วันนี้ขอตามกระแสบ้างเรื่องน้องไข่เน่า
และขอใช้โอกาสนี้อธิบายครับว่า
ทำไมคุณถึงไม่ควรถือคนเป็นกลางว่าเป็นศัตรู
---------------------------------
ในกรณีที่เราใช้กฏของ D&D
เราสามารถแบ่งขั้วการเมืองของบุคคลได้เป็น 9 ประเภทบนสองแกน
คือคุณ Chaotic หรือ Lawful แค่ไหน
และคุณเป็น Good หรือ Evil แค่ไหน
คนที่เป็น Lawful Good
คือคนที่เชื่อว่ากฏหมายนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องความดี
ถ้าคุณละเมิดกฏหมาย คุณย่อมเป็นคนเลว
Lawful Evil
คือคนที่เอาข้อกฏหมายมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน
หลักๆคือผู้มีอำนาจทางกฏหมาย
ที่สนแต่ตัวเองก่อนผู้อื่น
Chaotic Good
คือคนที่ถือว่าเมตตาธรรมต้องมาก่อนกฏหมาย
Chaotic Evil
คือคนที่ไม่สนกฏหมาย
และทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
-------------------------------
เสร็จแล้วก็จะมีคนกลุ่ม Neutral หรือคนกลุ่มกลางอีก 5 กลุ่ม
Neutral Good
คือคนที่พร้อมจะทำตามกฏหมาย
แต่หากเห็นว่ากฏหมายนั้นไม่เป็นธรรม
ก็พร้อมที่จะต่อต้าน
Chaotic Neutral
คือคนที่ขอแค่ตัวเองได้ต่อต้านกฏหมายก็ถือว่าใช้ได้
อาจทำเพื่อคนอื่น หรือเพื่อตัวเองก็ได้
Lawful Neutral
คือคนที่ไม่สนเรื่องเมตตาธรรมหรือผลประโยชน์
แต่ถือว่ากฏหมายต้องมาก่อนอย่างอื่น
Neutral Evil
คือคนที่จะไม่ละเมิดกฏหมายหากตนจะเสียผลประโยชน์
แต่พร้อมจะละเมิดได้ทุกเมื่อ
หากตัวเองจะได้รับผลประโยชน์
และ True Neutral
คือคนอยู่กลาง ที่ไม่สนอะไรทั้งนั้น
แต่ในขณะเดียวกัน
ก็อาจพร้อมที่จะโอนเอนต่อคนหมู่มาก
------------------------------------
อันนี้ต่อจากโพสต์ก่อนที่ผมพูดเรื่องคนกลุ่ม ซ้ายขวา
คือคนกลุ่มซ้ายนั้นเป็นเสรีนิยม
ในขณะที่คนกลุ่มขวานั้นเป็นอำนาจนิยม
ในขณะที่คนกลุ่มกลางนั้น
พร้อมที่จะไปได้สองทางขึ้นอยู่กับกรณี
ซึ่งในสมัยก่อน
คนอยู่กลางจะถูกถือว่าเป็น Potential Ally
ที่สามารถชักจูงให้เข้าข้างฝั่งหนึ่งได้
หากประเด็นนั้นตรงกับจุดยืนของเขา
-------------------------------------------
ในกรณีของน้องไข่เน่านั้น
มันจะมีประเด็นอยู่สองเรื่อง
คือ 1. การกระทำของเขานั้นผิดกฏหมาย
2. เขาทำเรื่องอนาจาร
ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ปฏิเสธไม่ได้
แต่มันจะมีประเด็นอยู่อีกว่า
คุณถือว่าเรื่องอนาจารนั้นเป็น"ความผิดทางศีลธรรม"หรือเปล่า
------------------------------
คนที่เป็น Lawful Evil
คือคนที่เริ่มเหตุการณ์นี้เพื่อใช้กลบเกลื่อนประเด็นความผิดของตัวเอง
เขาอยู่ข้างถือว่าน้องไข่เน่าเป็นผู้ผิด
Lawful Neutral
ถือว่าเขาทำผิดกฏหมาย เขาก็ย่อมผิด
Lawful Good
ถือว่าเมื่อมันเป็นเรื่องผิดกฏหมาย
มันย่อมผิดศีลธรรมด้วย
เขาก็ย่อมผิด
Neutral Evil นั้น
ถือว่าถ้าตัวเองออกเสียงละเมิดกฏหมาย
อาจทำให้ตัวเองถูกเพ่งเล็งเดือดร้อนได้
จึงเข้าข้างฝั่ง Lawful
คนกลุ่มนี้ถือแล้วว่า น้องไข่เน่าคือผู้กระทำผิด
----------------------------------------
Chaotic Good นั้นถือว่า
เขาไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน
เขาจะผิดได้ยังไง
และเราควรจะมีเมตตาให้เขาก่อนอย่างอื่น
Neutral Good ถือว่า
เขาทำผิดกฏหมายก็จริง
แต่เขาไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
เราควรละเว้นกฏหมายในกรณีนี้
Chaotic Neutral คือ
ในเมื่อกฏหมายหรืออำนาจจะมาทำให้คนเดือดร้อนจนเป็นประเด็น
ฉันก็จะต่อต้านอำนาจนั้นไว้ก่อนเพื่อเสรีภาพ
Chaotic Evil คือ
กรณีนี้มันจะทำให้ผลงานแสดงความหื่นหายไป
ฉันต้องออกมาต่อต้านเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง
คนกลุ่มนี้คือ คนที่พร้อมจะปกป้องน้องไข่เน่าจากอำนาจของกฏหมาย
-------------------------------------------
ส่วนคนที่เป็น True Neutral นั้น
จะสามารถโอนเองไปทางไหนก็ได้
ขึ้นอยู่กับความสามารถในการหว่านล้อมของคนกลุ่มอื่น
สมมุติว่าเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตยแท้
ที่การตัดสินความถูกตัดสินด้วยเสียงคนหมู่มากจริง
แล้วเราสมมุติต่ออีกว่าคนทั้ง 9 กลุ่มนี้มีคนเท่าๆกัน
หากเราสามารถชักจูงคนกลุ่ม True Neutral ได้
เสียงก็จะเป็น 5:4
ทำให้ชนะอีกฝ่ายได้
ด้วยเหตุนี้นะครับ
เวลาที่เราจะชักจูงผู้อื่นทางการเมืองนะ
มันจะเป็นการฉลาดมากกว่า
ถ้าคุณจะไม่ผลักไสคนอยู่กลางว่าเป็นศัตรูของคุณ
เพราะถ้าคุณผลักไสเขาไปเมื่อไหร่แล้ว
มันก็จะมีความเป็นไปได้ที่เขาจะเข้าอีกฝ้่ง
ทำให้สถานการณ์เป็น 4:5 แทนได้ครับ
------------------------------------------
------------------------------------------
ส่วนตรงนี้พูดกันเรื่องความเป็นจริงหน่อยคือ
............... อำนาจตัดสินมันอยู่ที่ตุลาการ
ไม่ได้อยู่ที่คนหมู่มาก
และตุลาการส่วนใหญ่นี่เป็น Lawful กันหมด
วิธีเดียวที่เขาจะรอดคือ
ผู้พิพากษานั้นเป็น Neutral Good
เช่น Frank Capio
คุณถึงได้ยิ่งไม่ควรถือว่าคน Neutral นั้นเป็นศัตรูครับ
lawful good 在 Facebook 的最讚貼文
หมายเหตุ อันนี้โพสต์บ่น
วันนี้ผมจะมาขอพูดเรื่องผลงานของทมยันตีหน่อยนะครับ
-----------------------------------------------
หลังจาก อ.ทมยันตี เสียชีวิตไปไม่นาน
ก็มีการกล่าวกันเกี่ยวกับผลงานของแกจำนวนมาก
โดยส่วนหนึ่งเป็นการพูดในมุมมองของวัฒนธรรมสมัยใหม่
เสร็จแล้วก็มีคนกลุ่มหนึ่งรีบปีนกำแพงพูดตอนที่ประเด็นยังร้อนอยู่
ประมาณว่า "กูไม่อิน"
แล้วก็ลามไปถึงคนที่บอกว่าเป็นผลงานเลวด้วย
โดยเหตุผลที่ยกมาคือ
ผลงานของทมยันตีนั้น
มีเนื้อหาไปทางเชิดชูอำนาจนิยม
มองการประท้วงของนักศึกษา(สมัยก่อน)เป็นภัยของสังคม
มีทัศนคติชายเป็นใหญ่
และอื่นๆ
ซึ่งผมก็จะบอกว่า ......................
.........................
........
...
..
.
............... ก็ใช่ครับ
คุณพูดถูกต้องแล้ว ..............
...
..
.
............. แต่
ถ้าคุณจะบอกว่า "กูไม่อิน" แล้วจะบอกว่านี่เป็น "ผลงานเลว"
...... คุณพูดผิดแล้วครับ
ถ้าจะให้เจาะจงคือ
ผลงานของเขาเลว .....ในทัศนคติ*ของคุณ* ...... ต่างหาก
----------------------------------------------
เรื่องนี้ผมก็เคยพูดไปหลายรอบในโพสต์เก่าๆแล้วครับว่า
มนุษย์ทุกคนถือสิ่งที่ตนเชื่อว่าเป็น"คุณธรรม"ไม่เหมือนกัน
มันไม่มีสิ่งที่เรียกได้ว่า
ผิดถูกดีเลว
ที่เป็นจริงแบบครอบจักรวาล
มันมีแต่ว่าสิ่งเหล่านั้นผิดถูกดีเลวแค่ไหน
ในเกณฑ์ความเชื่อที่คุณถือว่าเป็นคุณธรรมสำหรับคุณ
-------------------------------
ซึ่งทมยันตีนะเป็นคนรุ่นเก่า
ที่เติบโตและสร้างผลงานมา
ในสังคมที่แนวคิดอำนาจนิยมนั้น
มีอิทธิพลในแนวกว้างของสังคม
จึงเป็นเรื่องธรรมดา
ที่ผลงานในแนวนั้นจะได้รับความนิยม
จนทำให้แกเป็นนักเขียนชื่อดังในสมัยนั้น
แต่ในขณะเดียวกัน
การที่ผลงานของแกจะไม่เป็นที่ยอมรับในกลุ่มคนรุ่นใหม่
ที่มีความเชื่อเสรีนิยมรุนแรงกว่า
ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เช่นกัน
------------------------------------------
ซึ่งเวลาที่คุณจะวิจารณ์งานของคนกลุ่มนี้นะครับ
การที่คุณจะบอกว่า "คุณไม่อิน"
อันนี้เป็นความเห็นที่คุณทำได้
เพราะนั่นเป็นความรู้สึกของคุณที่คุณพึงมี
แต่นี่ไม่ใช่การวิจารณ์ครับ
มันเป็นแค่การออกความรู้สึกส่วนตัว
และคำพูดนั้นมันเป็นตัวแทนความเห็นของคุณคนเดียว
มันไม่ได้เป็นตัวแทนความเห็นของบุคคลอื่นๆด้วยทั้งหมด
ทำให้คำพูดนั้นมันเป็นสิ่งที่มีค่า
แค่กับคนกลุ่มที่มีความเห็นเดียวกันเท่านั้น
มันไม่ได้มีค่ากับคนกลุ่มอื่นที่ถือชุดคุณธรรมคนละกลุ่มกัน
ซึ่งคนกลุ่มอื่นจะบอกว่าฉันชอบผลงานทมยันตี
เขาก็สามารถบอกได้เช่นกัน
เพราะมันเป็นสิทธิของเขา
และคำพูดของเขามันก็เป็นความเห็นของเขา
ที่ไม่ได้จะมาเปลี่ยนความเชื่อหรือความรู้สึกของคุณ
-----------------------------
แต่ถ้าคุณประสงค์จะยกความเห็นของคุณ
ขึ้นเป็นระดับการวิจารณ์
คุณจะต้องมีหลักการมาอธิบายด้วยว่า
ความรู้สึกของคุณนั้นมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
ความเห็นจำพวก
มีเนื้อหาไปทางเชิดชูอำนาจนิยม
มองการประท้วงของนักศึกษา(สมัยก่อน)เป็นภัยของสังคม
มีทัศนคติชายเป็นใหญ่
จึงถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้ได้
....... แต่ ....... คุณต้องอธิบายด้วยว่า
ผลงานแนวนี้เป็นสิ่งที่เลวร้ายบนหลักการไหน
ไม่อย่างนั้นแล้ว
คำพูดของคุณจะเท่ากับเป็นการบอกว่า
ผลงานนั้นเป็นผลงานที่เลวแบบครอบจักรวาล
คำพูดของคุณก็จะกลายเป็น
การยัดเยียดความถูกต้องของตนเองให้คนอื่นไปโดยปริยาย
ซึ่งเมื่อมันเป็นกรณีนั้น
มันก็จะเกิดเป็นการกระทบกระทั่งกัน
กับคนกลุ่มอื่นที่ถือชุดคุณธรรมคนละชุดกับคุณ
นั่นเพราะผลงานเหล่านั้น
มันไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งที่เลว
ในชุดคุณธรรมที่เขายึดถือ
----------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------
ทีนี้นะครับ ก็ขอต่อเรื่องการเมืองกันหน่อย
สมมุติว่าคุณยึดถือในเรื่องๆหนึ่ง
และเรียกร้องจากสังคมว่าคุณต้องได้รับสิ่งนั้นๆ
มันก็จะมีประเด็นอยู่ว่า
คนอีกฝ่ายนั้น ถือว่าสิ่งที่คุณยึดถืออยู่นั้น
เป็นสิ่งที่ยอมรับได้หรือเปล่า
กรณี 1.
ถึงเขาจะไม่ได้เชื่อตาม แต่เขาถือว่ายอมรับได้
กรณี 2.
นอกจากจะไม่เชื่อตามแล้ว ยังถือว่าเป็นภัยที่จะต้องกำจัดด้วย
ซึ่งสมมุติว่ามันเป็นกรณีที่ 1
อันนี้อยู่ในจุดที่การเจรจาสามารถหวังผลให้ประสบผลสำเร็จได้
แต่ถ้ามันเป็นกรณีที่ 2
การเจรจาจะกลายเป็นของไม่มีค่า
เพราะไม่ว่าคุณจะเชื่อว่าสิ่งที่ตนเองยึดถือนั้นจริงแท้แค่ไหนก็ตาม
เขาจะไม่ฟังคุณ และจะลามไปถึงการใช้กำลัง
เพื่อจัดการในสิ่งที่เขาถือว่าเป็นความอยุติธรรมในทัศนคติของเขา
ด้วยเหตุนี้
ก่อนที่คุณจะได้มาในสิ่งที่ประสงค์
คุณจึงต้องใช้มาตรการอื่นเพื่อลดทอนอำนาจของเขาก่อน
และการจะทำอย่างนั้นได้
คุณต้องเลือกวิธีที่เขาไม่สามารถต่อกรด้วยได้
และนั่น
มันไม่ใช่การเจรจาซึ่งหน้า
หรือแค่บอกว่าสิ่งที่คุณทำอยู่นั้นถูกต้อง
เพราะเขาเองก็มีสิทธิที่จะถือว่าคุณนั้นผิด
บนหลักการที่เขายึดถือด้วยเช่นกันครับ
--------------------------------
ถ้าจะพูดเป็นภาษา D&D หน่อยก็คือ
คุณไม่สามารถใช้ Lawful Good หรือ Lawful Neutral
มาปราบ Lawful Evil ได้
เพราะไม่ว่า Lawful Evil จะเลวยังไง
เขาก็ทำมันบนกฎเกณฑ์ที่สาย Lawful เองก็ถือว่าไม่ผิด
คุณต้องใช้ Neutral Good หรือ Chaotic Good
ที่อยู่นอกกฎเกณฑ์นั้นมาปราบเขาครับ
lawful good 在 Milton Goh Blog and Sermon Notes Facebook 的精選貼文
Lord of the Sabbath
“Now on the second Sabbath after the first, he was going through the grain fields. His disciples plucked the heads of grain and ate, rubbing them in their hands. But some of the Pharisees said to them, “Why do you do that which is not lawful to do on the Sabbath day?” Jesus, answering them, said, “Haven’t you read what David did when he was hungry, he, and those who were with him; how he entered into God’s house, and took and ate the show bread, and gave also to those who were with him, which is not lawful to eat except for the priests alone?” He said to them, “The Son of Man is lord of the Sabbath.”” (Luke 6:1-5 WEB)
Why did Jesus allow His disciples to do what was not lawful on a Sabbath day?
We must understand why He—the Lord of the Sabbath, gave the Sabbath.
It was supposed to be a day for man to enjoy rest from his work.
The Pharisees did not see the good intention of God. They keep laws for the sake of doing it, and they value the laws more than mankind’s welfare. They have religiosity and legalism, with no love or compassion.
Jesus is the same God who allowed David and his men to eat the holy show bread without striking them dead.
We can see that God’s intention is to take good care of us. He is a loving God—not one who seeks to enslave mankind with burdensome laws.
Let us have a heart like Jesus, to prioritize the things that truly matter. Everything God does is for mankind’s good!
The four gospels are full of beautiful revelations that will benefit you in every sphere of life. Understand them through the lens of Grace and see God’s heart of love for you: https://bit.ly/understandeveryparable