อินเตอร์ฟาร์มา X ลงทุนแมน
สัมภาษณ์พิเศษ อินเตอร์ ฟาร์มา บริษัทที่เกิดจาก Passion ของผู้บริหารมืออาชีพ
“ผมมีไอเดียอยู่ในหัวมากมาย แต่พอเสนอไปแล้วบริษัทแม่ ปฏิเสธที่จะทำ”
ถ้าเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นกับตัวเราเองที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ลูกจ้างมืออาชีพ จะทำยังไง?
คำตอบที่ได้ของแต่ละคนคงแตกต่างกันออกไป
แต่สำหรับ ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ หรือ ดร. ยู ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) เลือกที่จะลาออก
แล้วนำไอเดียที่อยู่ในสมองมาสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง
เวลาเพียงไม่กี่ปี เขาสามารถทำความฝันของตัวเองได้สำเร็จตามเป้าและเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ได้ ภายใน 6 ปี หลังจาก ที่ลาออกจากการเป็นผู้บริหารมืออาชีพ
พร้อมกับมีผลประกอบการที่เติบโตขึ้นในทุกๆ ปี
ด้วยธุรกิจของบริษัทที่หลายคนมองว่าเป็น อาหารเสริม (Food Supplement)
แต่เขากลับบอกว่า ไม่ใช่ แต่สิ่งที่เขานำเสนอ คือ “โภชนบำบัด” (Nutraceuticals)
พอได้ยินแบบนี้ ก็มี 2 เรื่องที่น่าสนใจ
1. โภชนบำบัด คืออะไร
2. แล้วบริษัทแห่งนี้มีวิธีทำธุรกิจอย่างไร ถึงประสบความสำเร็จ
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ดร.ตฤณวรรธน์ เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะออกมาก่อตั้งบริษัท เขาคือ ผู้บริหารมืออาชีพ ในอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ โดยเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยาชั้นนำระดับโลกมากมาย
อาทิเช่น AstraZeneca, Bristol Myer Squibb , Abbott รวมถึง Pfizer บริษัทสุดท้ายก่อนออกมาก่อตั้งบริษัทอินเตอร์ ฟาร์มา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแม้ตำแหน่ง และเงินเดือนของ ดร.ตฤณวรรธน์ จะสูงขึ้นเรื่อยๆ
แต่กลับไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด เมื่อในสมองเขามีไอเดียมากมายที่อยากทำ แต่เมื่อนำไปเสนอหลายต่อหลายครั้งกลับถูกปัดตกไป
เลยตัดสินใจออกมาตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง
ด้วยแนวคิดที่ว่า จะนำเสนอสุขภาพที่ดี เพราะฉะนั้น ผลิตภัณฑ์สุขภาพ อะไรที่ทำให้ผู้คน รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้อง เช่น สัตว์ที่เลี้ยงเป็นเพื่อน เช่น น้องหมา น้องแมว และ สัตว์ที่ใช้เป็นอาหาร เช่น หมู ไก่วัว มี สุขภาพที่ดีขึ้น บริษัทก็จะทำ
โดยผลิตภัณฑ์สุขภาพดังกล่าวจะเน้นการป้องกันโรค และการรักษาโรคที่ต้นเหตุ และ ช่วยชะลอวัย โดยมักจะเป็น ตัวที่ทาง ดร.ยู อยากจะทาน แต่ไม่มีในท้องตลาดแม้กระทั่งในต่างประเทศ
เมื่อพัฒนาแล้ว นอกจากตนเองจะทานได้ ก็ต้องสามารถให้คนในครอบครัวและคนที่เรารักทานได้ โดยบริษัทเลือกที่จะเริ่มต้น จากผลิตภัณฑ์สุขภาพในกลุ่มที่เรียกว่า “โภชนบำบัด หรือ Nutraceuticals”
อธิบายง่ายๆ คือ โภชนบำบัด เป็น hybrid ระหว่าง สารอาหาร (Nutrition) กับ เวชภัณฑ์ (Pharmaceuticals) จึงเรียกว่า Nutraceuticals ซึ่งเป็น การเอาข้อดี ใน เรื่อง ความมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคของเวชภัณฑ์ และความปลอดภัยของสารอาหาร มารวมกัน
ซึ่งสารอาหารที่จัดเป็น Nutraceuticals หรือ โภชนบำบัด จะเป็น สารอาหาร ที่มีหลักฐาน งานวิจัยรองรับว่าสามารถป้องกันและรักษาโรคต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย และสุขภาพของเรา
ซึ่งแตกต่างจาก อาหารเสริม ที่เป็นสินค้าที่ทานแล้ว หวังผล แค่ เสริมอาหาร
โดยเขาและทีมงานที่ปรึกษารวมทั้งพันธมิตร ในต่างประเทศ กว่า 10 ประเทศ ทั่วโลก
จะเป็นผู้คิดค้นวิจัยสูตรผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยฐานการผลิตของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ โดยขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญ ของ ประเทศนั้น ๆ
เรื่องนี้มันน่าสนใจตรงที่ว่า แทนที่เริ่มต้นจะขายสินค้าในร้านขายยาและร้าน Modern Trade
กลับกลายเป็นว่าเขาเลือกจะเริ่มต้นขายในโรงพยาบาลและคลินิก
โดยเริ่มต้นที่ โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ โรงพยาบาลกรุงเทพ สมิติเวช ธนบุรี พญาไท รามคำแหง จากนั้นก็ขยายไปโรงพยาบาลอื่นๆ และศูนย์สุขภาพชะลอวัย ทุกแห่ง
เรื่องนี้หลายคนอาจไม่รู้ว่าการนำสินค้าอย่าง ยาหรือโภชนเภสัช ขายในโรงพยาบาลต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากแพทย์หลายขั้นตอน
โดยเฉพาะ ขั้นตอนทดลองใช้จริง ถ้าแพทย์ทดลองแล้ว 15 - 30 ราย คนไข้ ไม่ดี ขึ้น ก็จะไม่ผ่าน ตั้งแต่ จุดนั้น เพราะฉะนั้น การเริ่มต้น ที่ โรงพยาบาล เป็น การพิสูจน์ตนเอง ว่า ผลิตภัณฑ์ดีจริง
แม้จะใช้เวลานาน แต่ ดร.ยู เชื่อว่าสิ่งที่ได้มาก็คุ้มค่า และรู้สึกสบายใจ เพราะเป็น การพิสูจน์ ว่า ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพ และ ความปลอดภัย และ ผู้ป่วยหรือ ผู้บริโภคได้ อะไร กลับไป จาก เงินที่จ่ายออกไป
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ ดูน่าเชื่อถือ
เพราะ เป็น สิ่งสำคัญมาก สำหรับ ธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพ
หลังจากได้รับการยอมรับจนเป็นผู้นำในตลาดโรงพยาบาลและคลินิก
จึงเริ่มที่จะขายสินค้าผ่านร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ และช่องทางออนไลน์
และ ส่งออกต่างประเทศ พร้อมกับขยายธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์เวชสำอางเพื่อความงาม จนถึงสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพสัตว์
จากในปีแรกมีรายได้ 50 ล้านบาท แต่เมื่อช่องทางการขายและจำนวนสินค้าเพิ่มมากขึ้น
สัดส่วนรายได้บริษัทก็เปลี่ยนไปจากเดิมช่องทางโรงพยาบาลเกือบ 100%
แต่ ณ ปัจจุบันคือโรงพยาบาล 60% ช่องทางค้าปลีกและออนไลน์ 40%
ซึ่งก็ทำให้รายได้บริษัทเติบโตก้าวกระโดด
บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน)
ปี 2560 รายได้ 247.95 ล้านบาท กำไร 18.91 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 317.58 ล้านบาท กำไร 29.06 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 371.33 ล้านบาท กำไร 47.13 ล้านบาท
ปี 2563 สำหรับงวด 9 เดือนแรก รายได้ 310.78 ล้านบาท กำไร 53.75 ล้านบาท
โดยสินค้าที่ขายดีและได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างมากก็คือ
Probac ที่เป็นโภชนบำบัด อันดับหนึ่ง ที่ช่วยในการชะลอวัย สร้างสมดุลลำไส้ และ ระบบทางเดินอาหาร ลดอาการภูมิแพ้ ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง หรือ แม้กระทั่ง ลดสิวเรื้อรัง
PreBO โปรตีนเปปไทด์เข้มข้น ที่ร่วมกันพัฒนากับผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่น
ที่ช่วยให้กระตุ้น growth hormone ช่วยเพิ่มมวลกระดูก ช่วยเพิ่มส่วนสูง และ ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันกระดูกพรุน กระดูกเสื่อม และ จากการวิจัย ล่าสุด พบว่า ช่วย กระตุ้น เซลล์ผิวหนัง ให้ สร้าง คอลลาเจน มากขึ้น และ ช่วย บรรเทา อาการข้ออักเสบ
โดยสิ่งที่เราได้เห็นแฝงมากับรายได้ที่เติบโตของบริษัทแห่งนี้
ก็คือพฤติกรรมคนไทยที่หันมาลงทุนกับสุขภาพมากขึ้น
“เรามองว่าคนไทยเรียนรู้ว่าการป้องกันดีกว่าป่วยเป็นโรคแล้วค่อยมารักษา
เพราะนอกจากร่างกายจะทรมาน ยังต้องเสียค่ารักษาพยาบาลที่แพงขึ้นทุกปี
สุดท้ายบางคนหาเงินมาตลอดชีวิตกลับไม่พอจ่ายเมื่อป่วยเป็นโรคร้าย”
เมื่อ Mindset คนไทยรู้สึกเช่นนี้ ก็เลยทำให้ ดร.ตฤณวรรธน์ มั่นใจว่า ในอนาคต บริษัทแห่งนี้จะมีรายได้เติบโตมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
โดยเขามองว่าการจะไปให้ถึงจุดนั้นบริษัทก็ต้องมีผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น
จนถึงการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
เพียงแต่การจะไปให้ถึงเป้าหมาย เขาก็ยอมรับว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน
เพราะด้วยการที่สินค้าหลายๆ อย่างของบริษัท เพิ่งจะวางขายในเชิง Mass
แล้วที่ผ่านมาบริษัทก็ไม่ได้ใช้งบโฆษณา เราอาศัยการบอกปากต่อปาก
ทำให้การรับรู้สินค้าของผู้บริโภคก็ยังอาจยังน้อยอยู่มาก
มาถึงตรงนี้ เราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องราวของ ดร.ตฤณวรรธน์
หลายคนอาจพอใจกับการอยู่ใน Comfort Zone มีเงินเดือนสูงๆ มีเงินเก็บเยอะแยะ
ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ในมุมกลับกันหากเรากล้าที่จะลงมือทำในสิ่งที่ฝัน
ใครจะไปรู้ วันหนึ่งเราอาจมีธุรกิจที่สร้างมากับมือโลดแล่นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
เหมือนอย่าง ดร.ตฤณวรรธน์ ที่ทำสำเร็จมาแล้ว..
สนใจผลิตภัณฑ์ PreBO จาก อินเตอร์ ฟาร์มา
สามารถสอบถามได้ที่ร้านขายยา LAB Pharmacy ทุกสาขา, Villa Market และ Matsumoto Kiyoshi
หรือโทรสอบถามเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ 094-9569536
หรือ เว็บไซต์: https://interpharmaofficial.com/32FuG0G
Shopee: https://interpharmaofficial.com/3ly4gFo
Line: https://interpharmaofficial.com/2JWUxus หรือ @Interpharma
Facebook: Interpharma Thailand
Inbox: https://m.me/interpharma.th
IG: interpharmaofficial
#อยากสูงต้องPrebo #พรีโบ #Preboผลิตภัณฑ์เพิ่มความสูง #กระดูกพรุน #วิจัยประเทศญี่ปุ่น #PreboInterpharma #Interpharma
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過36萬的網紅Club gig,也在其Youtube影片中提到,ปรึกษาปัญหาความรักฟรี หรือพูดคุยกับผม เชิญที่ไลน์ https://line.me/R/ti/p/%40clubgig จาก #adminวิทย์ นะครับ รอบนี้อาจารย์จัดรายการเพียงท่านเดียว และ...
mindset ไม่ดี 在 Drama-addict Facebook 的最佳解答
ความเห็นน่าสนใจจาก จขพ ท่านเป็นพระที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาพุทธศาสนาโดยตรง อ่านแล้วน่าสนใจดี คือจริงๆ ถ้าเป็นรูปแบบการศึกษาแบบหลักสูตรที่จ่าเคยเรียนสมัยเด็กๆ มันน่าเบื่อจริงนะ ให้ท่องจำว่า วันนั้นวันนี้คือวันอะไร หลักธรรมนี้มีกี่ข้อ แต่ละข้อหมายถึงอะไร บลาๆ เพ่ือเอาไปสอบ แค่นั้น แต่ในแง่การเอาไปใช้ หรือประยุกต์ใช้กับชีวิตยังไง เราเรียนกันน้อยมาก ส่วนมากเน้นท่องจำมากกว่า เข้าใจไม่เข้าใจก็อีกเรื่อง ซึ่งก็ไม่แปลกถ้าเด็กรุ่นใหม่จะมองว่า ที่ๆเราเรียนกันมา มันไม่เวิรค ถ้าคนที่ทำงานในด้านการศึกษาศาสนามีไอเดียแบบหลวงพี่ท่านนี้ก็คงดี
#ฟังเสียงหัวใจของเขาอย่างลึกซึ้ง
.
เหตุการณ์เร็วไวจริงครับ สองอาทิตย์ที่แล้วผมได้พูดเรื่องนี้กับลูกศิษย์ที่เป็นพระสอนศีลธรรมแกนนำอีสานรูปหนึ่ง ขณะนั่งรถไปเป็นวิทยากรพัฒนาครูที่เป็นกลุ่มตัวอย่างให้กับงานวิจัย ป.เอก นักศึกษาท่านหนึ่งที่ต่างจังหวัด ผมบอกว่า..
.
“..ท่านคอยดูนะ เดี๋ยวเด็กเยาวชนจะออกมาประท้วงวิชาพระพุทธศาสนาแน่นอน ยก 3 นิ้ว ท่านคอยดู”
“..ต่อไปพวกท่านจะเข้าไปสอนศีลธรรมในโรงเรียนยากขึ้น หรืออาจจะไม่ได้เข้าไปสอนที่โรงเรียนอีกเลย”
“.. พระจะพากันออกมาบ่นหรือประท้วงว่า ทำไมไม่ให้พระเข้าไปสอนศีลธรรมในโรงเรียน”
“..ท่านรู้ไหมตอนที่พระเรามีโอกาสเข้าไปสอน ไปทำหน้าที่ พระเราหลายรูป (เยอะมาก) ไม่สนใจ ไม่ใยดี ไม่รักการสอน ไม่ไปสอน ไม่ห่วงเด็ก จะเอาแต่เงินแต่ไม่สอน ไม่ทำใบรายงานส่ง หน้าที่บกพร่อง การสอนก็มีปัญหา”
“..ท่านรู้หรือยัง หลักสูตรฐานสมรรถนะตัวใหม่ที่ สพฐ. จะประกาศใช้ปี 65 ทั้งประเทศไม่มีวิชาพระพุทธศาสนา สัญญาณเตือนมาแล้วนะท่าน”
“..ปี 61 ผมพูดเตือนสติ บนเวทีปฏิรูปการสอนพระพุทธศาสนาให้คนร่วมงานเกือบ 500 คนจากทั่วประเทศที่โรงแรมปรินซ์ พาเลซฟังว่า “ไม่มีพระเข้าไปสอนศีลธรรมในโรงเรียน ไม่น่ากลัวและเลวร้าย เท่ากับมีพระเข้าไปสอนในโรงเรียนแล้วสอนแบบผิดๆ จนเด็กเบื่อ ไม่มีความสุข เครียด เบื่อพระ เบื่อธรรมะ หนีห่างพระพุทธศาสนา และเอาไปแก้ปัญหาชีวิตก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้ฝึกสอนแก้ แต่เน้นสอนจำตัวหนังสือ”
“...ไม่มีใครทำร้ายโครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนได้ดี เท่ากับพวกท่านเอง (พระสอนศีลธรรม)”
“..เด็กถูกวางยาพิษสอนแบบผิดๆ มาเนินนานหลายปีแล้ว ด้วยการสอนแบบผิดๆ พากันไปสอนแต่ให้เด็กท่องจำตัวหนังสือไปสอบ เหมือนนกแก้วนกขุนทอง ไม่ได้สอนแก่นธรรม สอนคุณค่า ไม่สอนเครื่องมือปัญญาการใช้ชีวิตให้เขา ผ่านการสัมผัสสัมพันธ์จริง..”
“.. แต่ปัญหาการนำธรรมสู่ใจเด็กเยาวชนด้วยการสอนไม่สมสมัยนี้ของพระ/ครูเอง ไม่ได้พึ่งเกิดท่าน เกิดขึ้นหลายทศวรรษ”
“...แต่ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรให้ถูกต้องบ้างเลย
ปัญหานี้ยิ่งจะซ้ำเติมทำร้ายเด็กเยาวชน ส่งผลด้านลบกลับมาที่พระพุทธศาสนา และสถาบันพระพุทธศาสนา”
.
ดังเช่น เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้
.
นี่คือเรื่องราวที่บอกกล่าวลูกศิษย์วันนั้น
เพราะผมรู้เห็นปัญหามานานโข
เราจึงพาท่านและเครือข่ายแกนนำมาร่วม
สร้างชุมชนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาขับเคลื่อน
ช่วยเหลือท่านอื่นไปด้วยกัน
.
อะไรทำให้เด็กเขาเรียกร้องอย่างนั้น
เหตุและปัจจัยที่แท้จริง ที่เกี่ยวข้องคืออะไรบ้าง
ความรู้สึกของเยาวชนที่เรียกร้องเป็นอย่างไร
ทำไมเขาจึงรู้สึกอย่างนั้น
ผู้ใหญ่ คณะสงฆ์ ครู พระสอน จะเข้าใจความรู้สึก
ของเด็กๆ เยาวชนเหล่านั้น ได้อย่างไร
.
การตั้งคำถามเช่นนี้ทำให้เราไม่ด่วนสรุปตัดสิน
ว่าเด็กเยาวชนเหล่านั้นเป็นคนไม่ดี หัวรุนแรง
แต่การถามทำให้เรามีสติ ใคร่ครวญ
ทบทวน ไตร่ตรอง (reflect) ความจริงที่เกิดขึ้น
.
พระพุทธศาสนา เป้าหมายสอนเด็กให้เกิดอะไร
.
สอนชีวิตตามความจริงที่เป็นอยู่
สอนให้มีความเห็นถูกต้อง (สัมมาทิฐิ)
หรือปรับชุดทิฏฐิ (Mindset) ร่องความคิด
ความเชื่อแบบผิดๆ ให้มีความถูกต้อง
สอนให้คิดเป็น รู้จักคิด แก้ปัญหาเป็น คิดแยกแยะ
วิเคราะห์ให้เห็นความจริงตามสภาวะของสิ่งนั้น
สืบสาวหาเหตุและผล ...เป็นต้น..
บ่มเพาะคุณธรรม ความดี ความงาม ความจริง
และความสุขในการเรียนรู้ (ฉันทะ) ใฝ่รู้ ใฝ่ดี
อยากแสวงหา ลงมือทำความดี
เป็นต้น...
.
หากเป้าหมายการสอนพระพุทธศาสนา ดังกล่าว
ครู พระสอนศีลธรรม สอนผ่านกระบวนการเรียนรู้
แบบใฝ่รู้ (active learning) ที่มีความหลากหลาย
และเหมาะสมกับความสนใจผู้เรียน เช่น PBL,MBL,PjBL,CBL,RBL,Contemplative Education, Transformative learning,.ABL(Ariyasacca,อริยสัจ) Wise reflections (โยนิโสมนสิการ)
Design Thinking, G-A-M-M (เกม,ศิลปะ,เพลง,
สื่อหนัง คลิปสั้น) เป็นต้น..
ผู้สอนปรับเปลี่ยนบทบาทจากนักพูด นักบรรยาย
นักป้อนหลัก/ข้อธรรม เนื้อหาให้เด็กเสพจำเท่านั้น
ไปสู่การเป็นนักออกแบบกระบวนการเรียนรู้
เป็นผู้อำนวยการเรียนรู้(fa) ให้เด็กได้เรียนรู้
ผ่านการลงมือทำ มากกว่าเรียนท่องจำตัวหนังสือ
ผู้สอนเป็นนักตั้งคำถาม (ปุจฉา) อย่างมีพลัง (PQ)
เป็นโค้ชคอยกระตุ้นให้เด็กคิดเป็น
ให้เด็กอยากตอบ (วิสัชนา) สู่นักสร้างสรรค์ธรรม
ค้นหา ค้นพบความจริงของชีวิต (ธรรมมะ/แก่นธรรม)
ด้วยตนเองผ่านกลุ่ม/เดี่ยว เป็นต้น
มีการไตร่ตรองสะท้อนการเรียนรู้ (Reflection)
หลังการจัดกิจกรรม (aar) เพื่อให้เข้าใจตน
เข้าใจคน เข้าใจโลก ชีวิตมากขึ้น
.
การสอนพระพุทธศาสนาด้วยวิธีดังกล่าว
หากผู้เรียนเป็นเจ้าของการเรียนรู้เช่นนี้
เขาจะมีความสุขในการเรียนรู้พระพุทธศาสนาไหม
คำตอบชัดอยู่แล้วจากการทดลองวิจัยว่า
ผู้เรียนมีความสุขในการเรียนรู้
คิดเป็น ใฝ่รู้ ใฝ่ดี ใฝ่สร้างสรรค์
และสามารถตอบเป้าหมายการสอนพุทธศาสนา
สำหรับเด็กและเยาวชนได้ทุกข้อเช่นเดียวกัน
.
คงไม่มีเด็กเยาวชนคนไหนออกมาเรียกร้อง
เพื่อให้สังคมมาทำร้ายความสุขของตนเองหรอก
คงไม่มีใครอยากทำร้ายความสุขตนเอง
เพราะเขามีความทุกข์ (น่าเบื่อ เซ็ง เครียด ฯลฯ)
จากการเรียนพระพุทธศาสนา ใช่ไหม
เขาเรียนแล้วไม่เกิดประโยชน์ ใช่ไหม
เขาเรียนแล้วไม่มีความหมาย
และคุณค่ากับตัวเขาเอง ใช่ไหม
.
ตั้งสติ ทบทวนไตร่ตรอง ย้อนถามตนเอง
ในบทบาทพระสอน ครูผู้สอนเสียก่อน
1) เราชัดใน “แก่นธรรม” ของเรื่องนั้นๆ ไหม
(ถ้าไม่รู้จักแก่น วิเคราะห์แก่นธรรมไม่เป็น
ท่านก็จะพาเด็กท่องจำเนื้อหาคืออะไร
เรื่องเป็นยังไง มีเท่าไร อะไรบ้าง วนเวียนแบบนี้)
2) ทำไมต้องสอนเรื่องนั้น เขาจะได้ประโยชน์อะไร
คุณค่า/แก่นธรรมที่เขาควรได้ คืออะไร
(ถ้าเขาได้แก่นธรรม ได้คุณค่า ที่เหลือ
เขาจะไปศึกษาค้นหาแสวงหาด้วยตนเอง
เรียนแล้วได้ passion คนเราไปต่อเอง ถ้าไม่คือจบ)
3) ใช้กระบวนการอะไรที่จะพาเด็กเข้าถึงแก่นธรรม
(ต้องไม่ใช้บรรยาย เทศน์ บอกท่องให้จำ)
4) จะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กเข้าถึงแก่นธรรมหรือคุณค่า
จากเรื่องที่เรียนนั้นๆ
(ประเมินผลที่สมรรถนะ เขาสามารถทำอะไรได้ จากสิ่งที่เขารู้ เขาทำ และคุณค่า รวมถึงการได้สะท้อนความรู้สึกนึกคิดออกมา จากพฤติกรรมเชิงบวกที่แสดงออกมา เป็นความรู้ขาออก ซึ่งเครื่องมือการสอนที่หลากหลายได้กล่าวไว้ข้างต้น จะประเมินผลชัดเช่นเจน)
.
หากการสอนหลักธรรม พระพุทธศาสนา
เด็กไม่เกิดสมรรถนะทางการเรียนรู้พระพุทธศาสนา
ขาดความสามารถในการ “นำธรรมไปทำ”
นั่นคือ ความล้มเหลวอย่างใหญ่หลวง
.
ผลเสียหายใหญ่หลวงที่ตามมา คือ
เด็กเขาจะเบื่อ วิชานี้ เบื่อพระ เบื่อพระพุทธศาสนา
แค่เห็นหน้าพระ ผู้สอน วิชานี้ (ส่วนใหญ่เป็น)
เขาตั้งชุดความคิด (mindset) อกุศล ลบๆ รอแล้ว
นั่นคืออะไรรู้ไหมครับ “การสอนผิดวิธี”
และไม่เหมาะสมกับเด็ก และความสนใจใฝ่รู้ (ฉันทะ)
คือบ่อนทำลายศรัทธาของเด็กเยาวชนที่มีต่อ
พระพุทธศาสนา เลยทีเดียว.. จบเลย !
.
นี่คือการทำร้ายความรู้สึกของเด็กเยาวชน
ไม่ให้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา
โดยไม่มีเจตนา (อวิชชา) แบบเนียนที่สุด
และน่ากลัวที่สุด
เพราะเด็กยาวชนเข้าไม่ถึงพระรัตนตรัย
จบเลย !! ลงท้ายก็กล่าวโทษเด็ก
.
ปัจจุบรนเยาวชนส่วนใหญ่ไม่อยากเข้าวัดอยู่แล้วครับ
การสอนแบบผิดวิธี ยิ่งไปกดทับความรู้สึกเด็กเพิ่มเติม
แทนที่การศึกษาพระพุทธศาสนา
จะต้องจัดกระบวนการทำลายอวิชชา-ตัณหา
เพื่อเสริมสร้าง ปัญญา-กรุณา
กลับไปตอกหมุดเสริมอวิชชา-ตัณหา ให้หนักไปอีก
.
วิชาพระพุทธศาสนาไม่ใช่วิชาที่จะจับเด็กมานั่งฟัง
“เน้นท่องจำๆ ตัวหนังสือเพียงอย่างเดียว”
(ส่วนใหญ่เป็นเช่นนี้ โดยเฉพาะพระสอน)
“การจำหลักธรรม” เป็นขั้นต้นของปัญญาขั่นต่ำสุด
การเรียนรู้เด็กต้องจำอยู่แล้ว
การสอนให้จำ มีหลายวิธี เช่น
ให้เด็กท่องจำเลย ให้เรียนรู้ด้วยการลงมือทำ
และอีกหลายวิธีการ
แต่ความรู้สึกในวิธีการจำนั่นต่างหาก สำคัญ
.
ปัจจุบันปัญหาคือ การสอน “หยุดแค่จำ” ครับ
การคิดขั้นสูง (โยนิโสมนสิการ) ให้เด็กคิดเป็น
ไม่ได้ฝึกคิดค้นหาความความจริง สืบสาวเหตุ
แยกแยะ สร้างสรรค์ความดี (ลงมือทำ)
ซึ่งขัดแย้งกับการสอนพระพุทธศาสนา
ที่มีเป้าหมายสอนให้คนเกิดปัญญา
คิดให้ถูกวิธี (อุปายมนสิการ)
คิดให้เป็นระบบ (ปถมนสิการ)
คิดให้มีเหตุผล (การณมนสิการ)
คิดดีให้เป็นกุศล (อุปปาทกมนสิการ)
โดยใช้โยนิโสมนสิการ คือเครื่องมือ
ในการพัฒนาการคิดที่หลากหลาย หรือ
เครื่องมือที่หลากหลายเหมาะสมกับเด็ก เป็นต้น
.
พระพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์เหมือนกัน
ตรงที่ ต้องทดลอง ต้องปฏิบัติ เรียนฟิสิกส์
เคมี ชีววิทยา แล้วครูไม่พาเด็กทำ Lab
ก็ไม่แตกต่างจากอ่านตำราทฤษฎีปั่นจักรยาน 3 ปี
แต่ไม่เคยปั่นจักรยานเลย เด็กก็ไม่รู้จริง
ทำไม่ได้ ทำไม่เป็น เอาไปใช้ต่อไม่ได้
เพราะขาดประสบการณ์การทดลอง (Lab)
พระพุทธศาสนาก็เช่นกัน ต้องทำ ต้องสัมผัส
จึงจะเห็นความจริง เข้าใจความจริง เห็นคุณค่า
ถ้าเขาไม่เห็นคุณค่า จะนำไปใช้จริงกับตนเอง
และใช้กับผู้อื่นได้อย่างไร
.
หากเด็กเรียนแล้วไม่ได้เกิดประโยชน์
เรียนแล้วไม่มีความหมาย หรือคุณค่าต่อชีวิตเขา
เด็กเยาวชนมีสิทธิที่จะไม่อยากเรียนก็ได้
เพราะเรียนไปแล้ว มีแต่ “ความทุกข์”
เกิดความเครียด เซ็ง รู้สึกน่าเบื่อหน่าย..ฯลฯ
และเมื่อเด็กเยาวชนปฏิเสธพระพุทธศาสนา
.
อนาคตวันข้างหน้าเด็กเยาวชนเหล่านี้
เขาจะมาทำนุ บำรุง ดูแล รักษา และปกป้อง
พระพุทธศาสนาต่อไปไว้ได้อย่างไร
เพราะตัวเขาเข้าไม่ถึง “แก่นธรรมคุณค่า”
ของพระพุทธศาสนาแต่อย่างใด
.
คำถามบอกทิศ คำตอบบอกทาง
.
ใครละทำให้เด็กเยาวชนเข้าไม่ถึงคุณค่า
ของแก่นธรรมสาระเรื่องนั้นๆ
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้สอน พระสอนศีลธรรม
(ยังไม่รวมถึงรากแก้วต้นแบบ คือ ผู้ปกครอง)
เป็นตัวแปรหลักสำคัญในเรื่องนี้
เพราะเป็นผู้จัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน
แต่การจัดการศึกษาพัฒนาผู้เรียนคงไม่ใช่กล่าวถึง
อยู่แค่ตัวผู้สอนเพีงประการเดียว
และมีเหตุผล ปัจจัยอะไรบ้างเกี่ยวข้อง
กับสิ่งที่เยาวชนเขาเรียกร้องคือ ผู้รับผลกระทบ
.
...ตัวหลักสูตรสาระ เนื้อหาเรียนเยอะ
เน้นความรู้ อันนี้ก็น่าเห็นใจครูครับ
ตัวชี้วัดเยอะ บีบรัดครู ครูเครียด เด็กก็เครียด
...แต่ที่หนักกว่าหลักสูตรแกนกลาง ก็คือ
“หลักสูตรธรรมศึกษา” ของแม่กองธรรม (คณะสงฆ์)
หนักว่าหลักสูตรแกนกลางอีก ก็บังคับให้สอบอีก
หนักกว่าอีก ก็พาเด็กทุจริตสอบเสียเอง
..วิธีการสอน ..ตัวผู้สอนเอง และ
..การวัดประเมินผล เน้นจำสอบ ฯลฯ คือเหตุปัจจัย
ถ้าเหตุปัจจัยดี จะต่อว่ากล่าวโทษเด็กไปใย
.
ด้วยเหตุการณ์เช่นนี้ ทำให้นึกถึงประโยคที่ Dr. Heidi Hayes Jacobs (2010) ได้เคยเสนอคำถามไว้ ในการพัฒนาหลักสูตรและการสอน สู่ศตวรรษที่ 21 ไว้ 3 ข้อว่า
✅ What do we cut? เราควรตัดสิ่งใดออกไปบ้าง?
✅ What do we keep? เราควรเก็บรักษาสิ่งใดไว้บ้าง?
✅ What do we create? เราควรสร้างสรรค์สิ่งใดบ้าง?
.
สรุปคือ วิชาพระพุทธศาสนา
ควรจะต้อง ตัด-เก็บ-สร้างสรรค์สิ่งใดบ้าง?
ที่สอดคล้องและเหมาะสมต่อการนำไปใช้จริง
ของเด็กเยาวชนในสภาวะการณ์ปัจจุบัน
.
เมื่อเป็นเช่นนี้ หวังว่าผู้ใหญ่ คณะสงฆ์
ต้องมีความใจกว้างมากพอ มีความเมตตาสูง
อย่ากล่าวโทษต่อว่าเด็กลูกหลานว่า ไม่ดี หัวรุนแรง
“ฟังเสียงหัวใจของเขาอย่างลึกซึ้ง” โดยไม่ตัดสิน
อาจจะทราได้ว่า เขาทุกข์มากแค่ไหน
“เขาต้องใช้ความกล้ามากแค่ไหน
ที่ต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องกับความทุกข์
กับความอยุติธรรม ความเหลื่อมล้ำ
ที่เขาไม่ได้ก่อขึ้น”
.
เมตตาทบทวน แก้ไขปัญหาที่สั่งสมมานาน
ควรตัด - เก็บ - สร้างสรรค์อะไรใหม่
เพื่อให้เด็กเยาวชน “ได้นำธรรมไปทำจริง”
ให้มีความสอดคล้องกับสภาพที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
.
ผมเตือนพระ มา 2-3 ปี หลายเวที ระวังนะท่าน
.
เรื่องนี้ผมเตือนสติพระสอน ลูกศิษย์หลายเวที
หากท่านไม่ปรับวิธีคิด เปลี่ยนวิธีการสอน
เพื่อให้มีความสอดคล้องเหมาะสมกับเด็ก
จัดการเรียนรู้ให้ตอบสนองความสนใจใฝ่รู้ของเด็ก
ท่านอาจไม่มีโอกาสได้เข้าไปสอนในโรงเรียนอีกเลย
เพราะการจัดการเรียนรู้ของท่านไม่มีคุณภาพพอ
ที่จะบ่มเพราะปัญญา ศีลธรรม ความสุขให้กับผู้เรียนได้
สถานศึกษาขาดความมั่นใจ ไม่นิมนต์อีกเลย
และเด็กเยาวชนจะไม่อยากเรียนพุทธศาสนา
เขาจะออกมาเรียกร้องพวกท่านนะ ! !
2-3 ปี ที่ผมเคยพูดไว้หลายเวทีหลายจังหวัด ก็เกิดขึ้น
.
คำถามคือ พระเอง ครูผู้สอนเอง
จะทำให้ห้องเรียนพระพุทธศาสนา
เป็นห้องเรียนที่มีชีวิต
เป็นห้องเรียนที่ความสุขในการเรียนรู้ ใฝ่รู้
เป็นห้องเรียนที่มีความหมาย
และมีคุณค่าต่อผู้เรียนได้อย่างไร
.
การจะช่วยบ่มเพราะปัญญา คุณธรรม ความสุข
ให้กับเด็กเยาวชน อยากสอนให้เป็นคนดี
อย่างน้อยๆ ผู้สอน / พระเอง ต้องมีของ D 4 อย่างกับตัว
D1 : #มีความประพฤติดี
—— อย่าหนีสอน ทิ้งห้องเรียน ไม่รับผิดชอบหน้าที่ รักการสอน เป็นแบบอย่างที่ดีของคุณธรรมด้านต่างๆ จะสอนอบายมุข ยังสูบบุหรี่อยู่เลย ท่าที การจัดการอารมณ์ตนเองให้เป็น มีสติ ฯลฯ สรุป จรณะ (soft skills) ท่านต้องมีดี ถึงจะสอนเขาให้ได้ดี นึกถึงพระสารีบุตรที่เห็นแบบอย่างที่ดี จากพระอัสสชิ แล้วปฏิบัติตามครับ ชัดเจนสุด
D2 : #แผนการสอนดี
—— พระต้องเขียนแผนเป็น และต้องเป็นแผนเน้นกระบวนการใฝ่รู้ (AL) มากกว่า การท่องจำสอบ
เด็กเยาวชน ไม่ใช่ก้อนหิน ขอนไม้ เขามีความรู้สึก
พระไม่ใช่จะพูด จะทำอะไร ตามใจตนเอง
เกิดลูกเขาเป็นอะไรขึ้นมา รับผิดชอบไหวไหม
หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านแล้วเข้าห้องสอน ขาดการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่เข้าถึงแก่นธรรม คุณค่า ถ้าแบบนั้นสอนเด็กให้เชื่อง อันตรายมาก จำหลักได้แต่เข้าไม่ถึงแก่นธรรมเรื่องนั้นๆ เด็กเอาไปใช้จริงไม่ได้ สอนแค่จำ คืออะไร มีเท่าไร อะไรบ้าง (knowledge) เอาแค่จำสอบ สอนพุทธะต้องตื่นรู้ การตื่นรู้ต้องฝึกฟัง ให้ทำ ตั้งคำถามสอนคิด เปิดโอกาสให้คิด มากกว่าการสอนให้เชื่อตาม ถ้าไม่ได้ฝึกสมองคิด พัฒนาปัญญาเด็ก เมื่อเจอปัญหาในชีวิต เขาจะแก้ปัญหา (ทุกข์) ไม่ได้
D3 : #สอนดี
—— มีความเมตตา บรรยากาศอบอุ่น สนุก เร้า ท้าทาย เดินให้ทั่วถึงเด็ก ปรับจากห้องเรียนเงียบ ต่างคนต่างทำ เป็นห้องเรียนชีวิต มีความหมาย เรียนเป็นกลุ่ม สอนกันเป็นทีม ทำหน้าที่เป็นโค้ช ใช้คำถาม คือสอนคิด ใช้คำถามกระตุ้นส่งเสริมการคิดสู่ปัญญา ให้มองเห็นความจริงของชีวิต ฯลฯ...
D4 : #เด็กคุณภาพดี
—— เด็กต้องเป็นเจ้าของการเรียนรู้ เด็กได้ฝึกฟัง (สุตะ) ได้ฝึกคิด (จินตะ/โยนิโสมนสิการ) ได้ฝึกทำ (ภาวนา/ลงมือปฏิบัติ) นำไปสู่เกิดสมรรถนะ ทักษะ คุณธรรม ศีลธรรม และผลการเรียนดี
.
ทักษะ วิธีการสอน สำคัญกว่าเนื้อหาที่สอนก็จริง
แต่ที่สำคัญกว่าทักษะ วิธีการสอน คือ
จรณะ ความประพฤติ คุณธรรมของท่าน
ความประพฤติไม่ดี ก็สอนเด็กได้ไม่ดี
ลูกเป็นอย่างที่พ่อแม่/ผู้ปกครองเป็น
ศิษย์เป็นอย่างที่ครูเป็น
ต้องมีทั้งจรณะ (soft skills) วิชาการ (hard skills)
ควบคู่ผสานสอนเหนี่ยวนำกันไป
.
ให้กำลังใจพระสอนศีลธรรม และผู้สอน
มั่นฝึกฝนพัฒนาการสอนครับ
รักการสอน รักการพัฒนาเด็กเยาวชน
เป็นแบบอย่างของความดี ความงาม ความจริง
ให้กับเด็กเยาวชนลูกศิษย์
ศีลธรรม คือรากฐานความสุขของสังคม
คนขาดศีลธรรม คือ โรคป่วยของสังคม
ช่วยเด็ก บ่มเพาะเด็กเยาวชนต่อไป
ด้วยจิตใจที่เมตตาของท่านครับ
mindset ไม่ดี 在 DjFiat LinkCorner Facebook 的最讚貼文
เชื่อมั้ยว่า ความรัก เป็นเรื่องของวิธีคิด ❤️
(เอาแคปชั่นข้างล่างลงวิดีโอได้ไม่หมด อ่านต่อข้างล่างละกัน)
ลองฟังดู อันไหนเป็นประโบชน์ ลองเอาไปปรับใช้ อันไหนไม่ใช่ ก็วางไว้ที่เดิม เพราะสุดท้าย ทุกคู่ต้องหาสูตรลงตัวของคู่ตัวเอง
**************************
ก่อนรักจะดี ต้องมี mindset ที่ดีก่อน
Mindset ที่ว่า รักดี ไม่ดี อยู่ที่การบริหารจัดการของคน 2 คน
แต่สุข ทุกข์ ขึ้นอยู่กับเรา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ เขา หรือ ความรัก
ในความมีแฟน ไม่ได้มีแต่สิ่งที่เราชอบ มีสิ่งที่ไม่ชอบมาพร้อมกันด้วย
แฟนไม่ได้ช่วยแก้เหงา ยิ่งมีแฟนทีไม่เข้าใจกัน นอกจากไม่หายเหงา ยังเพิ่มเศร้ามาอีก
ความรัก แฟน และ เราไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ตายตัว เปลี่ยนแปลงเสมอ เราเลยต้องฟังกันตลอด
และเพราะมันเปลี่ยนตลอด ความสัมพันธุ์ต้องยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม
อย่าคาดหวัง โดยไม่สื่อสาร - การดูแลแบบไหน ปรับจูนกัน
ถึงจะสื่อสาร ก็ใช่ว่าจะได้ทุกเรื่องที่อยากได้ ขนาดตัวเราเองยังไม่ได้ดั่งใจตัวเอง จะคาดหวังอะไรกับคนอื่น
เขาไม่ใช่โลกทั้งใบของเรา เขายังต้องมีโลกของเขา เธอยังต้องมีโลกของเธอ แต่ละคนยังต้องมีพื้นที่ มีภาระหน้าที่ส่วนตัว ที่ต้องดูแล เราแค่แชร์พื้นที่บางส่วนด้วยกัน อย่ายกโลกให้เขา จนโลกของเราไม่มี
รักที่หาตอนที่ใจหิว กับ ได้มาตอนที่เใจต็ม คว้ามาได้ไม่เหมือนกัน
สุขด้วยตัวเองเป็นก่อน คนสุข โสด หรือ มีคู่ยังไงก็สุข - ต่างแค่มีคนเข้ามาแชร์ด้วย
ความรักเป็นแค่ส่วนนึงของชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต พิสูจน์แล้วว่า
ก่อนหน้าจะมีแฟน เราอยู่ได้ยังไง วันนึงเขาจากไป เราก็ยังอยู่ได้แบบนั้น
ไม่มีใครตาย เพราะเขาไม่รัก มีแต่ตาย เพราะไม่รักตัวเอง
ความรักไม่ได้น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัว คือเราไม่เข้าใจว่าเราจะจัดการกับมันยังไง
รักไม่ได้เดียวยาทุกอย่าง ความเข้าใจ และ mindset ที่ดีต่างหากที่เยียวยา
อยากมีแฟนดี แล้วเป็นแฟนที่ดีได้ป่าว
mindset ไม่ดี 在 Club gig Youtube 的最讚貼文
ปรึกษาปัญหาความรักฟรี หรือพูดคุยกับผม เชิญที่ไลน์
https://line.me/R/ti/p/%40clubgig
จาก #adminวิทย์ นะครับ
รอบนี้อาจารย์จัดรายการเพียงท่านเดียว
และยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับการไลฟ์ยาวๆ ทำให้อาจมี Death Air บ้างในบางช่วง บวกกับวิทเองก็จะคอยตั้งคำถามมาเป็นระยะๆ ซึ่งอาจทำให้มีเสียงรบกวนผู้ฟังบ้าง
ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับ
และสัญญาว่าในรอบถัดๆไป จะปรับปรุง และพัฒนาเนื้อหาให้เข้มข้นต่อไปครับ.
เทปนี้ อ.ดุมากครับ แต่ อ.แพนตั้งใจส่งสารไปถึงผู้หญิงจริงๆ เหมือนแม่เตือนลูกนะครับ
#วิทย์

mindset ไม่ดี 在 วรัทภพ รชตนามวงษ์ WARATTAPOB Youtube 的最佳解答
?แจกหนังสือฟรี?" เงิน มา ง่าย ๆ" เขียนโดย อ.วรัทภพ รชตนามวงษ์ มีเนื้อหามากถึง 357 หน้า รับหนังสือฟรี! กดลิงก์นี้ด่วน ของมีจำนวนจำกัด ? https://get.moneyeasybook.com/
คนจะรวยต้องมีวิธีคิดที่ถูกที่ถูกทางสารพัด ทั้งดีและไม่ดี แต่ในวันนี้ผมจะบอกสามนิสัยที่ “ไม่ดี” ที่คุณควรจะกำจัดทิ้งเสีย หากคุณอยากจะมีแนวคิดแบบคนรวย เพื่อนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จได้ดังใจหวังสักวันครับ
? พบกับวิดีโอใหม่ทุกวัน ? ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จและรวย "เร็วขึ้น"
จากประสบการณ์การทำธุรกิจไทย-จีน มาแล้ว 14 ธุรกิจของผม
? คลิกลิงก์แล้วกด “SUBSCRIBE - ติดตาม และกดกระดิ่งแจ้งเตือน ตอนนี้เลย!! ?
https://www.youtube.com/channel/UC6GkGouzOitA6vUzOEBEqwA?sub_confirmation=1
—
// ดูวิดีโอของ "วรัทภพ" ตามเพลย์ลิสต์
? คลิปใหม่ล่าสุด (มีคลิปใหม่ทุกวัน) https://bit.ly/2OCDdvb
========================
?ลงทุนอะไรดี https://bit.ly/2kH0Lm0
?วิธีขายของ LAZADA https://bit.ly/2TUxuRn
?วิธีขายของ SHOPEE https://bit.ly/2lJ5LHe
?วิธีสั่งสินค้าจากจีน https://bit.ly/2IERdmE
?วิธีส้รางรายได้บน YOUTUBE https://bit.ly/2NT8l8L
?การทำตลาดจีน และส่งออกจีน https://bit.ly/2GWdITq
?วิธีขายสินค้าแบบ ดรอปชิป https://bit.ly/2x2sOPf
?WARATTAPOB PODCAST https://bit.ly/2SBlrHR
?วิธีทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ https://bit.ly/2lRZuZn
?วิธีปลดหนี้ https://bit.ly/2PKNplE
========================
??VLOG IN CHINA ชีวิตในจีนของผม https://bit.ly/2AqaFNB
??VLOG IN THAILAND ชีวิตในไทยของผม https://bit.ly/2AUvnWf
========================
?แกะคำคม ข้อคิด นักปราชญ์ และนักธุรกิจ https://bit.ly/2SDzHjh
?5 นาที หาเงินแบบมหาเศรษฐี https://bit.ly/2k9oyuu
?รีวิวหนังสือที่ผมชอบ http://bit.ly/2lRZJnf
?วิธีเริ่มต้นธุรกิจ ในปัจจุบัน https://bit.ly/2ChCNT7
?ความรู้ หาเงิน เพิ่มรายได้ ที่จะทำให้คุณรวยเร็วขึ้น https://bit.ly/2CR2Jqc
?เคล็ดลับ การตลาดและการขาย https://bit.ly/2M8P7cV
?ไอเดียธุรกิจเงินล้าน https://bit.ly/2TrY2IT
?พัฒนาตัวเอง เพื่อความสำเร็จในด้านที่ต้องการ https://bit.ly/2LTPms2
?แรงบันดาลใจและกำลังใจ ในการใช้ชีวิต https://bit.ly/2TKQAbW
?รีวิว ธุรกิจจีนและเศรษฐกิจจีน https://bit.ly/2M8Phkx
?ความรู้ไทย-จีน อื่นๆ http://bit.ly/2kIZaMn
—
// วรัทภพ รชตนามวงษ์ คือ ใคร?
ผม "วรัทภพ รชตนามวงษ์" เป็นคนไทย เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่
เป็นผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจมาแล้ว 14 ธุรกิจ
ทั้งในประเทศไทย และ จีน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 จนถึงปัจจุบัน
ผมตั้งใจทำสื่อเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์
ให้คนรุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิตและรวย “เร็วขึ้น”
?คุณสามารถดูคลิปจากลิงก์ล่างนี้ ว่าผมมีประสบการณ์ธุรกิจอะไรบ้าง?
http://bit.ly/2kHDgt4
—
// ติดตาม วรัทภพ รชตนามวงษ์ เพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.warattapob.com
?SOCIAL
Instagram : https://www.instagram.com/warattapob_rachatanamwong
Facebook : https://fb.me/WarattapobRachatanamwong
YouTube: https://www.youtube.com/c/WarattapobRachatanamwong
Line official : http://line.me/ti/p/~@warattapob
Twitter : https://twitter.com/warattapob
?PODCAST
--สำหรับ Android
Soundcloud : https://bit.ly/2QjfVYm
Spotify : https://spoti.fi/2Jcwh6Y
--สำหรับ iOS
Apple Podcast : https://apple.co/2QjW5fM
—
#WARATTAPOB #การพัฒนาตนเอง #อยากรวยต้องดู
วิดีโอนี้เกี่ยวกับ พัฒนาตัวเอง - 3 นิสัยที่คุณต้องเลิก ถ้าคุณอยากรวย
LINK https://youtu.be/6hJLRxfwhd0
LINK https://youtu.be/6hJLRxfwhd0
