแต่ปี 1946
ที่เริ่มขายผลิตภัณฑ์อย่างหม้อหุงข้าว ก่อนจะหันมาพัฒนาเครื่องบันทึกเทป
จนกลายเป็นสินค้าขายดีและสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท
Morita เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา และได้ซื้อลิขสิทธิ์ทรานซิสเตอร์กลับมาพัฒนาผลิตภัณฑ์
จนกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตวิทยุทรานซิสเตอร์แห่งแรกของญี่ปุ่น ในปี 1955
พร้อม ๆ กับพบว่า ชื่อบริษัทนั้นยาวเกินไปและไม่เป็นสากล จึงดัดแปลงคำจากภาษาละตินว่า Sonus ซึ่งแปลว่าเสียง จนกลายเป็นชื่อบริษัทใหม่ในปี 1958 ว่า “Sony Corporation”
ผลิตภัณฑ์ของ Sony จัดได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น
เพราะหลังจากนั้นก็มีการพัฒนาโทรทัศน์สี เครื่องบันทึกเทปวิดีโอ (VCR) อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องมือสื่อสารอีกมากมาย
ความใส่ใจในตัวสินค้า ทำให้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น ค่อย ๆ ก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อรวมกับค่าแรงของชาวญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1960 ที่ถูกกว่าค่าแรงของชาวยุโรปและอเมริกัน สินค้าของญี่ปุ่นที่มีทั้งคุณภาพและราคาถูก ก็ตีตลาดไปทั่วโลกในช่วงทศวรรษ 1970
แต่สำหรับอุตสาหกรรมเกม ผู้เริ่มต้นกลับไม่ใช่ Sony
เพราะมีหนึ่งบริษัทที่ก้าวไปก่อนหน้า ที่มีชื่อว่า “Nintendo”
บริษัท Nintendo มีจุดเริ่มต้นมาจากบริษัทผลิตไพ่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19
ก่อนจะก้าวมาสู่จุดเปลี่ยนสำคัญในปี 1975
ช่วงทศวรรษ 1970 เทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ของสหรัฐอเมริกาก้าวไปอีกขั้น เมื่อมีการพัฒนาแผ่นซิลิคอนที่สามารถวางทรานซิสเตอร์จำนวนมากไว้ในแผ่นเดียว และเรียกว่า แผงวงจรรวม
ก่อนจะนำแผงวงจรรวมจำนวนมากไว้ในแผ่นเดียว และเรียกว่า “ไมโครโพรเซสเซอร์”
การเกิดขึ้นของไมโครโพรเซสเซอร์ เปิดทางให้การผลิตคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง และต้นทุนการผลิตถูกลงมาก จนคนทั่วไปสามารถมีไว้ครอบครองได้ รวมถึงนำมาใช้ในสินค้าเพื่อความบันเทิงอย่าง “เครื่องเล่นวิดีโอเกมคอนโซล” ที่เชื่อมต่อกับโทรทัศน์ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ชาวอเมริกัน
Hiroshi Yamauchi ผู้นำของ Nintendo ได้ฟังเรื่องราวของเครื่องเล่นเกมในสหรัฐอเมริกา
และคิดว่าน่าจะนำมาพัฒนาอุตสาหกรรมเกมในญี่ปุ่นได้
จึงร่วมมือกับบริษัท Mitsubishi เพื่อคิดค้นและพัฒนาสินค้า หลังจากใช้เวลา 2 ปี ในปี 1977 Nintendo ก็สามารถวางขายวิดีโอเกมคอนโซลเป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อว่า “Color TV-Game”
ในช่วงปี 1980 เกมตู้หยอดเหรียญ หรือเกม Arcade ได้รับความนิยมสูงในสหรัฐอเมริกา
Nintendo ก็ได้เริ่มให้บริการตู้เล่นเกมเป็นครั้งแรก
แต่ภายหลังทางบริษัทได้พบว่าเกมเหล่านี้มักได้รับความนิยมสูงแค่ช่วงที่เริ่มเปิดตัวเท่านั้น ทำให้ต้องคอยพัฒนาเกมใหม่อย่างรวดเร็ว เพราะเกมเหล่านี้ ไม่มีแครักเตอร์ที่โดดเด่น หรือ Story ที่น่าสนใจให้ชวนติดตาม
นำมาสู่การพัฒนาเกมอมตะของ Nintendo ที่มีการใส่ “แครักเตอร์” และ “Story” เข้าไปในเกม
ของนักพัฒนาที่มีชื่อว่า Miyamoto Shigeru
ชาวญี่ปุ่นมีชื่อเสียงในเรื่องการสร้างแครักเตอร์มานาน
ทั้งการตีพิมพ์เป็นหนังสือการ์ตูนที่เรียกว่า “มังงะ” มาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19
และการนำมังงะมาฉายบนจอโทรทัศน์ที่เรียกว่า “อานิเมะ” ในช่วงทศวรรษ 1960
Miyamoto ได้สร้างตัวละครขึ้นมา 3 ตัว ทำหน้าที่เป็นพระเอก นางเอก และตัวร้ายในเกม
พระเอกเป็นผู้ชายมีหนวด ใส่หมวก และใส่กางเกงสีแดงตัดกับเสื้อสีน้ำเงิน ชื่อว่า Mario
นางเอกมีชื่อว่า Pauline ส่วนตัวร้ายเป็นคิงคอง ซึ่งชื่อของตัวร้ายก็ได้ถูกนำมาใช้
เป็นชื่อเกมเพื่อเปิดตัวที่สหรัฐอเมริกาว่า “Donkey Kong”
เกม Donkey Kong ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ซึ่งต่อมาก็ได้นำตัวพระเอกอย่าง Mario
มาใช้ในเกมอีกนับสิบเกม และพัฒนาจนกลายเป็นเกม Super Mario ที่ได้รับความนิยม
จนกลายเป็นเกมในตำนานที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับ Nintendo มาจนถึงปัจจุบัน..
อย่างไรก็ตาม การผลิตเกมคอนโซลในสมัยนั้น มีจุดอ่อน นั่นก็คือทุกครั้งที่จะสร้างเกมใหม่ บริษัทก็ต้องผลิตเครื่องเล่นเกมชนิดใหม่ตามไปด้วย
ทีมวิศวกรและนักออกแบบของ Nintendo จึงได้ช่วยกันระดมความคิดว่าแทนที่จะพัฒนาหนึ่งเกมต่อหนึ่งเครื่อง กลายมาเป็นเกมคอนโซลเครื่องเดียวที่สามารถเปลี่ยนแผ่นเกมเล่นได้หลากหลาย
นำมาสู่การเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัท Ricoh เพื่อออกแบบและผลิตชิปให้โดยเฉพาะ และในปี 1983 Nintendo ก็ได้เปิดตัวเกมคอนโซลเปลี่ยนตลับเกมได้
ชาวญี่ปุ่นจะรู้จักในชื่อว่า “Famicom”
ส่วนชาวอเมริกันจะรู้จักในชื่อ “NES” หรือ Nintendo Entertainment System
ซึ่งก็ทำรายได้ให้ Nintendo ได้มากที่สุดตั้งแต่บริษัทเริ่มก่อตั้งมา
ช่วงต้นทศวรรษ 1990 Nintendo ก้าวสู่จุดสูงสุดของอุตสาหกรรมเกม
ด้วยยอดขายสูงที่สุดในญี่ปุ่น ตอกย้ำความสำเร็จด้วยการสร้าง “Game Boy”
เครื่องเล่นเกมขนาดพกพา ที่เปลี่ยนแผ่นเกมได้หลากหลาย
ความรุ่งเรืองของ Nintendo ทำให้อุตสาหกรรมเกมของญี่ปุ่นคึกคัก มีการจัดตั้งองค์กร CESA
หรือ Computer Entertainment Supplier’s Association ในปี 1996 เพื่อส่งเสริมศักยภาพและโปรโมตอุตสาหกรรมเกมของญี่ปุ่น โดยจะมีการจัดงาน Tokyo Game Show เป็นประจำทุก ๆ ปี
บริษัทเกมอื่น ๆ ในญี่ปุ่นต่างก็มุ่งมั่นพัฒนาเครื่องเล่นเกมมาแข่งกับ Nintendo หนึ่งในนั้นคือบริษัท SEGA
ถึงแม้ SEGA จะเพิ่งเข้าสู่ตลาดเกมในปี 1986 แต่ก็สามารถพัฒนาเครื่องเล่นเกมที่มีกราฟิกสวยสดใส เสียงเพลงประกอบยอดเยี่ยม และความจุที่โดดเด่น เครื่องเล่นนี้ถูกตั้งชื่อว่า Mega Drive
หรือวางขายในสหรัฐอเมริกาภายใต้ชื่อ Genesis
ในปี 1991 SEGA ก็ได้พัฒนาแครักเตอร์ที่โดดเด่นไม่แพ้กับ Mario
แต่คราวนี้เป็นสัตว์ที่มีหนามแหลมอย่างเม่น ที่คนทั่วโลกรู้จักกันในชื่อ “Sonic the Hedgehog”
เม่นความเร็วสูงที่มีรองเท้าสุดเท่ มั่นใจในความเร็วของตัวเอง และพร้อมจะผจญภัยในทุกที่
การต่อสู้ยิ่งดุเดือดเข้าไปอีก เมื่อ SEGA ได้พัฒนาเกมคอนโซลที่ใช้ CD-ROM
โดยเป็นอุปกรณ์เสริมให้กับ Mega Drive ในชื่อ Mega-CD
ทำให้ Nintendo ต้องพัฒนาเครื่องเล่นเกมที่สามารถเล่นได้ด้วยแผ่น CD-ROM เช่นกัน
CD-ROM ถือเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถเข้ามาเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมเกมคอนโซลแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพการแสดงผล ความจุของแผ่นซีดี
รวมถึงน้ำหนักที่เหมาะกับการพกพา สิ่งเหล่านี้ CD-ROM ทำได้ดีกว่าตลับเกมอย่างชัดเจน
Nintendo จึงต้องมาจับมือกับยักษ์ใหญ่แห่งวงการอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นอย่าง Sony
เพื่อร่วมกันผลิตอุปกรณ์เสริมที่ทำให้เครื่องเกม Super Famicom สามารถเล่นเกมได้ด้วยแผ่นซีดี ถูกตั้งชื่อว่า Nintendo PlayStation
แต่ด้วยปัญหาของสัญญาระหว่าง 2 บริษัทที่ไม่ลงตัว ทำให้ Nintendo ประกาศยกเลิก
สัญญาอุปกรณ์เสริมและเครื่องเกมทั้งหมดกับ Sony และไปประกาศเป็นพันธมิตรกับ Philips ที่เป็นอีกบริษัทผู้นำด้านซีดีรายใหญ่แทน
เมื่อถูกทิ้งไว้กลางทาง ทำให้ Sony ต้องหันมาพัฒนาเครื่องเล่นเกมที่อ่านข้อมูลจากแผ่น CD-ROM ของตัวเอง ด้วยการนำของนักสร้างเกมชื่อ Ken Kutaragi จนในที่สุดก็ได้พัฒนาเครื่องเกม PlayStation ขึ้นมาได้สำเร็จ ในปี 1994
PlayStation ของ Sony นับว่าเป็นการเปิดโลกใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเกม ทั้งการประมวลภาพแบบ 3 มิติ และยังมีเกมให้เลือกเล่นได้มากกว่าเดิม
จากบริษัทที่เกือบจะเป็นพันธมิตรกัน กลับกลายเป็นว่า Nintendo ได้คู่แข่งสำคัญเพิ่มมาอีกราย และรายนี้ก็เป็นคู่แข่งที่ยาวนานและน่ากลัวที่สุด..
เพราะหลังจากที่ PlayStation ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม
มียอดจำหน่ายกว่า 100 ล้านเครื่อง Sony ก็พัฒนาคอนโซลรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง
จนเป็น PlayStation 2 ในปี 2000 ที่ใช้เทคโนโลยีอ่านข้อมูลจากแผ่น DVD
ซึ่งเป็นสิ่งที่ใหม่มากในช่วงเวลานั้น ทำให้ PS2 กลายเป็นเครื่องเล่นเกมที่ขายดีที่สุด
เป็นประวัติการณ์กว่า 150 ล้านเครื่อง!
ความท้าทายของอุตสาหกรรมเกมญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 2000 ไม่ใช่แค่เพียงบริษัทเกมในประเทศเท่านั้น การถือกำเนิดของคู่แข่งจากอีกซีกโลก คือ Xbox จาก Microsoft
ทำให้วงการนี้ยิ่งดุเดือดเข้าไปอีก ซึ่งสมรภูมิแข่งขันที่ร้อนระอุนี้เอง ทำให้ SEGA ต้องถอนตัวจากวงการผลิตเครื่องเล่นเกม และหันไปเอาดีด้านการพัฒนาเกมเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม Sony ก็ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกลายมาเป็น PlayStation 4 ที่เปิดตัวในปี 2013
ซึ่งเป็นคอนโซลที่เปลี่ยนการใช้งานจากฐานของแผ่นเกม มาสู่การทำงานแบบดิจิทัลมากขึ้นโดยให้มีการดาวน์โหลดเกมทางออนไลน์ได้ ซึ่ง PlayStation 4 ก็ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายเหมือนเดิม
ส่วน Nintendo ถึงแม้จะล้มลุกคลุกคลานมาตลอดเกือบ 2 ทศวรรษ แต่ก็พลิกฟื้นกลับมาได้ในปี 2017 ด้วยการพัฒนาเกมคอนโซลที่รวมจุดเด่นของคู่แข่งและของตัวเองไว้ด้วยกัน
เครื่องเกมคอนโซลแบบไฮบริด ที่สามารถเป็นได้ทั้งเครื่องเล่นเกมในบ้าน เหมือนอย่าง PlayStation 4 รวมกับคุณสมบัติเด่นของ Nintendo คือเกมที่สามารถพกพาไปเล่นที่ไหนก็ได้ เครื่องนี้มีชื่อว่า “Nintendo Switch”
แม้ว่าปัจจุบัน สมรภูมิอุตสาหกรรมเกมยังคงดุเดือด ทั้งการแข่งขันของบริษัทญี่ปุ่นเอง
การแข่งขันกับบริษัทจากประเทศสหรัฐอเมริกา
และการแข่งขันระหว่าง เกมคอนโซล กับเกมออนไลน์มากมายที่เล่นได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ และสมาร์ตโฟน ซึ่งในช่วงหลังบริษัทจากประเทศจีน เช่น Tencent ก็สามารถพัฒนามาเป็นคู่แข่งสำคัญเช่นกัน..
แต่อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเกมก็ยังเป็นตัวแทนความคิดสร้างสรรค์ของชาวญี่ปุ่น
ที่กลั่นกรองออกมาเป็นแครักเตอร์ยอดนิยม รวมถึงความพยายามพัฒนาสินค้าอย่างมุ่งมั่น
การประยุกต์รับเอาแต่สิ่งดี ๆ ของผู้อื่น มาปรับปรุงและพัฒนา จนเกิดเป็นแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยมี Nintendo กับ Sony เป็นผู้นำ
Nintendo เป็นแบรนด์ที่โฟกัสในเรื่องเกมสำหรับครอบครัว และมีแครักเตอร์อมตะอย่าง Mario
ที่ไม่ว่าจะนำมาผลิตเป็นเกมกี่ครั้ง ก็ยังขายดีแทบทุกครั้ง
ในขณะเดียวกัน Sony PlayStation ที่ออกมาถึง PS5 ก็กลายมาเป็นแบรนด์เครื่องเล่นเกมระดับโลก ที่มาพร้อมเกมที่มีกราฟิกสมจริง และเนื้อหา Story ที่ซับซ้อน
ส่วนบริษัทเกมญี่ปุ่นอื่นอีกหลายบริษัทก็มีส่วนช่วยเติมเต็ม ให้โลกจินตนาการทั้งหมดสมบูรณ์แบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
- Konami ที่เป็นต้นฉบับของเกมวินนิง หรือ PES มหากาพย์เกมฟุตบอลที่ทุกคนรู้จักกันดี
- Capcom ที่เป็นเจ้าของซีรีส์เกมชื่อ Resident Evil ที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์หลายภาค และเกม Street Fighter ที่เคยโด่งดังในอดีต
- Square Enix ที่เป็นผู้นำเกมแนว Role-Playing Game อย่าง Final Fantasy ที่ออกมาแล้วถึง 15 ภาค และมีภาค Remake อีกหลายภาค
- Bandai Namco เจ้าของหุ่นยนต์ Gundam ที่เป็นตำนาน และเกม Dragon Ball Z ที่มีหลายคนต้องปล่อยพลังคลื่นเต่าไปกับเกมนี้
สำหรับโลกของเกม ยังมีความท้าทายอีกมากมายที่รออยู่ข้างหน้า
โดยเฉพาะเทคโนโลยี Virtual Reality ที่จะทำให้โลกเสมือนในเกมสมจริงยิ่งกว่าที่เป็นมา
ตราบเท่าที่โลกเสมือนของการเล่นเกมยังคงมีอยู่ เพื่อปลอบประโลมจิตใจของมนุษย์
สมรภูมิของอุตสาหกรรมเกม ก็ยังคงไม่สิ้นสุดลงง่าย ๆ และประเทศญี่ปุ่นก็น่าจะยังมีบทบาทสำคัญในโลกเสมือนแห่งนั้น..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.statista.com/statistics/1024411/japan-gaming-market-size/
-https://medium.com/everything-japan/iitoko-dori-adopting-systems-for-success-53b3320f7626
-https://www.businessinsider.com/history-of-nintendo-130-years-video-games-super-mario-zelda-2019-9
-https://www.isc.hbs.edu/Documents/resources/courses/moc-course-at-harvard/pdf/student-projects/Final%20paper%20-%20Japan%20gaming%20cluster%20vfinal.pdf
-https://edition.cnn.com/2017/11/12/asia/future-japan-videogame-landmarks/index.html
-https://www.videogameschronicle.com/news/playstation-founder-ken-kutaragi-has-started-a-new-career-in-robotics/
-https://www.gamingdose.com/feature/playstation
-https://www.ditp.go.th/contents_attach/577320/577320.pdf
同時也有3部Youtube影片,追蹤數超過1萬的網紅translation,也在其Youtube影片中提到,#'87年にトーセが開発・任天堂が発売した、FDS用コマンド選択式アドベンチャー作であり、ファミコン探偵倶楽部シリーズの第2作目。 前作から3年前にあたり、空木探偵の助手である主人公が、丑美津高校で起きた殺人事件と、学校に伝わる怪談「後ろの少女」の背後に隠された謎を解き明かすために奔走する。 最終局...
「yamauchi nintendo」的推薦目錄:
yamauchi nintendo 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
เส้นทางของ Nintendo กว่าจะเป็นเจ้าแห่งคอนโซลเกม /โดย ลงทุนแมน
เครื่องเล่นเกมยอดนิยมอย่างเช่น Nintendo Switch, Wii, Game Boy และ Famicom
หรือเกมสุดฮิตอย่างเช่น Animal Crossing, Super Mario Bros. และ Pokémon
คือตัวอย่างความสำเร็จของบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง “Nintendo”
แต่กว่าจะกลายมาเป็นผู้ผลิตเกมที่ครองใจเหล่าเกมเมอร์ทั่วโลกมาอย่างยาวนาน
Nintendo มีจุดเริ่มต้นมาจากอะไรและต้องผ่านอะไรมาบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไป 132 ปี หรือในปี 1889 ที่ประเทศญี่ปุ่น “ไพ่ฮานาฟูดะ” หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่าไพ่ดอกไม้ กำลังได้รับความนิยมสูงมาก
ศิลปินชายวัย 26 ปีที่ชื่อ “ฟูซาจิโร ยามาอุจิ” เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจจากไพ่ฮานาฟูดะ
เขาจึงเปิดร้านขายไพ่ที่วาดลวดลายด้วยมือ โดยใช้ชื่อว่า “Nintendo Koppai” ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเกียวโต
ไพ่ของ Nintendo Koppai ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จน Nintendo Koppai สามารถขยายกิจการและกลายมาเป็นผู้ผลิตไพ่ฮานาฟูดะที่ใหญ่สุดในญี่ปุ่น
จนมาถึงผู้นำรุ่นที่ 3 อย่าง “ฮิโรชิ ยามาอุจิ” ที่มีศักดิ์เป็นเหลนของฟูซาจิโร
ปี 1949 คุณตาของฮิโรชิ ซึ่งเป็นผู้นำรุ่นที่ 2 อยู่ในขณะนั้นเกิดป่วยและเสียชีวิตลง
โดยเขาได้สั่งเสียฮิโรชิ ว่าให้เลิกเรียนมหาวิทยาลัยและมารับช่วงต่อกิจการครอบครัวทันที
เนื่องจากคุณพ่อของฮิโรชิได้ไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่ ฮิโรชิ อายุ 5 ขวบ
ซึ่งธุรกิจของตระกูลจะอยู่ที่ฝั่งแม่ของฮิโรชิ
ดังนั้น ฮิโรชิในวัย 21 ปี จึงกลายมาเป็นผู้นำคนใหม่ของ Nintendo Koppai นับตั้งแต่นั้น
แต่ด้วยความที่ฮิโรชิอายุยังน้อยและไม่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อน พนักงานในบริษัทจึงยังกังขาในความสามารถ ซึ่งก็คงไม่มีใครคิดว่าฮิโรชิคนนี้เองจะกลายเป็นผู้ที่นำพา Nintendo ให้กลายมาเป็นเจ้าพ่อวิดีโอเกมของโลกในปัจจุบัน
แต่กว่าจะถึงจุดนั้น เรื่องราวก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
หลังจากวางแผนอยู่ 4 ปี ฮิโรชิก็เริ่มลงมือปฏิรูปบริษัท จากการปรับปรุงสินค้าหลักอย่างไพ่ฮานาฟูดะ ที่แต่เดิมทำจากกระดาษ ให้เปลี่ยนมาเคลือบด้วยพลาสติก ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกในประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ก็ได้ซื้อลิขสิทธิ์จาก Disney เพื่อนำตัวการ์ตูนมาเป็นลวดลายหลังไพ่เพราะต้องการเจาะตลาดครอบครัวและกลุ่มวัยรุ่น
รวมถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ไปที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และร้านขายของเล่น
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่ Nintendo Koppai ยังมีอุปสรรคสำคัญ นั่นคือคู่แข่งอย่างแบรนด์สินค้าในหมวดเดียวกัน ที่นำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา
ฮิโรชิจึงมองว่าการเติบโตในตลาดไพ่ฮานาฟูดะคงมาถึงทางตันแล้ว และเพื่อให้เหมาะสมกับการเริ่มต้นธุรกิจในประเภทอื่นด้วย จึงนำคำว่า Koppai ออกจากชื่อบริษัท เหลือเพียงคำว่า “Nintendo” และได้นำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนสำหรับการต่อยอดธุรกิจครั้งใหม่นี้
Nintendo ได้ลองทำธุรกิจหลากหลายประเภท ตั้งแต่ขายข้าวสวยกึ่งสำเร็จรูป ให้บริการรถแท็กซี่ไปจนถึงเลิฟโฮเต็ลที่คล้ายกับโรงแรมม่านรูด
แต่จากการลงทุนในธุรกิจเหล่านี้ สร้างรายได้ให้ Nintendo เพียงเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งที่ตามมาจึงกลายเป็นหนี้จำนวนมหาศาลแทน
ฮิโรชิตัดสินใจเลิกทำกิจการที่ผลาญเงินทุนทั้งหมด แล้วกลับมาทบทวนแนวทางธุรกิจใหม่อีกครั้ง
เขาเริ่มสังเกตว่าขณะที่บริษัทหันไปโฟกัสการขยายธุรกิจประเภทอื่น สินค้าดั้งเดิมอย่างไพ่ฮานาฟูดะ ที่แม้จะไม่ได้มียอดขายเติบโต แต่ยังคงขายได้สม่ำเสมอ และสิ่งที่ Nintendo มีอยู่แล้วในมือ ก็คือช่องทางขายในห้างสรรพสินค้าและร้านขายของเล่น ฮิโรชิจึงหันกลับมาโฟกัสที่สิ่งเหล่านี้
ปี 1965 “กุนเป โยโคอิ” ที่เพิ่งเรียนจบวิศวกรรมไฟฟ้ามา ได้เริ่มทำงานที่ Nintendo โดยเป็นช่างซ่อมบำรุงเครื่องจักรที่โรงงานผลิตไพ่ฮานาฟูดะ
หลังเริ่มงานไปได้ไม่ถึงปี มีอยู่วันหนึ่งที่กุนเปลองตัดแผ่นไม้เล่น ให้ออกมาเป็นรูปฟันปลา 2 แท่ง ความยาวประมาณ 1 ช่วงศอก แล้วนำไม้ทรงฟันปลา 2 แท่งนี้มาประกบเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้ยืดหดได้ โดยปลายข้างหนึ่งออกแบบให้ใช้มือจับได้ถนัด ส่วนปลายอีกข้างหนึ่งออกแบบให้หนีบของได้
ระหว่างที่กุนเป กำลังสนุกกับการใช้เครื่องมือที่เขาคิดค้นมาลองเล่นหยิบของจากระยะไกล ฮิโรชิได้เดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี แต่แทนที่จะโดนตำหนิ ฮิโรชิกลับพูดกับกุนเปว่าสนใจนำสิ่งประดิษฐ์นั้นมาเป็นสินค้าชนิดใหม่ของบริษัท
กุนเปจึงดัดแปลงสิ่งประดิษฐ์ของเขาให้ทำด้วยพลาสติกแทน และเสนอไอเดียว่าควรขายเป็นเซตที่มีลูกบอลพลาสติกหลากสีสันไปด้วย เพื่อให้ใช้คีบเล่นได้ โดยตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ว่า “Ultra Hand”
Ultra Hand ได้กลายเป็นของเล่นชนิดแรกที่ Nintendo วางขาย และประสบความสำเร็จแบบถล่มทลาย โดยขายไปได้มากกว่า 1 ล้านชิ้น จนกลายเป็นสินค้าที่ช่วยชุบชีวิตให้กับ Nintendo
หลังจากนั้นกุนเปก็ได้คิดค้นของเล่นชนิดใหม่ที่สร้างความสำเร็จให้กับ Nintendo อีกมากมาย โดยเฉพาะปืนยิงเลเซอร์ จนเขาได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท
และแล้ว จุดเริ่มต้นที่ทำให้ Nintendo เข้าสู่การผลิตเครื่องเล่นวิดีโอเกม เกิดขึ้นในปี 1975
ฮิโรชิได้เจอกับเพื่อนวัยเด็กที่ตอนนี้เป็นผู้บริหารบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งได้เล่าเกี่ยวกับการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์และไมโครโพรเซสเซอร์ให้ฟังว่าต้นทุนการผลิตถูกลงจนสามารถนำมาใช้ในสินค้าเพื่อความบันเทิงรวมถึงเครื่องเล่นเกมได้แล้ว
ฮิโรชิได้ฟังแล้วก็ตื่นเต้น และพยายามคิดว่าจะนำความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนี้มาใช้พัฒนาสินค้าได้อย่างไรบ้าง และเขาก็พบว่าที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เครื่องเล่นวิดีโอเกมคอนโซลที่เชื่อมต่อกับโทรทัศน์กำลังได้รับความนิยมสูงมาก
ฮิโรชิคิดว่าสิ่งนี้แหละ ที่น่าจะเป็นสินค้าที่ขายดีชนิดต่อไปของ Nintendo
เขาจึงได้ตัดสินใจร่วมมือกับ Mitsubishi เพื่อคิดค้นและพัฒนาสินค้าอยู่ 2 ปี
จนในปี 1977 Nintendo ได้เริ่มวางขายวิดีโอเกมคอนโซลเป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อว่า “Color TV-Game”
แม้ว่า Color TV-Game จะขายได้ราว 3 หมื่นเครื่อง ซึ่งถือว่าเป็นไปตามความคาดหมาย แต่ฮิโรชิมองว่าคนน่าจะตื่นเต้นได้ไม่นานแล้วเริ่มเบื่อ เขาจึงแนะนำให้ทีมงานร่วมกันสร้างสรรค์เครื่องเล่นเกมชนิดใหม่ขึ้นมา
และกุนเปคนเดิม ก็ได้นำเสนอไอเดียที่ได้มาจากตอนที่เขากำลังนั่งรถไฟ
กุนเปเห็นชายคนหนึ่งกดเครื่องคิดเลขเล่นแก้เบื่อ เลยเกิดเป็นไอเดียเครื่องเล่นเกมที่มีขนาดเล็ก พกพาได้ หลังจากกุนเปเล่าไอเดียให้ฮิโรชิฟัง ฮิโรชิก็ได้เสนอไอเดียเกมนี้ให้ทีมบริหารของบริษัท Sharp
3 ปีผ่านไป ในปี 1980 Nintendo ก็ได้เริ่มขายเครื่องเล่นเกมพกพาขนาดฝ่ามือ ที่ชื่อว่า “Game & Watch” ซึ่งตั้งเป้ายอดขายไว้ 1 แสนเครื่อง แต่กลับขายได้มากกว่านั้น 6 เท่าภายในปีแรก จนสามารถต่อยอดพัฒนารุ่นใหม่ออกมาได้เรื่อย ๆ
ในปีเดียวกัน เกม Arcade หรือพวกเกมตู้หยอดเหรียญ กำลังได้รับความนิยมสูงมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ฮิโรชิก็ไม่พลาดและได้ตั้งเป้าที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดนี้ด้วย
ฮิโรชิจึงตั้งบริษัทที่สหรัฐอเมริกาโดยใช้ชื่อว่า Nintendo of America และได้ชักชวน “มิโนรุ อาราคาวะ” ลูกเขยของเขามาเป็นประธาน ซึ่งมิโนรุทำงานในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาอยู่แล้ว และมีประสบการณ์ด้านการบริหารงานจากบริษัทอื่นมาแล้ว
Nintendo จึงได้เริ่มให้บริการตู้เล่นเกมเป็นครั้งแรก แต่ภายหลังทางบริษัทก็พบว่าเกมเหล่านี้มักได้รับความนิยมสูงแค่ช่วงที่เพิ่งเปิดตัวเท่านั้น ทำให้ต้องคอยพัฒนาเกมใหม่อย่างรวดเร็ว
นั่นจึงทำให้การเปิดตัวตู้เกมครั้งที่ 2 อย่าง Radar Scope ต้องล้มเหลว เพราะแม้จะพิสูจน์ความนิยมในญี่ปุ่นมาแล้ว แต่กว่าจะเข้าไปเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาได้ ก็สายไป จนเกมหมดความนิยมไปแล้ว มิโนรุเลยบอกฮิโรชิว่าถ้าจะกู้สถานการณ์ได้ ต้องพัฒนาเกมที่ใหม่กว่านี้ออกมาให้ได้เร็วที่สุด
ฮิโรชิมอบหมายให้ “ชิเงรุ มิยาโมโตะ” ที่เป็นนักออกแบบของบริษัท ลองออกแบบเกมดู
หนึ่งปีหลังจากนั้น Nintendo ได้เปิดตัวเกมที่ชื่อว่า “Donkey Kong” ซึ่งมีตัวเอกที่ชื่อว่า “Mario”
และนี่คือจุดกำเนิดของเกม Super Mario ที่ได้รับความนิยมแบบถล่มทลายทันทีที่เปิดตัวและยังกลายเป็นเกมที่สร้างตำนานให้กับ Nintendo มาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ฮิโรชิยังคงเห็นจุดอ่อนของการผลิตเกมคอนโซล นั่นก็คือทุกครั้งที่จะสร้างเกมใหม่ บริษัทก็ต้องผลิตเครื่องเล่นเกมชนิดใหม่ตามไปด้วย
ทีมวิศวกรและนักออกแบบของ Nintendo จึงได้ช่วยกันระดมความคิดว่าแทนที่จะพัฒนาหนึ่งเกมต่อหนึ่งเครื่องกลายมาเป็นเกมคอนโซลเครื่องเดียวที่สามารถเปลี่ยนแผ่นเกม เล่นได้หลากหลาย
ซึ่งนั่นก็จะทำให้บริษัทสามารถหันไปพัฒนาเกมและออกเกมได้ไว ซึ่งเป็นวิธีที่มีอัตรากำไรสูงกว่าและขายง่ายกว่าด้วย
แม้ว่าไอเดียจะน่าสนใจ แต่การผลิตเกมคอนโซลแบบนี้ยังถือเป็นเรื่องที่ยาก ทำให้ Nintendo ต้องหาพาร์ตเนอร์ที่เป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อออกแบบและผลิตชิปให้โดยเฉพาะ
ซึ่ง Nintendo โดนบริษัทผลิตชิปชั้นนำปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วน จนในที่สุดก็มาพบกับบริษัทที่ยอมร่วมงานด้วยอย่าง Ricoh
และนี่จึงทำให้ในปี 1983 Nintendo ได้เปิดตัวเกมคอนโซลเปลี่ยนตลับเกมได้ โดยใช้ชื่อว่า “Famicom” ซึ่งขายดีแบบถล่มทลายจนผลิตไม่ทัน และทำรายได้ให้ Nintendo ได้มากที่สุดตั้งแต่บริษัทเริ่มก่อตั้งมา
แต่นั่นเป็นช่วงที่ตลาดเกมในสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในวิกฤติที่คล้ายกับฟองสบู่แตก
เพราะหลังจากตลาดเกมบูมอย่างรวดเร็ว ก็มาถึงช่วงที่ไม่มีเกมที่ได้รับความฮือฮาติดต่อกัน จนยอดขายเกมทั้งอุตสาหกรรมตกฮวบลงอย่างรวดเร็ว การเปิดตัว Famicom จึงต้องรอไปก่อน
ประธาน Nintendo of America อย่างมิโนรุ ได้ใช้เวลาช่วงนั้นต่อยอดเครื่อง Famicom มาเป็น Nintendo Entertainment System หรือที่รู้จักกันว่า “NES” และเปิดตัวที่สหรัฐอเมริกาในปี 1985
แต่กระแสตอบรับกลับแย่กว่าที่คาดและดูเหมือนว่าชาวอเมริกันยังเบื่อหน่ายกับผลิตภัณฑ์เกมอยู่
จนมิโนรุถามฮิโรชิว่าควรเลิกขายเลยหรือไม่ แต่ฮิโรชิบอกว่าให้พยายามต่อไป
มิโนรุจึงทำทุกวิถีทาง อย่างเช่น ยินดีให้ร้านค้าส่งคืนเครื่องเล่นเกมที่ขายไม่ออกหรือติดต่อให้ข้อมูลกับนักวิเคราะห์ใน Wall Street เพื่อให้ศักยภาพของบริษัทถูกพูดถึงมากขึ้น อย่างการที่ Nintendo ครองส่วนแบ่งตลาดเกมในญี่ปุ่นกว่า 90% และการที่บริษัทมีสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง ไม่มีหนี้สิน
และความพยายามทั้งหมดนี้ก็ส่งผลให้ NES กลับกลายมาเป็นเครื่องเล่นเกมขายดีในสหรัฐอเมริกาได้ในที่สุด โดยขายไปได้กว่า 7 ล้านเครื่องและตลับเกมอีกกว่า 33 ล้านชิ้น
แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ Nintendo ดีใจได้ไม่นาน เพราะในปี 1988 กลับเกิดวิกฤติชิปขาดแคลนไปทั่วโลก ซึ่งกระทบการผลิตเครื่อง NES อย่างจัง
กุนเปคนเดิม ก็ยังคงเป็นผู้กอบกู้สถานการณ์ โดยเขาได้คิดค้นเครื่องเล่นเกมชนิดใหม่ ที่รวมฟังก์ชันพกพาสะดวกของ Game & Watch เข้ากับการเปลี่ยนแผ่นเกมได้หลากหลายของ NES จนเกิดเป็น “Game Boy” ที่เริ่มวางขายในปี 1989 และสินค้าก็ขายหมดเกลี้ยงภายใน 2 สัปดาห์
และภายใน 3 ปี ยอดขายของ Nintendo ก็พุ่งขึ้นกว่า 2.3 เท่า มาอยู่ที่ราว 1.7 แสนล้านบาทเมื่อคิดเป็นมูลค่าในปัจจุบัน ซึ่งมีส่วนแบ่งของกำไรมากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากแผ่นเกม
Nintendo กลายมาเป็นหนึ่งในบริษัทเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าบริษัทในปัจจุบันกว่า 2.5 ล้านล้านบาท และได้ทำให้ฮิโรชิกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยสุดในประเทศญี่ปุ่นในปี 2008 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินในขณะนั้นกว่า 2.5 แสนล้านบาท
จนกระทั่งในปัจจุบัน Nintendo ก็ยังคงสร้างความฮือฮาให้วงการเกมทั่วโลกได้ ด้วยเกมคอนโซลล่าสุดอย่าง Nintendo Switch พร้อมกับเกมที่นำมาปัดฝุ่นใหม่อย่าง Animal Crossing รวมถึงเกมอมตะที่ไม่ว่าจะนำมาทำใหม่กี่เวอร์ชันก็ฮิตแทบทุกครั้งอย่าง Mario
โดยหลังจากเปิดตัวในปี 2017 Nintendo Switch ขายไปแล้วกว่า 84 ล้านเครื่อง และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Nintendo มีกำไรเติบโตกว่า 80% ในปี 2020 ที่ผ่านมา
มาถึงตรงนี้ เราก็คงสรุปได้ว่า กว่า Nintendo จะกลายมาเป็นเจ้าแห่งเกมคอนโซลในยุคนี้ บริษัทแห่งนี้ก็ต้องผ่านวิกฤติ รวมถึงตัดสินใจเปลี่ยนธุรกิจใหม่ไปหลายครั้งก่อนที่จะมาพบกับธุรกิจเกมตลอดระยะเวลา 132 ปีที่ผ่านมา
นอกจากความน่าทึ่งของฮิโรชิ ยามาอุจิ ที่ต้องเข้ามารับบทบาทผู้นำบริษัท Nintendo ตั้งแต่มีอายุได้เพียง 21 ปีแล้ว
คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอีกส่วนสำคัญที่นำพา Nintendo มาถึงจุดนี้ได้ ก็ต้องให้เครดิตกับ ชิเงรุ มิยาโมโตะ ผู้ให้กำเนิด “Mario” ที่เป็นจุดเริ่มต้นแครักเตอร์อมตะที่เป็นตำนานไปแล้ว แม้แต่โอลิมปิก 2020 ที่จัดขึ้นประเทศญี่ปุ่นก็ได้นำ Mario มาเป็นพรีเซนเตอร์ของงานนี้ ซึ่งเชื่อได้ว่า เมื่อเรานึกถึง Nintendo ครั้งใด หน้า Mario ก็จะลอยมาคู่กันเสมอ
และคนสุดท้ายก็คือ นักศึกษาจบใหม่ที่ชื่อว่า กุนเป ที่แม้จะเริ่มต้นจากการเป็นช่างซ่อมบำรุงเครื่องจักรที่โรงงาน แต่ไอเดียของเขาก็ได้ทำให้ Nintendo วิวัฒนาการจากบริษัทขายไพ่ กลายมาเป็นบริษัทผลิตเครื่องเล่นรวมถึงก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าแห่งเกมคอนโซล จนถึงปัจจุบัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.businessinsider.com/history-of-nintendo-130-years-video-games-super-mario-zelda-2019-9
-https://www.businessinsider.com/nintendo-game-boy-super-mario-history-evolution-2019-3
-https://www.wired.com/2010/09/0923nintendo-founded/
-https://www.vice.com/en/article/pkdbx7/how-gunpei-yokoi-reinvented-nintendo
-https://www.nytimes.com/2013/09/20/business/global/hiroshi-yamauchi-who-helped-drive-nintendo-into-dominance-dies-at-85.html
-https://www.bbc.co.uk/newsround/48606526
-https://www.nintendo.co.uk/Corporate/Nintendo-History/Nintendo-History-625945.html
-https://www.companieshistory.com/nintendo/
-https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_Nintendo
-https://www.gamesindustry.biz/articles/2021-05-06-nintendo-reports-record-full-year-profits-as-switch-nears-85m-units-sold
yamauchi nintendo 在 GamingDose Facebook 的最佳貼文
รู้หรือไม่? ก่อนที่ Nintendo จะก้าวเข้าสู่ตลาดเกม พวกเขาเคยทำอุตสาหกรรมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ข้าวสำเร็จรูป รถแท็กซี่ ของเล่น และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ที่น่าสนใจที่สุด คือพวกเขาเคยเปิด Love Hotel แบบรายชั่วโมงด้วย...
.
Nintendo เป็นบริษัทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งแต่สมัยต้นปี 1900 พวกเขาทำธุรกิจมาแล้วหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่การ์ดเกม ไปจนถึงธุรกิจแปลก ๆ อย่างเช่นรถแท็กซี่ให้เช่า และที่แปลกกว่านั้นคือพวกเขาเคยเปิด 'Love Hotel'
.
เรื่องเกิดขึ้นในช่วงปี 1963 ก่อนจะนินเทนโด้รู้ตัวว่าควรเติบโตไปทางไหน Hiroshi Yamauchi ประธานในขณะนั้นได้ลองอะไรหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะ Love Hotel รายชั่วโมง ซึ่งตัวเขาเองนั้นแวะไปประจำ แม้ว่าจะแต่งงานแล้ว แถมภรรยายังรู้พฤติกรรมอยู่ตลอดก็ตาม
.
แต่หลังจากนั้น เขาก็เพิ่งมาเข้าใจว่า ธุรกิจเหล่านี้อาจทำให้บริษัทเติบโตไปไม่ถึงฝั่งฝัน เลยคิดจะไปเอาดีในด้านของเล่น สุดท้ายจึงมาจบที่ธุรกิจวิดีโอเกม อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
Do you know? Before Nintendo stepped into the game market, they used to do many industries, rice, taxi, toys, and more. But the most interesting thing is they used to open an hourly Love Hotel...
.
Nintendo is a company that has a long history since early 1900's. They have been doing many businesses, starting from card games to strange businesses, such as taxi rental, and the weirder thing is they used to open ' Love Hotel '.
.
What happened in 1963 before Nintendo knew where to grow. Hiroshi Yamauchi, the president at that time tried many things, especially the hourly Love Hotel himself, stopped by regularly, even married, plus. Wife always knows the behavior
.
But after that, he just realized that these businesses couldn't grow the company to the dream side. So he thought about getting better in the toy side. Finally, ended up in the video game business as he sees now.Translated
yamauchi nintendo 在 translation Youtube 的精選貼文
#'87年にトーセが開発・任天堂が発売した、FDS用コマンド選択式アドベンチャー作であり、ファミコン探偵倶楽部シリーズの第2作目。
前作から3年前にあたり、空木探偵の助手である主人公が、丑美津高校で起きた殺人事件と、学校に伝わる怪談「後ろの少女」の背後に隠された謎を解き明かすために奔走する。
最終局面などはドット絵で描かれるグラフィックの怖さと相成って当時の子供にトラウマを与えた。
BGMはファミコンウォーズ(FC/'88年)や、スーパーメトロイド(SFC/'94年)などの山本氏が作曲、高校が舞台といった身近な設定ゆえに全体的にポップス的なエッセンスが加わっており、シリアスからコミカル、ホラーまで曲調の幅が広がった。
作曲:山本健誌氏
Manufacturer: 1989.05.23(Part 1),1989.06.30(Part 2) nintendo / tose
Computer : Family computer + disk system
Hardware: RP2A03 / RP2C33
Composer: Kenji Yamamoto
------------------------------------------------------------------------------------
00:00 01.bgm
01:35 02.bgm
02:44 03.bgm
04:19 04.bgm
05:49 05.bgm
07:24 06.bgm
08:33 07.bgm
09:48 08.bgm
11:03 09.bgm
11:52 10.bgm
12:35 11.bgm
14:10 12.bgm
14:24 13.bgm
14:28 14.bgm
14:32 15.bgm
15:51 16.bgm
17:58 17.bgm
19:43 18.bgm
21:12 19.bgm
22:07 20.bgm
22:38 21.bgm
------------------------------------------------------------------------------------
yamauchi nintendo 在 translation Youtube 的精選貼文
#'87年にトーセが開発、任天堂が発売した、FDS用コマンド選択式アドベンチャー作であり、ファミコン探偵倶楽部シリーズの第1作目。
プレイヤー自身が推理して謎を解く事よりも、物語を味わうことに重点を置いており、この形式を持つADVの雛形とも言える。
プレイヤーは事故で記憶喪失となった17歳の少年探偵となり、地方の旧家・綾城家で起こった殺人事件の真相を追う。
だが遺産相続も絡んでおり、それは村に伝わる怨念の言い伝えを背景にした連続殺人に発展していく。
BGMは外注で制作され、ひろみ氏と表記されている。
サスペンス調のゲーム内容にふさわしい渋い曲調のものや、緊迫感や恐怖感を煽る淡々とした曲調のものが多い。
音楽監督:山本健誌氏、田中宏和氏
作曲:ひろみ氏
Manufacturer: 1988.04.27(Part 1),1988.06.14(Part 2) nintendo / tose
Computer : Family computer + disk system
Hardware: RP2A03 / RP2C33
Sound Director : Kenji Yamamoto,Hirokazu Tanaka
Composer: Hiromi
------------------------------------------------------------------------------------
00:00 01.bgm
00:53 02.bgm
03:26 03.bgm
07:16 04.bgm
09:07 05.bgm
10:16 06.bgm
11:17 07.bgm
13:08 08.bgm
14:35 09.bgm
16:10 10.bgm
16:50 11.bgm
17:33 12.bgm
19:03 13.bgm
21:38 14.bgm
22:21 15.bgm
24:07 16.bgm
25:11 17.bgm
27:14 18.bgm
28:00 19.bgm
28:04 20.bgm
28:08 21.bgm
28:12 22.bgm
28:15 23.bgm
28:18 24.bgm
28:20 25.bgm
28:30 26.bgm
28:38 27.bgm
28:41 28.bgm
28:45 29.bgm
------------------------------------------------------------------------------------
yamauchi nintendo 在 七王 Youtube 的最佳貼文
Donkey Kong is an arcade game released by Nintendo in 1981. An early example of the platform game genre, the gameplay focuses on maneuvering the main character across a series of platforms while dodging and jumping over obstacles. In the game, Mario (originally named Mr. Video and then Jumpman) must rescue a damsel in distress named Pauline (originally named Lady), from a giant ape named Donkey Kong. The hero and ape later became two of Nintendo's most popular and recognizable characters. Donkey Kong is one of the most important games from the golden age of arcade video games as well as one of the most popular arcade games of all time.
The game was the latest in a series of efforts by Nintendo to break into the North American market. Hiroshi Yamauchi, Nintendo's president at the time, assigned the project to a first-time video game designer named Shigeru Miyamoto. Drawing from a wide range of inspirations, including Popeye, Beauty and the Beast, and King Kong, Miyamoto developed the scenario and designed the game alongside Nintendo's chief engineer, Gunpei Yokoi. The two men broke new ground by using graphics as a means of characterization, including cutscenes to advance the game's plot, and integrating multiple stages into the gameplay.
Although Nintendo's American staff was initially apprehensive, Donkey Kong succeeded commercially and critically in North America and Japan. Nintendo licensed the game to Coleco, who developed home console versions for numerous platforms. Other companies cloned Nintendo's hit and avoided royalties altogether. Miyamoto's characters appeared on cereal boxes, television cartoons, and dozens of other places. A lawsuit brought on by Universal City Studios (later Universal Studios), alleging Donkey Kong violated its trademark of King Kong, ultimately failed. The success of Donkey Kong and Nintendo's victory in the courtroom helped to position the company for video game market dominance from its release in 1981 until the late 1990s.
(個人通關336)