SM Entertainment เผย เตรียมนำนักร้องใน aespa มาทำเป็นวงเสมือนจริง เพื่อแฟน ๆ ได้ใกล้ชิดมากขึ้น
SM Entertainment เผย เตรียมนำนักร้องใน aespa มาทำเป็นวงเสมือนจริง เพื่อแฟน ๆ ได้ใกล้ชิดมากขึ้น
.
Lee Soo Man ประธาน SM Entertainment ประกาศแผนการใหม่เกี่ยวกับวงเกิร์ลกรุปเกาหลีใต้ aespa ว่าจะเตรียมนำนักร้อง K-Pop ในกลุ่มดังกล่าว มาทำเป็นตัวละครเสมือนจริง เพื่อสร้างวง K-Pop นำเสนอเป็นตัวละครสมมุติคล้าย Vocaloid โดยตัวตนจริงยังคงทำกิจกรรมร้องเพลงตามปกติ
.
SM Entertainment และ Lee Soo Man ได้รับเชิญไปพูดสัมภาษณ์ใน 2020 WCIF (World Cultural Industry Forum) ซึ่ง Lee Soo Man เปิดเผยโปรเจกต์ใหม่เกี่ยวกับวง aespa ว่ามีแผนนำสมาชิกนักร้องในสังกัดเช่น Winter กับ Karina มาทำเป็นตัวละครสมมุติ เพื่อพวกเธอสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ บนโลกดิจิทัล
.
Lee Soo Man กล่าวว่าไอเดียการสร้าง aespa นั้น มีจุดประสงค์ต้องการให้แฟน ๆ สามารถใกล้ชิดกับศิลปินนักร้องในสังกัดมากยิ่งขึ้น แม้ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับวงการบันเทิง แต่ภายหลังเขาตัดสินใจสร้างโปรเจกต์นี้ขึ้นมา เพราะเชื่อมั่นว่าเซเลบกับตัวละครเสมือนจริงสามารถรวมเข้าด้วยกัน แล้วได้รับการสนับสนุนจนกลายเป็นไอเดียปฏิวัติวงการบันเทิงในเกาหลีใต้
.
วิดีโอสาธิต 'MY,KARINA' : https://twitter.com/aespa_offici…/status/1321285564180566016
.
Lee Soo Man กล่าวว่าขณะที่สมาชิกนักร้องในสังกัดยังคงมีการร้องเพลง และแสดงสดในชีวิตจริง แต่สมาชิกเสมือนจริงจะมีกิจกรรมแยกต่างหากของตนเองในรูปแบบดิจิทัล
.
อย่างไรก็ตาม SM Entertainment ยังไม่สามารถเปิดเผยว่าขั้นตอนการสร้างโปรเจกต์นี้ได้ดำเนินไปถึงไหนแล้ว จนถึงตอนนั้น ถ้าหากบริษัทมีการอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติม ทางทีมงานจะรายงานกันต่อไป
.
ที่มา: https://www.koreaboo.com/…/aespa-x-vocaloid-sm-entertainme…/
.
#GamingDose
SM Entertainment reveals to bring singers in aespa to become a virtual reality band for fans to become closer.
.
Lee Soo Soo Man, Chairman SM Entertainment announces new plans for South Korea's Gurl, aespa to bring K-Pop singer in such a group to create a virtual reality character to create a K-Pop character as a vocaloid character. The real ones still doing the singing activities as usual
.
SM Entertainment and Lee Soo Man invited to interview in 2020 WCIF (World Cultural Industry Forum), Lee Soo Man reveals new project about Aespa that plans to lead vocal members of the group, including Winter and Karina to make a character. Supposedly so that you can do any digital world activities.
.
Lee Soo Man said that the idea of creating aespa was intended for fans to be closer to the artist, vocalist, even at first he thought it was impossible for the entertainment industry, but later he decided to create this project because he was convinced that Saleb. With virtual characters, they can be combined. Backed up to become a revolutionary idea of entertainment industry in South Korea.
.
'MY, KARINA' Demo Video: https://twitter.com/aespa_official/status/1321285564180566016
.
Lee Soo Man says that while the vocalist members are still singing and performing live in real life, but virtual members have their own separate activities in digital form.
.
However, SM Entertainment can't reveal how the process of building this project has progressed until then. If the company has updated more information, the team will continue to report.
.
Source: https://www.koreaboo.com/news/aespa-x-vocaloid-sm-entertainment-new-girl-group-will-combine-real-avatar-members/
.
#GamingDoseTranslated
how do you do กับ how are you doing 在 โปรแกรมเมอร์ไทย Thai programmer Facebook 的最讚貼文
🔥👍 การันตีได้ว่าทุกคนเป็นเหมือนกันหมด
เวลานั่งแก้ปัญหาอะไรตั้งนาน
แบบคิดจนสมองจะระเบิด ก็คิดไม่ออกซะที
เช่น การเขียนโปรแกรม แล้วติดบั๊ก ติด error
.
แต่พอเราลืมเรื่องนั้นไปซะ!
เปลี่ยนไปอาบน้ำ ดูทีวี เดินเล่นสวีตกับแฟน
อยู่ดีๆ ดันปิ๊งแว็บคิดแก้ปัญหานั้นออกมาได้ซะงั้น
:
:
จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เป็นโรคนี้
คนทั่วโลกก็เป็นเช่นเดียวกับคุณ
:
ถ้าเราจะเข้าใจอาการพวกนี้
ต้องใช้วิทยาศาสตร์ด้านสมองมาอธิบายโดยตรง
ตามทฤษฏี สมองมนุษย์มีการเรียนรู้อยู่ 2 โหมด ได้แก่
"โหมดเซียน" กับ "โหมด 9 หาง"
...อ้าวผิดเรื่อง ...อันนั้นมัน นารูโตะ
.
การเรียนรู้สมองมี 2 โหมดได้แก่
👉 1) โหมด FOCUSED
เป็นโหมดของสมองที่กำลังโฟกัส
หรือมีสมาธิเพื่อคิดทำบางสิ่งบางอย่างอยู่
โหมดนี้ สมองจะใช้แนวทางเดิมๆ เพื่อแก้ปัญหา
ทำให้เรามุ่งมั่นหาทางแก้ปัญา หรือพยายามค้นหาปัญหาให้ได้โดยไว
.
😀 ข้อดี ทำให้เรามีสมาธิ มุ่งที่จะบรรลุงานนั้นๆ ให้สำเสร็จโดยไว
เช่น กำลังเขียนโปรแกรมอยู่ ต้องโฟกัส จดจ่อเพื่อให้งานเสร็จ
.
😱 ข้อเสีย จะเกิดการวนลูปทางความคิด
เช่น ตอนเจอบั๊กในโปรแกรม
เราก็จะวนลูป ใช้วิธีเดิมแก้ไปหาซ้ำๆ อยู่นั้นแหละ
พยายามกดคีย์บอร์ดด้วยวิธีการเดิมๆ
จนนิ้วจะแทงทะลุแป้นพิมพ์อยู่แล้ว
ก็แก้บั๊กไม่ได้เสียที ...จนอยากร้องไห้
.
ที่เป็นเยี่ยงนี้ก็เพราะสมองไม่ยอมมองหาทางออก
ไม่ออกจากกรอบคิดแบบเดิมๆ นั่นเองครับ
นับเป็นข้อเสียของสมองโหมดนี้
.
👉 2) โหมดที่สองคือ โหมด DIFFUSED
เป็นโหมดของสมองที่กำลังคิด
เมื่ออยู่ในภาวะผ่อนคลาย หรือพักผ่อน
เช่นตอนที่เราเดินเล่น ขับรถ ฟังเพลง อาบน้ำ เข้าส้วม หรือกระทั่งนอนหลับ ฯลฯ เป็นต้น
.
ถ้านึกไม่ออก ก็นึกถึงตอนที่เราติดปัญหาอะไรซะอย่าง
พอหัวเราจะแตะถึงหมอนอยู่แล้ว ดันคิดออกมาได้เฉยเลย
หรือบ่อยครั้งที่นอนหลับไป
พอตื่นขึ้นมาหา ไอเดียแก้ปัญหาดันปิ้งแว็บออกมา
.
😀 ข้อดี โหมดนี้เอาไว้ใช้แก้ปัญหาที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน หรือยากที่จะเข้าใจ
สามารถใช้คิดพวกไอเดีย หรือคอนเซ็ป ความคิดสร้างสรรค์แปลกๆ ใหม่ๆ ทำให้เราคิดนอกกรอบเดิมได้
.
เช่น ช่วยหาทางแก้บั๊กในโปรแกรม
ในมุมหนึ่งที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน
ช่วยให้แหกกฏเกณฑ์เดิมที่เราติดปัญหาอยู่ได้
.
😱 ข้อเสีย โหมดนี้มันทำงานเมื่อเราผ่อนคลาย
เช่น โปรแกรมเมอร์ตอนกลางวัน
แก้บั๊กแทบตายทั้งวัน แก้ไม่ได้สักที
พอเลิกงานกลับบ้านปุ๊บ
กำลังจะงีบหลับ ดันคิดออกมาได้ ...โธ่ชีวิต
.
หรือบางคนมีสกิลพิเศษ แก้บั๊กในความฝันได้
จนต้องสะดุ้งตื่น
จากโปรแกรมเมอร์ กลายร่างเป็นนกฮูก
ไม่ยอมหลับยอมนอน เขียนโปรแกรมจนเสร็จ
:
:
+++++++++++++++++++
ถ้าเราเข้าใจคอนเซปต์ของสมอง 2 โหมดนี้ละก็
- ตอนแก้ปัญหาไม่ออกก็สลับไปใช้ โหมด DIFFUSED ซะ
- เมื่อได้ไอเดียมาแล้ว ก็สลับไปใช้โหมด FOCUSED ต่อ
:
แต่ทั้งนี้เราต้องเข้าใจเสียก่อนว่า
มนุษย์โลกทุกคนไม่สามารถใช้ 2 โหมดนี้ได้พร้อมกัน ...เศร้า
ต้องเลือกระหว่างโหมด FOCUSED หรือโหมด DIFFUSED
เลือกให้ทำงานโหมดใดโหมดหนึ่งเท่านั้น
:
ดังนั้นเราต้องหัดสลับสมอง 2 โหมดให้เป็นนะครับ
:
ซึ่งวิธีสลับโหมดของสมอง
มันมีประโยชน์ตอนทำงาน
หรือจะตอนอ่านหนังสือสอบก็ได้
.
วิธีสลับโหมด ผมขอเสนอ 2 วิธีแล้วกัน
👉 1) ใช้เทคนิคคือ "Pomodoro Technique"
คือให้ทำงานไป 25 นาที (โหมด FOCUSED)
แล้วผ่อนคลายอีก 5 นาที (DIFFUSED)
.
แต่วิธีนี้อาจไม่เหมาะ ตอนเอาไปใช้ในทำงานจริงเท่าไร
...เพราะถ้าหัวหน้างานเห็นเราทำแบบนี้
คงคิดว่าเราอู้งาน ทำไป หยุดไป
เราอาจดัดแปลง ทำไปได้สักชั่วโมง สองชั่วโมง
เมื่อสมองล้า ก็พักเบรกเสียบ้าง จิบกลางแฟ แชทคุยกับแฟน
เล่นเกมคลายเครียด เดินยืดเส้นยือดสาย เข้าไปนั่งในส้วมเล่นๆ
ทำสัก 5-10 นาที พอ
...แต่ทั้งนี้หัวหน้างานต้องเข้าใจนะ ว่าเรากำลังผ่อนคลาย
...เป็นเทคนิคการคิดงานโดยใช้สมองโหมด DIFFUSED
.
👉 2) หรือเราจะปล่อยให้คิดงานทั้งวันไปเลย
แล้วถ้าพระอาทิตย์ตกดิน ยังคิดไม่ออกละก็
อย่าไปซีเรียส ให้กลับบ้านเข้านอนโดยไว
เพื่อให้สมองเข้าสู่โหมด DIFFUSED โดยธรรมชาติ
เป็นการรีเซทความคิดใหม่ พอตื่นขึ้นมาสมองโล่งคิดออก
รุ่งเช้าค่อยกลับมาเข้าโหมด FOCUSED เพื่อทำงานต่อไป
:
:
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์
ถ้าชอบกระทืบ like ....มันชอบอย่าด่ากันเยอะมันเจ็บ
เขียน โดยโปรแกรมเมอร์ไทย thai programmer
.
++++
อ้างอิง
https://staciechoice1010.wordpress.com/…/focused-vs-diffus…/
https://www.themetalearners.com/how-to-utilize-both-brains…/
https://www.instructables.com/id/Learning-How-to-Learn/
.
.
.
.
++++++++++++++++++++++++++++
<ประชาสัมพันธ์ ขายหนังสือ/>
“โปรแกรมเมอร์ก็รวยได้ ด้วยเส้นทางเอาท์ซอร์สสายดำ”
ความยาว 176 หน้า กระดาษ A5 (≈ 41,002 คำ)
แบ่งเป็น 2 เวอร์ชั่น
.
👉 1) เวอร์ชั่นพิเศษเป็น PDF
ปรินต์ออกมานอนเกาพุงอ่านได้ ราคา 330 ฿
ติดต่อสั่งซื้อไดที่ไลน์ @269aibvq (เฉพาะ PDF)
.
👉 2) เวอร์ชั่นอีบุ๊กอ่านผ่านโปรแกรมของเว็บ mebmarket
ไม่มีแจก PDF ปรินต์ออกมาไม่ได้
ราคาถูกลงมาหน่อย 250 บาท ฿
กับ 279 บาท ฿ (ซื้อผ่านระบบ Apple)
ซื้อได้ที่ 👇
https://www.mebmarket.com/web/index.php…
.
สำหรับตัวอย่างหนังสือ ดาวน์โหลดได้ตามลิงก์ข้างล่าง 👇
https://drive.google.com/open…
.
✍ เขียนโดย โปรแกรมเมอร์ไทย thai programmer
🔥👍 Guarantee that everyone is the same.
When I sit to solve something for a long time.
I can't even think about it. My brain explodes.
For example, programming and getting hooked on error.
.
But when we forget about it!
Changed to take shower, watch tv, walk in sweat with my girlfriend.
I suddenly think that I can solve that problem.
:
:
To say this is not strange at all
Not you the only one who has this disease
People around the world are just like you.
:
If only we would understand these symptoms
It takes brain science to explain directly.
In theory, the human brain has 2 modes of learning.
′′ Sienna mode ′′ and ′′ 9 tail mode ′′
... Oh, it's wrong... That one is Naruto.
.
There are 2 modes of brain learning.
👉 1) FOCUSED mode
It's a mode of the brain that is focused.
Or concentrate on thinking about doing something.
This mode, the brain will use the same old way to solve problems.
Make us determined, find a solution, or try to find the problem quickly.
.
😀 Advantages make us concentrate on achieving those tasks quickly.
For example, programming, focus to get the job done.
.
😱 Disadvantages will be a thought loop.
Like when I found a buck in the program.
We are going to loop the same way. We are going to find it again.
Trying to press keyboard the same old way
My fingers are going to penetrate through the keyboard.
I can't fix my buck... I want to cry.
.
The reason I'm like this is because my brain doesn't want to look for a way out.
I don't leave the frame. I think the same way.
It's a disadvantage of brain mode.
.
👉 2) Second mode is DIFFUSED mode.
Is a mode of thinking brain
When resting or resting
For example, when we walk, drive, listen to music, shower, toilet or even sleep etc etc.
.
If I can't imagine, I think of when I'm in trouble.
When my head hits the pillow, I just think about it.
Or often sleep over.
When I wake up, I find an idea to solve problems. I push them out.
.
😀 This mode of advantages to solve problems you have never seen before or difficult to understand.
Can be used to think about ideas or concepts of innovative innovations. It makes us think outside the same box.
.
For example, help figure out a way to fix a bug in the program.
In a corner I never thought of before.
Help to break the same rules we are in trouble.
.
😱 Disadvantage. This mode works when we relax.
Such as a daytime programmer
I can't fix a buck all day. I can't fix it.
When I finish work, I go home.
About to take a nap. I figured it out... Oh life.
.
Or someone has special skills to fix the buck in their dreams.
Until I start to wake up.
From a programmer to an owl.
I don't want to sleep. Programming is done.
:
:
+++++++++++++++++++
If we understand these 2 modes of brain concepts.
- When I can't solve problems, I switch to DIFFUSED mode.
- When I get an idea, I switch to FOCUSED mode.
:
But we have to understand first.
All human worlds can't use these 2 modes simultaneously... Sad
Must choose between FOCUSED mode or DIFFUSED mode.
Choose to work in one mode only.
:
So we need to learn to switch brain 2 modes to be.
:
Which way to switch mode of brain
It's useful while working.
Or when I read the exam book.
.
How to switch mode. I would like to offer 2 ways.
👉 1) Technique is ′′ Pomodoro Technique ′′
Well, let's work for 25 minutes (FOCUSED mode)
Then relax for 5 mins (DIFFUSED)
.
But this method may not be suitable when you use it for real work.
... Because if the supervisor sees us doing this.
I guess I'm ooh. My work is done. Stop it.
We could be modified for an hour or two.
When my brain is tired, I take a break. Sip in the middle of a coffee chat with my boyfriend.
Playing games, relaxing, walking, stretching, hanging out, sitting in the toilet for fun.
Do it for 5-10 minutes. Enough.
... But the supervisor needs to understand that we are relaxing.
... It's a brain-thinking technique. DIFFUSED mode.
.
👉 2) or we'll let it think about work all day.
What if the sunset hasn't figured out yet?
Don't be serious. Go home. Get bed early.
In order to get the brain into DIFFUSED mode naturally.
It's a reset of new thoughts. When I wake up, my brain is clear.
Come back to FOCUSED mode in the morning to work.
:
:
Hope this article is helpful.
If you like to stomp like.... you like it. Don't scold too much. It hurts.
Written by Thai programmer thai coder
.
++++
Reference.
https://staciechoice1010.wordpress.com/2014/08/08/focused-vs-diffused-mode/
https://www.themetalearners.com/how-to-utilize-both-brains-thinking-modes-focused-vs-diffuse/
https://www.instructables.com/id/Learning-How-to-Learn/
.
.
.
.
++++++++++++++++++++++++++++
< Public relations book sale />
′′ Programmers can also be rich with black outsource routes
Length 176 pages h̄n̂ā paper (≈ 41,002 words)
Divided into 2 versions
.
👉 1) Special version as PDF
Princess came out to sleep and scratch my belly. Read it. Price is 330 ฿
Contact Line s̄ạ̀ng sụ̄̂x 269 aibvq (PDF only)
.
👉 2) Ebook version read through the program of mebmarket web.
There is no PDF giving away. Can't print.
The price is cheaper. 250 baht ฿
With 279 Baht ฿ (Buying via Apple System)
Buy it at 👇
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTcyNTQ4MyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEzMTQxMiI7fQ
.
For the book preview, download the link below 👇
https://drive.google.com/open?id=1tAnMozeYd63dcbBGTQmT_ZrpSaamZS3e
.
✍ Written by Thai programmer thai coderTranslated
how do you do กับ how are you doing 在 Vikrom วิกรม Facebook 的最佳貼文
เป็นเรื่องคนมีนำ้ใจกับบิล เกตส์ ตอนที่เขายังจน........
มีคนถามคำถาม บิล เกตส์
ยังมีใครอีกไหมที่ร่ำรวยมากไปกว่าคุณในโลกใบนี้?
ขอบคุณ(Thank you)
Source : Sarcasm
Story : Bill Gates
Translator : Pariya Netrawichien
Edit Thai : เปลี่ยนชีวิต กับ ไผ่ไซโค
สำหรับคนที่อยากเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพิ่มเติม
Back when Bill Gates was the richest man in the world…
ย้อนกลับไปตอนที่ บิล เกตส์ เป็นคนที่รวยที่สุดในโลก...
Someone asked him..
มีคนหนึ่งถามเขา...
“Is there anyone richer than you in the world?”
“ยังมีใครอีกไหมที่ร่ำรวยมากไปกว่าคุณในโลกใบนี้?”
Bill Gates replied…
บิล เกตส์ ได้ตอบกลับไป...
“Yes, there is a person who is richer than me.”
“ใช่ ยังมีคนที่ร่ำรวยมากกว่าผมอีก”
“It was during the time when I wasn’t rich or famous.”
“มันเป็นช่วงเวลาตอนที่ผมนั้นยังไม่ร่ำรวย หรือ มีชื่อเสียงเลย”
“I was at the New York Airport when I saw a newspaper vendor.”
“ผมอยู่ที่สนามบินที่นิวยอร์ก เมื่อผมเห็นคนขายหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง”
“I wanted to buy one newspaper but found that I didn’t have enough change.”
“ผมต้องการซื้อหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับ แต่ตอนนั้นผมมีเงินไม่พอ”
“So, I left the idea of buying and returned it to the vendor.”
“ดังนั้น ผมจึงเปลี่ยนใจที่จะซื้อและคืนมันให้กับคนขายหนังสือพิมพ์”
“I told him of not having the change.”
“ผมบอกเขาว่าผมไม่มีเงินที่จะซื้อ”
“The vendor said, ‘ I am giving you this for free.’ On this insistence I took the newspaper.”
“คนขายหนังสือพิมพ์ พูดว่า ผมให้ฟรี เพราะเขายืนยันขนาดนั้นผมจึงรับหนังสือพิมพ์มา”
“Coincidently, after two to three months…”
“ด้วยความบังเอิญ หลังจากสองถึงสามเดือน…”
“I landed at the same airport and again I was short of change for a newspaper.”
“ผมได้ลงจอดที่สนามบินเดียวกันนั้น และก็อีกครั้ง ผมมีเงินไม่พอที่จะซื้อหนังสือพิมพ์”
“The vendor offers me the newspaper again.”
“คนขายหนังสือพิมพ์ก็ให้หนังสือพิมพ์กับผมอีกครั้ง”
“I refused and said that I can’t take it as I don’t have change today too.”
“ผมปฏิเสธ และพูดว่า ผมไม่สามารถที่จะรับมัน เพราะวันนี้ผมมีเงินไม่พอเหมือนกัน”
“He said, ‘You can take it, I am sharing this from my profit, I won’t be at loss.’”
“เขาบอกว่า คุณเอามันไปได้เลย ผมแบ่งสิ่งนี้ให้จากกำไรของผม ผมจะไม่ขาดทุน.”
“I took the newspaper.”
“ผมรับหนังสือพิมพ์นั้น”
“After 19 years, I became famous and known by people.”
“หลังจากนั้น 19 ปี ผมกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของผู้คน”
“Suddenly I remembered that vendor.”
“ทันใดนั้น ผมได้นึกคนขายหนังสือพิมพ์คนนั้น”
“I began searching for him and after about 1 and half months of searching, I found him.”
“ผมเริ่มต้นที่จะเสาะแสวงหาเขา และหลังจากการค้นหานั้น ราวหนึ่งเดือนครื่ง ผมก็ได้พบเขา”
“I asked him, ‘Do you know me?’”
“ผมถามเขาว่า คุณรู้จักผมไหม?”
“He said, ‘Yes, you are Bill Gates.’”
“เขาบอกว่า รู้สิ คุณคือบิล เกตส์”
“I asked him again, ‘Do you remember once you gave me a newspaper for free?’”
“ผมถามเขาอีกครั้ง คุณจำได้ไหมว่าครั้งหนึ่งคุณเคยได้ให้หนังสือพิมพ์กับผมโดยไม่คิดเงิน?”
“The vendor said, ‘Yes, I remember. I gave you twice.’”
“คนขายหนังสือพิมพ์ พูดว่า ใช่ ผมจำได้ ผมได้ให้คุณไปสองครั้ง”
“I said, ‘I want to repay the help you had offered me that time.’”
“ผมพูดว่า ผมต้องการที่จะจ่ายคืนให้กับคุณ ที่คุณได้ช่วยเหลือผมในช่วงเวลานั้น”
“whatever you want in your life, tell me… I shall fulfil it.”
“อะไรก็ตามที่คุณต้องการในชีวิตคุณ บอกผม... ผมจะทำให้อย่างที่คุณต้องการ.”
“The vendor said, ’Sir, don’t you think that by doing so you won’t be able to match my help?’”
“คนขายหนังสือพิมพ์ พูดว่า คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าการทำแบบนั้นมันไม่สามารถที่จะทดแทนได้อย่างเทียบเท่าสิ่งที่ผมได้เคยช่วยคุณไว้
“I asked, ‘Why?’”
“ผมถามว่า ทำไมล่ะ?”
“He said, ‘I had helped you when I was a poor newspaper vendor and you are trying to help me now…’”
“เขาพูดว่า ผมได้ช่วยเหลือคุณตอนที่ผมเป็นคนขายหนังสือพิมพ์ที่ยากจน และคุณพยายามที่จะช่วยเหลือผมในตอนนี้”
“‘When you have become the richest man in the world, how can your help match mine?’”
“ตอนที่คุณได้กลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ความช่วยเหลือของคุณจะทดแทนได้อย่างเทียบเท่ากับที่ผมได้เคยช่วยคุณไว้ได้อย่างไร?”
“That day I realized that the newspaper vendor is richer than I am.”
“ในวันนั้น ผมตระหนักได้ว่าคนขายหนังสือพิมพ์คนนั้นคือคนที่ร่ำรวยกว่าผม”
“Because he didn’t wait to become rich to help someone.”
“เพราะว่า เขาไม่รอที่จะกลายเป็นคนที่รวยแล้วค่อยช่วยคนอื่น”
“People need to understand that the truly rich are those who possess a rich heart rather than lots of money.”
“ผู้คนต้องทำความเข้าใจว่า ความร่ำรวยที่แท้จริง คือคนที่มีหัวใจที่ร่ำรวยไม่ใช่คนที่มีเงินทองที่มากมาย
Kindness makes you the most beautiful person in the world, no matter what you look like.
ความมีน้ำใจ ทำให้คุณเป็นคนที่งดงามที่สุดในโลก ไม่ว่าคุณนั้นจะเป็นอย่างไร.