ประชาชนที่รัก
โคโรน่าไวรัสได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปอย่างมาก ความเข้าใจในสภาวะปกติของชีวิตประจำวัน ของการอยู่ร่วมกันในสังคม กำลังถูกทดสอบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พวกท่านนับล้านคนไปทำงานไมไ่ด้ ลูกหลานไปโรงเรียนหรือสถานอนุบาลไม่ได้ โรงภาพยนตร์ โรงละคร และร้านค้าต่างปิดตัวไป และสิ่งที่อาจจะลำบากยากเย็นที่สุดคือ เราจะไม่ได้พบหน้ากันอย่างที่ควรจะเป็นตามปกติ
แน่นอนว่า ในสถานการณ์แบบนี้ เราทุกคนล้วนกังวลสงสัยว่า "จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป"
ข้าพเจ้าจึงได้มาพบกับทุกท่านในวันนี้ เพราะข้าพเจ้าประสงค์จะบอกกล่าวต่อท่านว่า
ในฐานะสมุหนายก และเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าทุกคนในรัฐบาลสหพันธรัฐ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้
นี่คือส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยที่เปิดกว้างของเรา
ที่เราจะทำให้การตัดสินใจทางการเมืองโปร่งใส และอธิบายต่อประชาชน
ว่าเราจะสร้างการสื่อสารการลงมือทำของเราให้ดีที่สุดสุดกำลังของเรา
ให้ทุกท่านได้เป็นส่วนหนึ่ง มีความสัมพันธ์ร่วมกัน
ข้าพเจ้ามั่นใจอย่างหนักแน่นว่า เราจะจัดการงานครั้งนี้ได้สำเร็จ
หากประชาชนทุกคน มองว่าเป็นหน้าที่ร่วมกันของพวกเรา
ดังนั้น ขอให้ข้าพเจ้ากล่าวย้ำอีกครั้งว่า
"นี่เป็นเรื่องจริงจัง โปรดได้เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้เช่นกัน"
นับแต่การรวมชาติเยอรมัน ไม่สิ นับแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
ไม่เคยมีความท้าทายใดจะคุกคามประเทศของเราได้มากขนาดนี้
ซึ่งทำให้เราต้องร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง
ข้าพเจ้าขออธิบายสถานการณ์ของโรคระบาดในประเทศของเราในปัจจุบัน
และสิ่งที่รัฐบาลสหพันธ์และรัฐบาลแห่งแคว้นได้กำลังลงมือทำอยู่
เพื่อปกป้องทุกคนในชุมชนของเรา
เพื่อลดความเสียหายที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
แต่ข้าพเจ้าก็ยังอยากจะบอกต่อท่านถึงเหตุผล ว่าทำไมความช่วยเหลือของท่านจึงจำเป็น และบอกถึงสิ่งที่ทุกคนสามารถช่วยเหลือกันได้ในยามโรคระบาดเช่นนี้
ข้อมูลของข้าพเจ้าได้มาจากคำปรึกษาของรัฐบาลกลาง ร่วมกับสถาบันโรแบร์ต คอช นักวิทยาศาสตร์และนักไวรัสวิทยา
การวิจัยอย่างเข้มข้นกำลังดำเนินไปทั่วโลก แต่ในตอนนี้ยังไม่มีวิธีรักษาหรือวัคซีนที่จะต่อสู้กับโคโรน่าไวรัสนี้ได้ ดังนั้น ตราบที่ยังเป็นอย่างนี้ สิ่งเดียวที่ทำได้ และเป็นแนวทางปฏิบัติของพวกเราทั้งหมด คือ
"การชะลอการระบาดของไวรัส"
เพื่อถ่วงเวลาให้ยาวนานข้ามวันเดือน และเอาชนะด้วยเวลา
เวลาที่วิทยาศาสตร์จะพัฒนายาและวัคซีน
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลา
เวลาที่จะให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาและหายดีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เยอรมนีมีระบบการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม อาจจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ดีที่สุดในโลก
ซึ่งนำความเชื่อมั่นมาให้เรา
แต่เมื่อโรงพยาบาลของเราเต็มล้น
หากในระยะเวลาอันสั้น ผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมากเกินไป
ผู้ป่วยที่ติดเชื้ออย่างรุนแรง
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงตัวเลขสถิติ
แต่คือคุณพ่อ คุณปู่ คุณตา
คุณแม่ คุณย่า คุณยาย
คนรักของเรา
พวกเขาคือผู้คน
และเราคือชุมชนที่อยู่ร่วมกัน
ซึ่งทุกชีวิต ทุกคน มีคุณค่า มีความหมาย
ในโอกาสนี้ อันดับแรก ข้าพเจ้าอยากจะขอกล่าวถึง
เหล่าแพทย์ พยาบาล ผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลและบุคลากรที่ทำงานสาธารณสุขทุกท่าน ผู้ยืนอยู่ในแนวหน้า พวกท่านได้พบกับผู้ป่วย พบความรุนแรงของการติดเชื้อ และเช้าวันรุ่งขึ้น พวกท่านก็ยังต้องไปทำงานอีก
สำหรับผู้คนแล้ว สิ่งที่ท่านทำนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ข้าำเจ้าขอขอบพระคุณจากใจจริง
เป้าหมายของเราคือ การถ่วงเวลาที่ไวรัสจะแพร่กระจายไปทั่วเยอรมนี
เราจึงจำเป็นต้องลดการใช้ชีวิตนอกบ้านให้มากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล ให้ประเทศของเราดำเนินงานต่อไปได้
ทรัพยากรในการดำรงชีพ ต้องรับประกันว่าจะมีเพียงพอ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเป็นไปตามปกติให้มากที่สุด
แต่สิ่งใดที่จะเป็นภัยต่อผู้คนจำนวนมาก สิ่งที่จะก่อความเสียหายต่อบุคคลหรือชุมชน เราต้องลดลงตั้งแต่บัดนี้ เราต้องลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้ผู้อื่นให้เหลือน้อยที่สุด
ข้าพเจ้าทราบดีว่า มาตรการนี้ยากลำบากเพียงใด ไม่มีงานกิจกรรม ไม่มีงานออกร้านค้าขาย ไม่มีคอนเสิร์ต และในตอนนี้ ไม่มีการไปโรงเรียน ไม่มีการไปมหาวิทยาลัย ไม่มีการไปสถานอนุบาล ไม่มีการละเล่นในสนามเด็กเล่น ข้าพเจ้าทราบว่าการปิดทุกอย่างดังกล่าวมา ซึ่งรัฐบาลกลางและรัฐบาลแคว้นเห็นพ้องต้องกัน นั้นได้แทรกแซงชีวิตและความเป็นประชาธิปไตยของเรา
เป็นการจำกัดเสรีภาพอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในสาธารณรัฐของเรา
แต่ข้าพเจ้าขอยืนยันกับท่านทั้งหลายว่า
สำหรับข้าพเจ้าที่ได้ต่อสู้อย่างหนักหน่วงมายาวนาน เพื่อให้ได้เสรีภาพในการเดินทางและเคลื่อนย้ายถิ่นที่อยู่
การจำกัดสิทธินี้เป็นเพียงมาตรการในสถานการณ์จำเพาะอย่างยิ่ง
ในระบอบประชาธิปไตยที่เราไม่พึงกระทำการตามอำเภอใจ
และจะเป็นเพียงระยะเวลาชั่วคราวเท่านั้น
เพราะในเวลานี้ เป็นวิธีที่ขาดไม่ได้ในการรักษาชีวิตคน
ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ การตรวจคนเข้าเมืองบริเวณพรมแดนและการจำกัดการเข้าเมืองจะมีผลบังคับใช้
สำหรับทางด้านเศรษฐกิจ บริษัทใหญ่และเล็ก ร้านค้า ร้านอาหาร คนทำงานอิสระ เป็นเรื่องยากลำบากที่จะดำเนินการต่อไป และในสัปดาห์หน้า จะยิ่งลำบากมากยิ่งขึ้น
ข้าพเจ้าขอรับรองว่า รัฐบาลของเราจะทำงานอย่างสุดกำลังเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรักษาตำแหน่งงาน
เราสามารถและจะใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อช่วยเหลือธุรกิจและคนทำงานในการทดสอบที่ยากลำบากนี้ และทุกคนจะมีอาหารอย่างเพียงพอในทุกเวลา หากชั้นวางสินค้าว่างเปล่าลง จะถูกเติมให้เต็ม
สำหรับผู้ที่กำลังซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า การเก็บตุนเสบียงเป็นเรื่องสำคัญ แต่การกักตุนไว้เป็นจำนวนมากนั้นไม่พึงเกิดขึ้น การกักตุนเกินต้องการนั้นไร้ประโยชน์ และเป็นสิ่งแสดงถึงการขาดจิตสำนึกร่วมอย่างร้ายแรง
และข้าพเจ้าขอขอบพระคุณ เหล่าบุคคลที่ได้รับคำขอบคุณน้อยครั้งนัก
เหล่าผู้ที่นั่งอยู่หลังเครื่องเก็บเงินของร้านค้า
เหล่าผู้ที่เติมสินค้าให้ชั้นวางของ
พวกท่านได้ทำงานที่สำคัญและยากลำบากที่สุดงานหนึ่งในเวลานี้
ขอขอบพระคุณประชาชนทุกท่านที่ทำงานให้ร้านค้าทั้งหลายยังเปิดอยู่ได้
ต่อจากนี้เป็นเรื่องด่วนที่สุดสำหรับข้าพเจ้า
มาตรการทั้งหมดที่รัฐบาลดำเนินการ ล้วนมีจุดประสงค์
หากเราไม่ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัส คือพวกเราทุกคน
เราทุกคนสามารถติดเชื้อไวรัสได้อย่างเท่าเทียมไม่แตกต่างกัน
ดังนั้นเราต้องช่วยกัน
อันดับแรก เราจึงต้องจริงจัง แต่ไม่ตื่นตระหนก
ไม่โทษกันเองว่าไม่ทำตามบทบาท เพราะทุกคนนั้นขาดไปไม่ได้
ทุกคนล้วนสำคัญ ต้องอาศัยความพยายามของพวกเราทุกคนไปพร้อมกัน
โรคระบาดครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่า เราอ่อนแอเปราะบางแค่ไหน
เราต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นมากเพียงใด
แต่ก็เป็นโอกาสให้เราป้องกันตัวเองและคุ้มครองผู้อื่น สร้างความเข้มแข็งร่วมกัน ทุกคนมีความสำคัญ
เราต้องไม่ถูกประณามว่ารับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างเฉื่อยชา เรามีวิธีแก้ไขรักษา แม้เราจะต้องเว้นระยะห่างระหว่างกัน
ข้อแนะนำของนักไวรัสวิทยานั้นชัดเจน
ไม่จับมือ
ล้างทำความสะอาดมืออย่างสม่ำเสมอ
อยู่ห่างกันอย่างน้อย 1.5 เมตร
งดเว้นการติดต่อกับผู้อาวุโส เพราะพวกท่านมีความเสี่ยงสูงสุด
ข้าพเจ้าทราบดีว่ามาตรการดังกล่าวนั้นยากลำบากยิ่งนัก
โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่กดดน เรายิ่งอยากอยู่ร่วมกันใกล้ชิด
อยากดูแลกันอย่างชิดใกล้
แต่ในเวลานี้ น่าเสียดายที่การทำตรงกันข้ามเป็นสิ่งที่ถูกต้องกว่า
เราจำเป็นต้องเข้าใจว่า ตอนนี้ การห่างไกลกันคือการแสดงความห่วงใย
การเยี่ยมเยือน การเดินทางที่ไม่จำเป็น ล้วนแล้วแต่อาจทำให้ติดเชื้อได้
และไม่ควรเกิดขึ้นในเวลานี้
และนี่คือเหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า
ปู่ย่าตายายและหลานๆ ยังไม่ควรเจอกัน
ผู้ที่หลีกเลี่ยงการพบปะโดยไม่จำเป็น จะช่วยเหล่าผู้คนที่ยังทำงานในโรงพยาบาล ที่กำลังดูแลผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน นี่คือวิธีที่เราจะช่วยรักษาชีวิตคนได้
เป็นเรื่องยาก ที่จะไม่ทิ้งใครให้อยู่เพียงลำพัง ที่จะดูแลคนที่ต้องการความเอาใจใส่ดูแล ในฐานะครอบครัวและสังคม เราจะหาทางร่วมมือกันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ในตอนนี้ได้มีวิธีการมากมายที่สร้างสรรค์ เพื่อต่อสู้กับไวรัสและผลกระทบทางสังคม
มีเหล่าหลานๆ ที่บันทึกพ็อดแคสต์ส่งให้ปู่ย่าตายายของพวกเขาได้ฟัง ให้รู้ว่าพวกท่านไม่ได้อยู่ตามลำพัง
เราทุกคน จะหาทางแสดงความรักและมิตรภาพ สไกป์ โทรศัพท์ อีเมล หรือแม้แต่กลับมาเขียนจดหมายกันอีกครั้ง
จดหมายไปรษณีย์ทั้งหมดจะได้รับการส่งถึงอย่างแน่นอน
มีข่าวเล่าถึงการช่วยเหลือเพื่อนบ้านที่สูงอายุ ซึ่งไม่สามารถออกไปซื้อของได้ด้วยตัวเอง ข้าพเจ้าแน่ใจว่าจะมีมากยิ่งไปกว่านี้อีก!
เราจะแสดงให้เห็นว่า ในความเป็นสังคม เราจะไม่ทิ้งให้ใครอยู่เพียงลำพังคนเดียว
ข้าพเจ้าร้องขอต่อท่านว่า โปรดจงได้เคารพกฎที่กำลังจะออกมาต่อจากนี้
เรา ในฐานะรัฐบาล จะตรวจสอบแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเราจะทบทวนตอบสนองมาตรการต่างๆ เพื่อให้ทำงานได้ในทุกเวลา และแน่นอนว่า เราจะอธิบายให้ทุกท่านรับทราบในทันที
ด้วยเหตุฉะนี้ ข้าพเจ้าจึงขอย้ำต่อท่านว่า "อย่าหลงเชื่อข่าวลือใดๆ!"
นอกจากข่าวสารจากทางการ ซึ่งเราจะแปลออกเป็นหลายภาษา
เราเป็นชาติประชาธิปไตย
เราไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างถูกบังคับ
แต่อยู่ได้โดยการแบ่งปันข้อมูลความรู้และความร่วมมือกัน
นี่คืองานชิ้นประวัติศาสตร์
และจะสำเร็จลงได้ด้วยการร่วมมือกัน
ข้าพเจ้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า
เราจะข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้
แต่ด้วยผู้เสียหายจำนวนเท่าใด?
เราต้องเสียคนที่เรารักไปมากเท่าใด?
คำตอบนั้นอยู่ที่สองมือของเราลงมือทำ
ในตอนนี้ เราจะร่วมคิด ร่วมทำ ไปร่วมกัน
เราสามารถยินยอมรับข้อจำกัดต่างๆ แล้วเผชิญหน้าไปพร้อมกัน
สถานการณ์ตอนนี้หนักหนา แต่ก็ยังเปิดกว้าง
หมายความว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวินัยของทุกคนที่จะปฏิบัติตามกฎและดำเนินการให้สอดคล้องกัน
แม้ว่าเรายังไม่เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่เราจะกระทำอย่างจริงใจและมีเหตุผล เพื่อที่จะรักษาชีวิตผู้คนไว้
โดยไม่มีข้อยกเว้น ขึ้นอยู่กับเราแต่ละคน และเราทุกๆ คน
ได้โปรดดูแลตัวเองและคนที่ท่านรัก
ข้าพเจ้าขอขอบคุณ
- อังเกลา แมร์เคิล, สมุหนายกแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
แถลงข่าวทางโทรทัศน์ต่อสาธารณชนเยอรมัน 19 มีนาคม 2020
ธีรภัทร เจริญสุข แปลจาก https://youtu.be/F9ei40nxKDc
Beloved people.
Coronavirus has dramatically transformed our lives. Understanding the normal condition of everyday life of social coexistence is being tested like never before.
Millions of you go to work. We can't go to school or kindergarten. Cinemas, theatre and stores are closed. And the thing that may be the hardest thing is that we won't see each other as usual.
Of course, in this situation, we all worry, wondering ′′ what will happen next
I have come to meet with all of you today because I want to tell you that
As the Prime Minister and all my colleagues in the federation government amid this situation.
This is part of our open-minded democracy.
That we will make transparent political decisions and explain to the public.
That we will build our communication, action to the best of our strength.
Let everyone be part of the relationship together.
I am confident that we will manage this job successfully.
If all citizens considered our shared duty.
So let me repeat again that
′′ This is serious, please take this seriously too ′′
Since German unification, no, but WWII.
Never had a challenge to threaten our country so much
Which makes us strong together.
I would like to explain the plague of our current plague in our country.
And what the Federal and Regional Government are doing.
To protect everyone in our community
To reduce the damage to economic, social and cultural.
But I want to tell you why your help is needed and tell you how everyone can help each other in this plague.
My data is obtained from federal consultations with Robert Cosh Institute, scientists and virusist.
Intense research is going around the world, but currently there is no cure or vaccine to fight this coronavirus, so as long as this is the only thing that can and is our guideline.
′′ Slow down the viral outbreak ′′
To delay long over the days, months and overcome with time.
Time for science to develop medicine and vaccines.
And especially time
Time to get the patients treated and recover as well as they can.
Germany has an excellent medical system, probably one of the best countries in the world.
Which brings us faith.
But when our hospital is overflowing
If in a short period of time, too many patients admitted to hospital.
Patient with severely infected.
These are not just statistic numbers.
It's father, grandfather, grandfather, grandfather.
Mother, grandmother, grandmother.
Our lover.
They are the people
And we are a community together
Every life has a value for meaning.
On this occasion, I would like to mention.
Doctors, nurses, hospital practitioners and public health workers standing in the front line. They meet patients, facing the brunt of the infection and the next morning you go to work.
For people, what you do is immense.
I thank you sincerely.
Our goal is to delay the virus will spread across Germany.
We therefore need to reduce outside living. It must be reasonable for our country to carry on.
Livelihood resources must guarantee that there will be enough and economic activity will be most normal.
But what's a threat to many people, what's going to damage our individual or community must be reduced. From now on, we have to minimize the risk of infections to others.
I know how tough this measure is. No events, no stores, no concerts, and no school, no university, no kindergarten, no play in the playground. I know that all of these closures come to the government. Central and the government of the Agreement has interrupted our lives and democracy.
Limiting freedom like never before in our republic
But I assure you all,
For me, I have fought hard for a long time to obtain freedom of travel and move my habitat.
Limiting this right is just a measure in a very specific situation.
In a democracy we don't have to act on a whim.
And will only be a temporary period of time
Because at the moment, this is an indispensable way to save a person's
For this reason, from the beginning of the week, border immigration and urban restrictions are mandatory.
For economics, big and small companies, shops, restaurants, independent workers are hard to carry on and next week will be even harder.
I assure you that our government will work hard to relieve economic impact, especially to maintain job title.
We can and will use everything we have to help businesses and people working on this tough test. And everyone will have enough food anytime if the shelf is empty.
For those who are buying products in supermarkets, I confirm that keeping supplies is important. But a lot of hoarding is not happening. Hoarding over need is useless and represents a strong lack of conscience.
And I would like to thank those who received little thanks.
Those who sit behind store cashiers
Those who fill up the shelf
You have done the most important and difficult job at this time.
Thank you to all the people who work for the stores still open.
From now on, it's most urgent for me.
All measures the government implemented have a purpose
If we don't take the most effective measures to stop the viral epidemic, we all are.
We can all be infected with the virus equally. No difference.
So we need to help each other
Firstly, we must be serious but not panic.
I don't blame each other for not following the role because everyone is absent.
Everyone is important. We all have to put our efforts together.
This plague shows us how vulnerable we are.
How much do we rely on others
But it's an opportunity for us to protect ourselves and protect others. Build strength together. Everyone is important.
We must not be condemned for dealing with the epidemic of the virus. We have a cure even if we have to distance ourselves.
Viralist advice is clear.
Not holding hands.
Wash, clean hands regularly.
At least 1.5 meters apart
Refrain from contacting elders because you are at highest risk.
I know that the measures are tough.
Especially in the times that we push on, we want to be together closer.
I want to take care of each other very close.
But at this time, unfortunately doing the opposite is more accurate.
We need to understand that far away from each other is showing concern.
An unnecessary visit to travel can cause an infection.
And shouldn't be happening at this time
And this is why experts say
Grandparents and grandkids still shouldn't meet
Those who avoid unnecessary meeting help those working in hospitals who are taking care of patients everyday. Here's how we can save lives.
It's difficult not to leave anyone alone to take care of those who need care. As a family and society we will find a way to help each other.
Now there are many creative ways to fight viruses and social impacts.
There are nephews who recorded podcasts sending to their grandparents. Let's know you're not alone.
We will all find a way to show love and friendship. Skype, phone, email or even back to write letters again.
All postal letters will definitely be delivered.
News of helping an elderly neighbor who can't afford to go shopping on their own. I'm sure there will be more!
We will show that in society we will never leave alone alone
I say to you, please respect the rules that are coming out.
We, as a government, will continually investigate and resolve to keep up with the rapidly changing events and we will review the measures to work anytime and of course, we will explain to you all immediately.
For this reason, I repeat to you, ′′ Do not believe any rumors!"
Apart from official news we translate into multiple languages
We are a democratic nation.
We don't live life forced.
But live by sharing information, knowledge and cooperation.
This is a historic piece.
And it will be done by collaboration.
I'm very confident that
We will cross through this crisis.
But with how many victims?
How much do we have to lose someone we love?
The answer is at two hands. Take action.
Now we will think, join together.
We can consent to the limitations and confront them together.
Current situation is heavy but still wide open
It means everything depends on everyone's discipline to follow the rules and act accordingly.
Although we haven't experienced this before, we will act sincere and reasonably to save people's lives.
Without exception, it's up to each and every one of us.
Please take care of yourself and your loved ones
I thank you.
- Angle Merkel, Prime Minister of Federal Republic of Germany
Press conference on television on German public 19 March 2020
Theiraphat Charoen Suk translates from https://youtu.be/F9ei40nxKDcTranslated
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
food lover คือ 在 Cherprang BNK48 Facebook 的最佳解答
#อะไรคือสิ่งสำคัญ_นอกเหนือจากความรักที่พ่อแม่มีให้ลูก
หมอประทับใจตัวละคร ‘ลุงตั้ม’ ในซีรีส์ One Year 365 วัน บ้านฉันบ้านเธอ จากหลายๆฉากในเรื่องที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าลุงตั้มเป็นตัวอย่างของพ่อแม่ที่มีความละเอียดอ่อนและเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของลูกๆ
ขอเท้าความสำหรับคนที่ไม่ได้ดู ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ครอบครัว 2 ครอบครัว ที่พ่อและแม่ของแต่ละครอบครัวกำลังวางแผนจะแต่งงานกัน คือครอบครัวของ ‘ลุงตั้ม’ กับ ’แม่มุก’ ซึ่งแต่ละคนก็มีลูกๆของตัวเองอยู่แล้ว
วันหนึ่งแม่มุกบอกลูกๆว่า ลุงตั้มและครอบครัวจะย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านของแม่มุกและลูก เพราะอีกหน่อยก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว การตัดสินใจของแม่มุก ทำให้ลูกบางคนไม่พอใจนัก
โดยเฉพาะ ‘ไพลิน’ ลูกสาวคนที่ 3 นักศึกษาแพทย์ปีที่สอง
.
(บทความต่อไปนี้เปิดเผยเรื่องราวจากซีรีส์)
ที่ผ่านมา ไพลินมีความปรารถนาลึกๆ มาตลอดว่าอยากให้พ่อกับแม่มาคืนดีกัน เมื่อแม่จะแต่งงานใหม่ไพลินจึงรู้สึกผิดหวังพอสมควร ช่วงเวลาที่ลุงตั้มย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้าน ไพลินเป็นคนหนึ่งที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบหน้าลุงตั้มอย่างมาก
แต่ลุงตั้มไม่ได้โกรธหรือถือสากับการแสดงออกของไพลินที่แอนตี้ ไม่ชอบหน้าตัวเอง ลุงตั้มเข้าใจปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น และคอยสังเกตไพลินด้วยความเป็นห่วงเสมอ (เพราะไพลินกำลังดร็อปการเรียนแพทย์อยู่ เธอไม่แน่ใจว่าเธออยากเป็นหมอจริงหรือไม่)
สิ่งที่ลุงตั้มทำไม่เคยขาด คือการทำอาหารอร่อยๆ ให้ไพลินรวมถึงลูกๆทุกคน ทั้งลูกตัวเองและลูกของแม่มุกทานเสมอๆ (ลุงตั้มมีอาชีพเป็นพ่อครัวที่ทำอาหารส่งตามออเดอร์ จึงทำอาหารอร่อยมาก)
เพราะความไม่พอใจและรำคาญลุงตั้ม ไพลินเลยไปนอนค้างที่คอนโดของพ่อ
มีฉากหนึ่งที่ไพลินทำแซนวิชให้พ่อทานเป็นอาหารเช้า แต่พ่อบอกเธอว่าไม่มีเวลาทาน ต้องรีบไปตีกอล์ฟ ขอเอาไปทานที่ตีกอล์ฟแทน แต่ด้วยความรีบร้อนและอาจจะไม่ได้ใส่ใจเพียงพอ พ่อก็ลืมแซนวิชไว้ตรงชั้นรองเท้า จริงๆ ไพลินก็ควรจะชินเสียแล้ว เพราะพ่อเป็นแบบนี้เสมอ แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้
เหตุการณ์หลายๆอย่างต่อมาที่พ่อแสดงออกว่าไม่ได้ใส่ใจไพลินนัก ในที่สุดไพลินก็คิดว่าเธอน่าจะกลับบ้านแม่มุกดีกว่า
.
เมื่อเวลาผ่านไป เธอเริ่มมองเห็นการกระทำของลุงตั้มมากขึ้น คนที่เธอไม่เคยยิ้มให้ พูดจาแรงๆใส่ แต่ก็คอยทำอาหารให้เธอทุกมื้อ สิ่งที่ลุงตั้มทำให้ แสดงถึงความเอาใจใส่ ละเอียดอ่อน ที่ไพลินไม่เคยได้รับจากพ่อแท้ๆ ที่สำคัญลุงตั้มสังเกตเห็นรายละเอียดหลายอย่างที่ไพลินรู้สึกและเป็นอยู่
ลุงตั้มดูรู้ด้วยว่าไพลินกำลังชอบพออยู่กับเพื่อนผู้หญิงที่ชื่อ ‘ทราย’ ลุงตั้มเป็นคนที่คุยกับแม่มุกให้เข้าใจไพลินในเรื่องนี้ จนไพลินไม่ต้องปิดบังครอบครัวเรื่องเป็นแฟนกันกับทรายอีกต่อไป ไพลินสบายใจขึ้นมาก
ขนาดแม่มุกที่อยู่กับไพลินมาตลอด แต่กลับไม่ได้มีความละเอียดอ่อนเท่าลุงตั้ม
หลายๆสิ่งที่แสดงออกมา ทำให้ไพลินเปิดใจกับลุงตั้มมากขึ้นเรื่อยๆ
.
หมอเชื่อว่าพ่อแม่ก็รักไพลินมาก แต่นอกจากความรักที่มีให้สิ่งที่พ่อแม่ยังขาดอยู่คือ ความละเอียดอ่อนและความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นในความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ใดๆก็ตาม
แต่ที่อยากจะเน้นคือ ความสัมพันธ์แรกเริ่มที่เด็กมีตั้งแต่กำเนิด คือ ความสัมพันธ์ครอบครัว ในฐานะพ่อแม่กับลูก ตรงนั้นจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาความเป็นตัวตน
หากเด็กรู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นที่รัก บวกกับความเอาใจใส่ใกล้ชิด พ่อแม่มีความละเอียดอ่อนมองเห็นอารมณ์ความรู้สึกของเด็ก แสดงออกว่าเข้าใจและยอมรับในตัวตนที่เด็กเป็น ส่วนในวันที่เด็กทำผิด ก็ไม่ใช้อารมณ์และให้โอกาสในการปรับปรุงตัวอย่างเหมาะสม ตรงนั้นจะนำมาซึ่งความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าพอที่จะได้รับความรักและเอาใจใส่จากผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด ทำให้เด็กเติบโตไปมีแนวโน้มจะมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย
ความสัมพันธ์ที่ไม่ละเอียดอ่อน ไม่เอาใจใส่ในความรู้สึกของอีกฝ่าย แม้จะมีความรักให้กันแค่ไหน มักทำให้เกิดความไม่พอใจ ขัดแย้ง ความรู้สึกไม่ดีต่อกันได้มาก ถึงจะไม่ตั้งใจก็ตาม
นอกจากความรักที่พ่อแม่มีให้ลูก อย่าลืมที่จะมีความละเอียดอ่อน เข้าใจในอารมณ์ความรู้สึก มีเมตตากรุณาและเห็นอกเห็นใจ
ถ้าให้เห็นภาพมากขึ้น ลองคิดถึงตัวเราในวัยเด็กว่าเราอยากให้พ่อแม่ของเราเป็นแบบไหน ลูกๆก็คงไม่แตกต่างนักค่ะ
#หมอมินบานเย็น
#อะไรคือสิ่งสำคัญ_นอกเหนือจากความรักที่พ่อแม่มีให้ลูก
The doctor impressed the character of 'Uncle Tum' in the One Year 365-day series. Her home from many scenes in the past shows Uncle Tum is an example of parents who are delicate and understand the emotion of their feelings. My kids.
A footprint for those who didn't watch this series is about the 2 families that each family and parents are planning to marry. The family of ' Uncle Tum ' and ' Mother Mook ', each of them are all. Already have my own kids
One day Mom Pearl told me that Uncle Tum and family will move together at mother's house, mother's and child's house because later they will become family. Mother Mook's decision makes some kids unhappy.
Especially 'Sapphire' 3nd daughter, second year medical student.
.
(The following article reveals stories from the series)
Sapphire has a deep desire for mom and dad to be reunited. Sapphire was disappointed when she was going to be remarried. Sapphire was somewhat disappointed when Uncle Tum moved into Sapphire's house. It was one that clearly expressed that she did n' My uncle Tum's face is so big.
But Uncle Tum doesn't get angry or considered by Sapphire's expression that Anti doesn't like her face. Uncle Tum understands the reactions and always observes Sapphire with concern. (Because Sapphire is dropping medical studies, she's not sure. That she really wants to be a doctor or not)
What Uncle Tum never lacks is making delicious food for Sapphire, including all children, both their children and mother's children. Always eating (Uncle Tum has a career as a chef who cooks the order, so cooking. Very delicious)
Because of frustration and annoyance, Uncle Tum Pelin went to sleepover at father's condominium.
There was a scene in which Sapphire made a sandwich for breakfast. But dad told her that she didn't have time to eat. She wanted to go golfing. She wanted to take it to golf, but was in a hurry and didn't care enough. She forgot the sandwich. It's really on the shoe layer. Sapphire should get used to it because father is always like this but I can't help but
Many events later that father expressed that he didn't care about Sapphire. Sapphire finally thinks she'd better go home to Mae Jo
.
As time goes on, she sees more of Uncle Tum's actions, who she never smiles to speak hard, but keeps cooking for her every meal. What Uncle Tum does to show the delicate care that Sapphire never gets from the important father. Uncle Tum has noticed many details of how Sapphire feels and is.
Uncle Tum also knows that Sapphire is in love with a friend of a woman named ' Sai '. Uncle Tum is the one who talks to mother Muk to understand Sapphire in this story so that Sapphire doesn't have to cover the family about being a lover. Sand anymore. Sapphire is much more relieved.
Even Mae Mook who has been with Sapphire all the time, but it's not as delicate as Uncle Tum.
Many things that appear to make Sapphire open up to Uncle Tum more and more.
.
Doctors believe that parents love Sapphire so much, but besides the love they give, what parents lack is the subtlety and understanding of emotion that is necessary in any relationship.
But I want to focus on the first relationship that kids have from birth is family relationship. Parents and kids. That's the foundation for developing identity.
If a child feels loved, positively, attentive, intimate parents are delicate. Visualize the child's emotion, understand and accept the child's identity. On the day when the child is wrong, they don't use the emotion and give an opportunity to improve the speculation. That's what they feel like. Pride of yourself. Feel yourself worthy enough to be loved and cared for by close adults. Growing up kids to have good mental health.
Unsensitive relationships, not caring for the feelings of the other. Despite how much love you give to each other, it often causes dissatisfaction and unintentional feelings.
Apart from the love that parents have for children, don't forget to be delicate, understand the emotion, be kind, kind, and compassionate
If you see more pictures, think about yourself in childhood, how we want our parents to be, they wouldn't be different.
#หมอมินบานเย็นTranslated
food lover คือ 在 Icedessertdiary Facebook 的最佳解答
เฮลโหลวววว โยเกิร์ตกันหน่อยมั้ยจ้ะ
.
Hello Yogurt อร่อยได้แบบไม่รู้สึกผิดนะจ้ะ
มี 3 ไซส์นะจ้ะ S M และ L จ้า ไซส์ M free 2 toppings และ ไซส์ L free 3 toppings จ้า
.
โดยแต่ละเดือนจะมีรสชาติใหม่ๆ หมุนเวียนกันน้า วันนี้ได้มาลองรสใหม่ ประจำเดือนนี้ เป็นรส Poached Pear หอมๆ หวานเบาๆ แอบเปรี้ยวนิดๆ (ส่วนตัวแอบรู้สึกว่าคล้ายๆ ซูกัสองุ่นหน่อยๆ) ถ้วยนี้เป็นไซส์ M นะจ้ะ เลือกได้ 2 ท๊อปปิ้งน้า
.
เมนูแบบพาร์เฟต์ก็มีนะจ้ะ มีให้เลือกถึง 4 หน้า คือ Strawberry Lover, Mango Strawberry Charcoal, Apple Caramel และ Banoffee Yogurt จ้า ลองเป็น Banoffee โยเกิร์ตรส Original ท๊อปด้วยกล้วย กราโนล่า และราดปิดท้ายด้วยซอสคาราเมลนะจ้ะ ตัวโยเกิร์ตออริจินัล อร่อยมากกก เปรี้ยวกำลังดีมากกก
.
แถมตอนนี้ทางร้านมีโปรโมชั่นรวมกับ AIS @aisinstagram อัพไซส์ฟรี ซื้อไซส์ L ได้ในราคาไซส์ M 89 บาท ด้วยน้า โปรนี้ถึง 31 ตุลาคมนะจ้ะ
.
🔰: Hello.Yogurt
📍: มี 6 สาขา ดังนี้จ้า
,, Fashion Island ชั้น B หน้า Tops supermarket
,, Lotus ramintra ชั้น1 หน้า cashier
,, BigC ratchadaphisek ชั้น1 หน้า Food court
,, Cosmo bazaar เมืองทอง Food court โซนA
,, The Mall Ngamwongwan ชั้น G ข้าง Starbucks
,, Center One อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ชั้น 3 โซน One Plus
.
🍧 Share Your Sweet & Dessert : @icedessertdiary
.
#icedessertdiary #HelloYogurt #HappyNotGuilty #FreshFrozenYogurt