เตรียมพร้อมสำหรับการเดทกับมื้อบรันช์สุดแสนพิเศษ
.
คุณได้วางแผนนัดเดทกับเพื่อนหรือคนพิเศษในสุดสัปดาห์นี้หรือยัง ไม่ว่าคุณจะนัดเดตที่คาเฟ่ที่คุณชื่นชอบเพื่อดื่มกาแฟ ไปทานอาหารสุดพิเศษริมชายหาดหรือรับประทานอาหารมื้อสายในวันอาทิตย์ของคุณ โดยการเติมเต็มลุควันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยแว่นตาจาก Luxottica เราได้รวบรวมกรอบแว่นและแว่นกันแดดหลากหลายแบบเพื่อให้คุณได้ออกเดทอย่างสมบูรณ์แบบ
.
For Café Hopping
สายคาเฟ่ไม่ควรพลาดกับกรอบแว่นตาเสริมลุคให้มื้อบรันช์ของคุณสมบูรณ์แบบตั้งแต่เช้าจรดเย็น ไม่ว่าคุณจะหยิมมาใส่ถ่ายรูปขณะจิบกาแฟ หรือสร้างคอนเทนอัพลงอินสตาแกรมเรียกยอดไลค์ กับกรอบแว่นตาทรงบัตเตอร์ฟลายสีฟ้าพาสเทลจาก Emporio Armani ทรงสี่เหลี่ยมสุดเท่จาก Burberry ที่มาพร้อมกับลายตารางเอกลักษณ์ที่ขมับและแว่นตา Ray-Ban ลายไม้สุดคลาสสิค
.
For Brunch by the beach
เริ่มต้นวันเสาร์กับการนั่งทานอาหารริมทะเลรับแสงแดดอ่อนๆยามสายและฟังเสียงคลื่น หรือเสียงเพลงเมืองร้อนและจิบมาการิต้า โดยเลือกสวมแว่นกันแดดทรงโอเวอร์ไซส์จาก Burberry ที่ปกป้องดวงตาของคุณภายใต้แสงแดดจ้าจาก SPF หรือเลือกแว่นตาจากOliver Peoples ทรงเหลี่ยมมาพร้อมกับเลนส์สีเหลือต้อนรับหน้าร้อน หรือจะเป็นแว่น Ray-Ban ย้อนยุคและมีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร สไตล์นี้มีกรอบและขาแว่นที่แมตช์กันมาพร้อมกับกรอบสีเขียวมากมายเพื่อลุคที่โดดเด่นและมั่นใจ
.
For Chilling Sunday Brunch
เลือกร้านอาหารนั่งชิลล์ร้านโปรดของคุณโดยการ ใส่ชุดน่ารัก ๆ และเลือกเสื้อผ้าที่คุณมั่นใจ พร้อมกับด้วยกรอบแว่นตาและแว่นกันแดดที่เก๋ไก๋และทันสมัยหรือที่จะทำให้ทุกคนต้องหันมามองกับแว่นตา Oliver Peoples Ray-Ban และ Prada
.
#Luxottica #Sunglasses #ohalalstory
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過11萬的網紅JUNJUN SQUARE,也在其Youtube影片中提到,今天要來公開太陽眼鏡產業的的內幕,順便介紹觀眾幾副好看特別的太陽眼鏡唷! 如何選擇太陽眼鏡前導片:https://youtu.be/Fncjxp9iiR8 Jun Jun 和Chi Chi 開了一個新的頻道是關於我們旅行,生活上的點點滴滴的。有興趣的朋友們也可以去訂閱唷! Chi & Jun...
luxottica prada 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
มิลาน กำลังแบกอิตาลีทั้งประเทศ /โดย ลงทุนแมน
นับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2008
ประเทศอิตาลีก็ประสบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมาโดยตลอด
แม้จะผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว
GDP ของอิตาลีในปี 2018 ติดลบ 3.3% จากจุดสูงสุดในปี 2008
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเมืองหนึ่งที่มีเศรษฐกิจโตวันโตคืน
GDP ของเมืองแห่งนี้ เติบโตจากปี 2008 อยู่ 6.4%
และหากวัดจาก 5 ปีที่แล้ว GDP ของเมืองแห่งนี้จะเติบโตถึง 9.7%
ไม่ใช่เมืองหลวงที่มีอายุหลายพันปีอย่างกรุงโรม
แต่เป็นเมืองใหญ่ทางตอนเหนือที่มีชื่อว่า มิลาน หรือที่ชาวอิตาลีเรียกกันว่า มิลาโน
มิลานมีดีอะไร ?
ถึงสามารถแบกอิตาลีทั้งประเทศได้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในแง่ประวัติศาสตร์ มิลาน มีชื่อมาจากภาษาละตินว่า Mediolanum
ซึ่งมีความหมายว่า ใจกลางของที่ราบ
เพราะที่ตั้งของเมืองตั้งอยู่ใจกลางของที่ราบลุ่มแม่น้ำโป
ซึ่งเป็นที่ราบขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรอิตาลี
ด้วยทำเลที่ตั้งที่ดี เชื่อมระหว่างกรุงโรมกับเมืองอื่นๆของยุโรปเหนือ
ทำให้มิลานเติบโตจนกลายเป็นชุมทางการค้าที่สำคัญของคาบสมุทรอิตาลี
แม้แต่ยามที่กรุงโรมและจักรวรรดิโรมันล่มสลาย
จนเมื่อถึงยุคเรอเนซองซ์ ราวคริสตศตวรรษที่ 15
มิลานกลายเป็นศูนย์รวมของพ่อค้า นายธนาคาร
ความร่ำรวยทำให้เหล่าพ่อค้าต้องการศิลปินเพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้ตัวเอง
มิลานจึงกลายเป็นแหล่งรวมของศิลปินและนักออกแบบ และเติบโตจนกลายเป็นนครรัฐที่ยิ่งใหญ่อยู่หลายศตวรรษ
หลังจากมีการรวมแคว้นและนครรัฐต่างๆ จนเกิดเป็นประเทศอิตาลีในปี ค.ศ. 1861
และกรุงโรมได้รับเกียรติให้เป็นเมืองหลวง
ทำให้ถนนแทบทุกสายมุ่งหน้าสู่กรุงโรมอีกครั้ง
โดยเฉพาะสายการปกครอง สายศาสนา และการท่องเที่ยว
แต่ไม่ใช่สำหรับถนนสายเศรษฐกิจ..
มิลาน ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์ดี หรือ Lombadia ในภาษาอิตาลี
เป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์เพียงแห่งเดียวในอิตาลี คือ Borsa Italiana
ธนาคารที่มีสินทรัพย์มากที่สุดของอิตาลี Unicredit ซึ่งมีสินทรัพย์กว่า 27 ล้านล้านบาท
ก็มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแห่งนี้
มิลานคือศูนย์กลางการเงินของอิตาลี
เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของธนาคารและบริษัทประกันภัยหลายแห่ง
นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์ Alfa Romeo ก็มีต้นกำเนิดมาจากเมืองนี้
นอกจากยานยนต์ ยังมีอุตสาหกรรมยา สื่อมวลชน และสิ่งพิมพ์
ด้วยภาคการเงินและอุตสาหกรรมการผลิตที่แข็งแกร่ง
ส่งผลให้มิลานและเขตปริมณฑล หรือ Grande Milano
ที่มีอาณาเขตครอบคลุมประชากรรวม 4.2 ล้านคน
สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 6.7 ล้านล้านบาทในปี 2017
มิลานจึงเป็นเมืองใหญ่ ที่มี GDP ต่อหัวมากที่สุดของอิตาลี คือปีละ 1,595,000 บาท
มากกว่า GDP ต่อหัวของชาวอิตาลีเกือบ 2 เท่า
หากรวมแคว้นลอมบาร์ดี ซึ่งเป็นแคว้นที่มีมิลานเป็นเมืองหลวง
จะมีขนาด GDP ถึง 14 ล้านล้านบาท คิดเป็น 20% ของ GDP ประเทศอิตาลี
แต่นอกจากเรื่องการเงิน
หนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับมิลานมากที่สุด
ก็คือ “อุตสาหกรรมแฟชั่น”
การเป็นศูนย์รวมของพ่อค้าและศิลปินมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15
ทำให้มิลานกลายเป็นศูนย์กลางของการออกแบบเครื่องแต่งกาย มีสถาบันศิลปะและการออกแบบที่มีชื่อเสียง สร้างดีไซเนอร์ระดับโลกมากมาย
หากลองนึกถึงแบรนด์เครื่องแต่งกายหรูจากอิตาลี เกือบทั้งหมดล้วนมีต้นกำเนิดมาจากมิลาน
ทั้ง Giorgio Armani, Prada, Versace, Dolce&Gabbana, Ermenegildo Zegna,
Bottega Veneta และ Moschino
แม้แต่แบรนด์แว่นตาชั้นนำ ทั้ง Ray-Ban และ Oakley ซึ่งเป็นของบริษัท Luxottica
บริษัทนี้ก็มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มิลาน
แบรนด์เหล่านี้สร้างชื่อเสียงให้กับมิลานจนกลายเป็นเมืองระดับ Big 4 ของวงการแฟชั่นโลก
งานมิลานแฟชั่นวีก กลายเป็นสถานที่รวมดีไซเนอร์และนักท่องเที่ยวผู้หลงใหลในเสน่ห์ของดีไซน์อิตาลี
วงการแฟชั่นและแบรนด์หรูที่เติบโตได้ดี ดึงดูดเงินจากนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักทั่วทุกมุมโลก
สร้างรายได้มหาศาลให้กับมิลาน
ความคึกคักทางเศรษฐกิจดึงดูดแรงงานเข้ามาทำงานในมิลานมากขึ้นเรื่อยๆ
อัตราว่างงานในมิลานอยู่ที่ 8% ส่วนอิตาลีอยู่ที่ 12%
โดยแรงงานส่วนใหญ่อพยพมาจากแคว้นทางตอนใต้ของอิตาลี
ประเทศอิตาลีมีความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างแคว้นทางเหนือกับแคว้นทางใต้มานับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งประเทศ
แคว้นทางเหนือ เป็นที่ตั้งของเมืองอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะมิลาน
มีอุตสาหกรรมก้าวหน้า ทั้งการเงิน แฟชั่น ยานยนต์ และการท่องเที่ยว
เศรษฐกิจที่หลากหลายทำให้ผู้คนมีฐานะร่ำรวย
ในขณะที่ผู้คนในแคว้นทางภาคใต้ ซึ่งมีเมืองสำคัญอย่างเนเปิลส์ และปาแลร์โม
กลับมีฐานะยากจนกว่า เพราะมีรายได้หลักมาจากภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว
และถูกรุมเร้าด้วยปัญหาการว่างงานและอัตราอาชญากรรมที่สูง
ทำให้แรงงานต้องอพยพไปยังภาคเหนือเพื่อหางานทำ
นอกจากนั้นแคว้นทางภาคใต้ยังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาการคอร์รัปชัน มาเฟียท้องถิ่น และจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อผู้คนในแคว้นลอมบาร์ดีซึ่งเมืองมิลานตั้งอยู่
เริ่มรู้สึกว่าภาษีที่ตัวเองจ่ายให้ส่วนกลางกว่า 2 ล้านล้านบาท
ถูกนำไปถมให้กับปัญหาเรื้อรังทางภาคใต้ มากกว่านำมาใช้ประโยชน์ต่อการลงทุนในท้องถิ่น
การลงประชามติเพื่อขออำนาจในการปกครองตนเองของแคว้นลอมบาร์ดีในเดือนตุลาคม ปี 2017 จึงเกิดขึ้น ทั้งที่ผู้มาเข้าร่วมมีไม่ถึง 40% ของทั้งแคว้น
แต่กว่า 95% ของผู้ลงประชามติ ก็ให้การสนับสนุนกับการปกครองตนเอง
แม้การลงประชามติครั้งนี้ จะเป็นไปเพื่อต่อรองกับทางกรุงโรม เพื่อขออิสระในการจัดการบริหารเงินภาษี มากกว่าที่จะขอแบ่งแยกประเทศ
แต่ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ..
ในประเทศอุตสาหกรรมชั้นแนวหน้าของโลก มีระบบรัฐสวัสดิการที่ครอบคลุมอย่างอิตาลี
ยังมีความเหลื่อมล้ำที่เห็นได้ชัดเจน
ช่องว่างระหว่างแคว้นทางเหนือที่ร่ำรวย กับแคว้นทางใต้ที่ยากจน เริ่มห่างกันมากขึ้นทุกที
หากยิ่งคำนึงถึงหนี้สาธารณะของประเทศที่มีสูงถึง 131% ของ GDP
อนาคตของสาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งเพิ่งรวมประเทศกันมาได้เพียง 159 ปี ก็อาจสั่นคลอนได้
ล่าสุดจากเหตุการณ์พบผู้ป่วย COVID-19 ในแคว้นลอมบาร์ดีจำนวนมาก ก็ยิ่งเป็นที่น่าจับตาว่าจะกระทบเศรษฐกิจของเมืองมิลานขนาดไหน
และถ้ามิลานเป็นอะไรไป
ก็อาจหมายความว่า
มิลานจะแบกอิตาลีทั้งประเทศต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
และสุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบ
ก็คือทุกคนในอิตาลี นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.thelocal.it/…/milan-should-be-the-new-capital-o…
-https://europe.uli.org/…/Milan-and-Turin-Competitiveness-of…
-https://www.theguardian.com/…/how-europes-cities-stole-cont…
-https://www.ft.com/con…/cfb822ea-9307-11e7-a9e6-11d2f0ebb7f0
-https://www.bbc.com/news/world-europe-41712263
luxottica prada 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
มิลาน กำลังแบกอิตาลีทั้งประเทศ /โดย ลงทุนแมน
นับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2008
ประเทศอิตาลีก็ประสบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมาโดยตลอด
แม้จะผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว
GDP ของอิตาลีในปี 2018 ติดลบ 3.3% จากจุดสูงสุดในปี 2008
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเมืองหนึ่งที่มีเศรษฐกิจโตวันโตคืน
GDP ของเมืองแห่งนี้ เติบโตจากปี 2008 อยู่ 6.4%
และหากวัดจาก 5 ปีที่แล้ว GDP ของเมืองแห่งนี้จะเติบโตถึง 9.7%
ไม่ใช่เมืองหลวงที่มีอายุหลายพันปีอย่างกรุงโรม
แต่เป็นเมืองใหญ่ทางตอนเหนือที่มีชื่อว่า มิลาน หรือที่ชาวอิตาลีเรียกกันว่า มิลาโน
มิลานมีดีอะไร ?
ถึงสามารถแบกอิตาลีทั้งประเทศได้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในแง่ประวัติศาสตร์ มิลาน มีชื่อมาจากภาษาละตินว่า Mediolanum
ซึ่งมีความหมายว่า ใจกลางของที่ราบ
เพราะที่ตั้งของเมืองตั้งอยู่ใจกลางของที่ราบลุ่มแม่น้ำโป
ซึ่งเป็นที่ราบขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรอิตาลี
ด้วยทำเลที่ตั้งที่ดี เชื่อมระหว่างกรุงโรมกับเมืองอื่นๆของยุโรปเหนือ
ทำให้มิลานเติบโตจนกลายเป็นชุมทางการค้าที่สำคัญของคาบสมุทรอิตาลี
แม้แต่ยามที่กรุงโรมและจักรวรรดิโรมันล่มสลาย
จนเมื่อถึงยุคเรอเนซองซ์ ราวคริสตศตวรรษที่ 15
มิลานกลายเป็นศูนย์รวมของพ่อค้า นายธนาคาร
ความร่ำรวยทำให้เหล่าพ่อค้าต้องการศิลปินเพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้ตัวเอง
มิลานจึงกลายเป็นแหล่งรวมของศิลปินและนักออกแบบ และเติบโตจนกลายเป็นนครรัฐที่ยิ่งใหญ่อยู่หลายศตวรรษ
หลังจากมีการรวมแคว้นและนครรัฐต่างๆ จนเกิดเป็นประเทศอิตาลีในปี ค.ศ. 1861
และกรุงโรมได้รับเกียรติให้เป็นเมืองหลวง
ทำให้ถนนแทบทุกสายมุ่งหน้าสู่กรุงโรมอีกครั้ง
โดยเฉพาะสายการปกครอง สายศาสนา และการท่องเที่ยว
แต่ไม่ใช่สำหรับถนนสายเศรษฐกิจ..
มิลาน ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์ดี หรือ Lombadia ในภาษาอิตาลี
เป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์เพียงแห่งเดียวในอิตาลี คือ Borsa Italiana
ธนาคารที่มีสินทรัพย์มากที่สุดของอิตาลี Unicredit ซึ่งมีสินทรัพย์กว่า 27 ล้านล้านบาท
ก็มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแห่งนี้
มิลานคือศูนย์กลางการเงินของอิตาลี
เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของธนาคารและบริษัทประกันภัยหลายแห่ง
นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์ Alfa Romeo ก็มีต้นกำเนิดมาจากเมืองนี้
นอกจากยานยนต์ ยังมีอุตสาหกรรมยา สื่อมวลชน และสิ่งพิมพ์
ด้วยภาคการเงินและอุตสาหกรรมการผลิตที่แข็งแกร่ง
ส่งผลให้มิลานและเขตปริมณฑล หรือ Grande Milano
ที่มีอาณาเขตครอบคลุมประชากรรวม 4.2 ล้านคน
สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 6.7 ล้านล้านบาทในปี 2017
มิลานจึงเป็นเมืองใหญ่ ที่มี GDP ต่อหัวมากที่สุดของอิตาลี คือปีละ 1,595,000 บาท
มากกว่า GDP ต่อหัวของชาวอิตาลีเกือบ 2 เท่า
หากรวมแคว้นลอมบาร์ดี ซึ่งเป็นแคว้นที่มีมิลานเป็นเมืองหลวง
จะมีขนาด GDP ถึง 14 ล้านล้านบาท คิดเป็น 20% ของ GDP ประเทศอิตาลี
แต่นอกจากเรื่องการเงิน
หนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับมิลานมากที่สุด
ก็คือ “อุตสาหกรรมแฟชั่น”
การเป็นศูนย์รวมของพ่อค้าและศิลปินมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15
ทำให้มิลานกลายเป็นศูนย์กลางของการออกแบบเครื่องแต่งกาย มีสถาบันศิลปะและการออกแบบที่มีชื่อเสียง สร้างดีไซเนอร์ระดับโลกมากมาย
หากลองนึกถึงแบรนด์เครื่องแต่งกายหรูจากอิตาลี เกือบทั้งหมดล้วนมีต้นกำเนิดมาจากมิลาน
ทั้ง Giorgio Armani, Prada, Versace, Dolce&Gabbana, Ermenegildo Zegna,
Bottega Veneta และ Moschino
แม้แต่แบรนด์แว่นตาชั้นนำ ทั้ง Ray-Ban และ Oakley ซึ่งเป็นของบริษัท Luxottica
บริษัทนี้ก็มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มิลาน
แบรนด์เหล่านี้สร้างชื่อเสียงให้กับมิลานจนกลายเป็นเมืองระดับ Big 4 ของวงการแฟชั่นโลก
งานมิลานแฟชั่นวีก กลายเป็นสถานที่รวมดีไซเนอร์และนักท่องเที่ยวผู้หลงใหลในเสน่ห์ของดีไซน์อิตาลี
วงการแฟชั่นและแบรนด์หรูที่เติบโตได้ดี ดึงดูดเงินจากนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักทั่วทุกมุมโลก
สร้างรายได้มหาศาลให้กับมิลาน
ความคึกคักทางเศรษฐกิจดึงดูดแรงงานเข้ามาทำงานในมิลานมากขึ้นเรื่อยๆ
อัตราว่างงานในมิลานอยู่ที่ 8% ส่วนอิตาลีอยู่ที่ 12%
โดยแรงงานส่วนใหญ่อพยพมาจากแคว้นทางตอนใต้ของอิตาลี
ประเทศอิตาลีมีความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างแคว้นทางเหนือกับแคว้นทางใต้มานับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งประเทศ
แคว้นทางเหนือ เป็นที่ตั้งของเมืองอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะมิลาน
มีอุตสาหกรรมก้าวหน้า ทั้งการเงิน แฟชั่น ยานยนต์ และการท่องเที่ยว
เศรษฐกิจที่หลากหลายทำให้ผู้คนมีฐานะร่ำรวย
ในขณะที่ผู้คนในแคว้นทางภาคใต้ ซึ่งมีเมืองสำคัญอย่างเนเปิลส์ และปาแลร์โม
กลับมีฐานะยากจนกว่า เพราะมีรายได้หลักมาจากภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว
และถูกรุมเร้าด้วยปัญหาการว่างงานและอัตราอาชญากรรมที่สูง
ทำให้แรงงานต้องอพยพไปยังภาคเหนือเพื่อหางานทำ
นอกจากนั้นแคว้นทางภาคใต้ยังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาการคอร์รัปชัน มาเฟียท้องถิ่น และจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อผู้คนในแคว้นลอมบาร์ดีซึ่งเมืองมิลานตั้งอยู่
เริ่มรู้สึกว่าภาษีที่ตัวเองจ่ายให้ส่วนกลางกว่า 2 ล้านล้านบาท
ถูกนำไปถมให้กับปัญหาเรื้อรังทางภาคใต้ มากกว่านำมาใช้ประโยชน์ต่อการลงทุนในท้องถิ่น
การลงประชามติเพื่อขออำนาจในการปกครองตนเองของแคว้นลอมบาร์ดีในเดือนตุลาคม ปี 2017 จึงเกิดขึ้น ทั้งที่ผู้มาเข้าร่วมมีไม่ถึง 40% ของทั้งแคว้น
แต่กว่า 95% ของผู้ลงประชามติ ก็ให้การสนับสนุนกับการปกครองตนเอง
แม้การลงประชามติครั้งนี้ จะเป็นไปเพื่อต่อรองกับทางกรุงโรม เพื่อขออิสระในการจัดการบริหารเงินภาษี มากกว่าที่จะขอแบ่งแยกประเทศ
แต่ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ..
ในประเทศอุตสาหกรรมชั้นแนวหน้าของโลก มีระบบรัฐสวัสดิการที่ครอบคลุมอย่างอิตาลี
ยังมีความเหลื่อมล้ำที่เห็นได้ชัดเจน
ช่องว่างระหว่างแคว้นทางเหนือที่ร่ำรวย กับแคว้นทางใต้ที่ยากจน เริ่มห่างกันมากขึ้นทุกที
หากยิ่งคำนึงถึงหนี้สาธารณะของประเทศที่มีสูงถึง 131% ของ GDP
อนาคตของสาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งเพิ่งรวมประเทศกันมาได้เพียง 159 ปี ก็อาจสั่นคลอนได้
ล่าสุดจากเหตุการณ์พบผู้ป่วย COVID-19 ในแคว้นลอมบาร์ดีจำนวนมาก ก็ยิ่งเป็นที่น่าจับตาว่าจะกระทบเศรษฐกิจของเมืองมิลานขนาดไหน
และถ้ามิลานเป็นอะไรไป
ก็อาจหมายความว่า
มิลานจะแบกอิตาลีทั้งประเทศต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
และสุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบ
ก็คือทุกคนในอิตาลี นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.thelocal.it/20170222/milan-should-be-the-new-capital-of-italy-beats-rome-business-economy-culture
-https://europe.uli.org/wp-content/uploads/sites/127/ULI-Documents/Milan-and-Turin-Competitiveness-of-Italys-great-northern-cities-Web.pdf
-https://www.theguardian.com/cities/2019/nov/10/how-europes-cities-stole-continents-wealth
-https://www.ft.com/content/cfb822ea-9307-11e7-a9e6-11d2f0ebb7f0
-https://www.bbc.com/news/world-europe-41712263
luxottica prada 在 JUNJUN SQUARE Youtube 的最讚貼文
今天要來公開太陽眼鏡產業的的內幕,順便介紹觀眾幾副好看特別的太陽眼鏡唷!
如何選擇太陽眼鏡前導片:https://youtu.be/Fncjxp9iiR8
Jun Jun 和Chi Chi 開了一個新的頻道是關於我們旅行,生活上的點點滴滴的。有興趣的朋友們也可以去訂閱唷!
Chi & Jun Channel連結在此:
https://www.youtube.com/channel/UCWVg...
WHERE TO FIND ME
Instagram: junjunsquare
Blog: http://junjunsquare.blogspot.com/
Facebook: https://www.facebook.com/junjunsquare/
Contact:junjunsquare@gmail.com