JD Sports ร้านขายรองเท้าสนีกเกอร์ โตระเบิด / โดย ลงทุนแมน
บริษัท JD Sports
ปี 2014 มูลค่าบริษัท 34,000 ล้านบาท
ปี 2019 มูลค่าบริษัท 252,000 ล้านบาท
คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าในระยะเวลาเพียง 5 ปี
และ กำลังอยู่ในระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์บริษัท..
แล้ว JD มีดีอะไร? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นมารู้จักกับ JD กันก่อน..
JD ในที่นี้ ไม่ใช่บริษัท E-Commerce จากประเทศจีน
แต่เป็นบริษัทค้าปลีกสนีกเกอร์ จากประเทศอังกฤษ
บริษัทนี้มีที่มาจากอักษรตัวแรก
ของคุณ John Wardle และ คุณ David Makin สองผู้ก่อตั้ง ..
JD เริ่มต้นทำธุรกิจเปิดร้านขายสนีกเกอร์เล็กๆ
ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
ด้วยโมเดลธุรกิจที่ชัด คือ ทั้งร้านมีแต่อุปกรณ์กีฬา
เสื้อผ้ารองเท้าจากหลายแบรนด์อย่าง Nike และ Adidas
ทำให้บริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน และเติบโตได้ดี
ในที่สุด JD สามารถระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์กรุงลอนดอน (London Stock Exchange) ได้สำเร็จหลังทำธุรกิจมาเพียง 15 ปี..
แล้วโครงสร้างทางธุรกิจของ JD เป็นอย่างไร?
จริงๆ แล้ว ธุรกิจหลักของ JD ถือเป็นธุรกิจ ซื้อมา-ขายไป
โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จาก
ร้านค้าปลีก 80%
ร้านค้า Multi-Channel 16%
ร้านค้าส่ง 4%
อย่างไรก็ตาม JD ถือเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่ขายสินค้าเฉพาะอย่าง..
หรือศัพท์ในวงการคือ Specialty Store
ยกตัวอย่างค้าปลีกเฉพาะอย่าง ในประเทศไทย
ร้านขายวัสดุก่อสร้าง เช่น โฮมโปร
ร้านขายเครื่องเขียน เช่น B2S หรือ สมใจ
ร้านขายสินค้าไอที เช่น BaNANA หรือ JIB
และ แฟชั่นกีฬา เช่น Carnival หรือ Seek นั่นเอง ..
หมายความว่า..
การเติบโตทางธุรกิจประเภทนี้จะเน้นไปที่การขยายสาขา เพื่อเพิ่มรายได้
และข้อตกลงสัญญาซื้อ-ขายกับแบรนด์ เพื่อวางโครงสร้างต้นทุนที่เหมาะสม
แล้วผลประกอบการ JD Sports เป็นอย่างไร?
บริษัท JD Sports Fashion Plc.
ปี 2017 รายได้ 97,800 ล้านบาท กำไร 7,400 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 130,000 ล้านบาท กำไร 9,500 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 194,000 ล้านบาท กำไร 10,800 ล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยของรายได้กว่า 41%
ทั้งๆ ที่ ธุรกิจ Specialty Store กำลังชะลอตัวลงกว่า 7.3% ในปีที่ผ่านมา ..
ที่น่าสนใจคือ อัตรากำไรสุทธิร้าน JD อยู่ที่ 5.6% ไม่ต่างจากเจ้าของแบรนด์กีฬาอย่าง Nike 5.3% และ Adidas 7.8%
ปัจจุบัน ..
มูลค่าบริษัท Nike และ Adidas ทำ All-time high
JD บริษัทตัวแทนขาย Nike และ Adidas ก็ทำ All-time high ไปพร้อมๆ กัน ..
ปัจจุบัน JD มีสัดส่วนรายได้จาก
สหราชอาณาจักร 65%
ยุโรป 30%
ประเทศอื่นๆ 5%
โดย JD แตกไลน์ค้าปลีกอื่นๆ อีก เช่น size?, Footpatrol, Nicholas Deakins, Go Outdoors, Footasylum และอีกมากมายรวมๆ กันแล้วกว่า 2,420 สาขา ..
สำหรับใครที่บอกว่า ธุรกิจค้าปลีก กำลังจะตาย
อาจไม่ใช่เสียทีเดียว
ดูอย่าง JD ที่ทั้งร้านมีเพียงสนีกเกอร์
กับสินค้าประเภทกีฬา ยังสามารถเติบโตระดับ 252,000 ล้านบาท แถมยังขยายสาขาเพิ่มทุกปี..
เรื่องนี้เป็นอีกตัวอย่างที่ดีที่บอกเราว่า
ในทุกๆ ธุรกิจ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร จริงๆ แล้วมันมีโอกาสอยู่เสมอ
อยู่ที่เราจะมองมันอย่างไร ก็เท่านั้นเอง..
╔═══════════╗
อ่านลงทุนแมนสนุกขึ้น
อ่านในแอป blockdit
โหลดที่ blockdit.com
╚═══════════╝
Reference
-JD Sports Fashion 2018, 2019
Search