ยินดีต้อนรับเข้าสู่ โลกแห่งแอสตร้า! มาร่วมสู้ในศึกมหาเวทย์ และ เทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต!
Alchemy Stars! เกมมือถือ! แปลกใหม่ สนุกไม่ซ้ำ ล้ำเกินใคร ผจญภัยไปกับเนื้อเรื่อง พร้อม "ภาษาไทย" สุดเข้มข้น พร้อมระบบการเล่นในรูปแบบ Strategy RPG ผสม Turn-based RPG ฟังดูอาจจะปวดหัว แต่มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด และ สนุกมากกกกก ติดงอมแงม!
ระบบของ Alchemy Stars นั้น เป็นระบบเดินต่อสู้เป็นรอบ (Turn-based) ซึ่งจะอยู่ในกระดานหลากสี ที่เป็นระบบธาตุของแต่ละตัวละครอีกที คุณสามารถสร้างทีมที่แข็งแกร่งของธาตุนั้นๆ หรือผสมผสานวิธีการเล่นใหม่ๆ ด้วยตัวคุณเองก็ยอมได้ เพื่อกำจัดศัตรูให้สิ้นซาก
ส่วนตัวผมเองไม่ค่อยถนัดหรือเล่นเกมแนวนี้มาก่อนเลย แต่พอได้ลองจริงๆ แล้วตัวเกมไม่ได้ยากอย่างที่คิด
มีระบบสอนการเล่นอย่างละเอียด และ ลูกเล่นใหม่ๆ ในแต่ละด่าน ให้เราได้จัดการศัตรูในหลายๆ รูปแบบไม่ซ้ำ ไม่จำเจ ไม่ใช่แค่เพียงเพลิดเพลินไปกับการเล่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ซึ่งในแต่ละตัวครที่เราที่ถือครองอยู่ หรือ Recruit เข้ามา จะมีเนื้อเรื่องส่วนตัวของแต่ละตัวละคร แยกย่อยออกมาจากเนื้อเรื่องหลักอีกด้วย เรียกได้ว่าติดจนแทบไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว นึกว่าได้อ่านนิยายโลก Fantasy ที่ยิ่งสนุกมากๆ เรื่องนึงเลยก็ว่าได้
ระบบอื่นๆ ของเกมก็มีให้ทำมากมาย อทิ เช่น กิจกรรมตาม Season ต่างๆ และ Special Event ที่เราเข้าร่วมได้ฟรีๆ พร้อมรับของรางวัลมากมายอีกด้วย ที่ชอบอีกอย่างก็ คือ ระบบบ้าน หรือ Colossus ที่จะสามารถให้เราทำฟาร์ม ทรัพยากรต่างๆ ที่เราจำเป็นต้องใช้ รวมไปถึงการตกแต่งบ้านได้ตามใจชอบ
รวมไปถึงการแวะเวียนพูดคุยกับตัวละครของเราในบ้าน ตามติดชีวิตเรื่องราว ซื้อของฝากให้กับตัวละครเพื่อเพิ่มค่าความสนิทสนม แน่นอนว่ายิ่งรู้จักยิ่งรักเธอ โอ้ยไม่ใช่! ยิ่งสนิทมากๆ สถานะตัวครก็จะเก่งขึ้นอีกด้วย!
เล่าถึงงานดีไซน์ตัวละคร อันนี้ส่วนตัวชอบมาก ทั้งงาน Art และ การ Animation ท่านทางการเคลื่อนไหว ทำออกมาได้ดีมาก รวมไปถึง In-game play ในช่วงต่อสู้ก็เป็นตัวละครแนว 3D Chibi น่ารักมากๆ เลยทีเดียว
กลับมาในส่วนของ กาชาปอง ที่เรารัก (ส่วนตัวล้วนๆ) ต้องบอกก่อนว่า เรท กาชา ถือว่าดีเยี่ยม
ใช้แค่เพียงไม่กี่ Point หรือ เป็นแต้มฟรีที่หาได้ในเกมหรือกิจกรรม แค่นี้คุณก็สามารถสร้างทีมเริ่มต้นที่ดีมากๆ ลุยยาวๆ ยันด่านท้ายๆ ได้เลย
อ้อ! อย่าลืมตัวละครที่คุณรัก ยังมี Skin เฉพาะ ขายอีกด้วยหล่ะ! เรียกได้ว่าไม่เปย์ไม่ได้แล้วหล่ะ เพราะมัน หล่อ เท่ สวย น่ารักมากๆ ฮะ!
เอาเป็นว่าถ้าให้พูดโดยละเอียดคงจะร่ายยาวไปหลาย 10 หน้ากระดาษ A4 อยากให้พวกท่านมาลองกันเยอะๆ มาก่อนมาทีหลัง เล่นทันกันหมด!
ผม Cyberclasher แล้วเจอกันในเกมนะครับ <3 ขอให้สนุกไปกับ Alchemy Stars และ ยินดีต้อนรับอีกครั้งเข้าสู่ โลกแห่งแอสตร้า เหล่าผู้คนบนดาวออโรร่า รอคุณอยู่! โหลดเลย!!!
👉🏻 โหลดเกมนี้ได้ที่
https://apps.apple.com/th/app/alchemy-stars/id1529088856?l=th
#AlchemyStars #ตามล่าคว้าดาว
ติดตามความเคลื่อนไหวของ Alchemy Stars ได้ที่
Website: https://bit.ly/3kC6juj
同時也有44部Youtube影片,追蹤數超過29萬的網紅jaysbabyfood,也在其Youtube影片中提到,#jaysbabyfood #fansign #videocallfansign พิกัดไฟริงไรท์นะคับ https://shp.ee/4cdya84 Timestamp: 0:00 Intro 0:48 แฟนไซน์กับคอลไซน์ต่างกันยังไง 1:29 จำ...
event คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
กรณีศึกษา ทำไมคนญี่ปุ่น ชอบถือเงินสด มากกว่าลงทุนในหุ้น /โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1878 หรือเมื่อ 143 ปีที่แล้ว และมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมากกว่า 2,000 บริษัท ในปัจจุบัน
และรู้หรือไม่ว่า ต้นปี 2021 มูลค่าของตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นสูงกว่า 190 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
หลายคนอาจคิดว่า คนญี่ปุ่นคงชอบลงทุนในหุ้น มากกว่าสินทรัพย์อื่น
แต่ความจริงแล้ว กลับไม่เป็นเช่นนั้น..
แล้วคนญี่ปุ่นเมื่อมีเงินแล้ว พวกเขาเอาไปเก็บไว้ที่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เราลองมาเทียบกันดูก่อนว่า ส่วนใหญ่แล้วคนญี่ปุ่นชอบถือครองสินทรัพย์อะไร และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป มีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
ข้อมูลจากธนาคารกลางญี่ปุ่นระบุว่า ในปี 2018 ครัวเรือนญี่ปุ่น ถือครองสินทรัพย์มูลค่ารวมกันกว่า 558 ล้านล้านบาท
โดยจำนวนนี้ ถ้าแบ่งตามสัดส่วนจะเป็น
- เงินสดและบัญชีเงินฝาก 52%
- ประกันและบำนาญ 28%
- หุ้นและกองทุนรวม 15%
- อื่น ๆ 5%
ที่น่าสนใจคือ เมื่อเทียบกับคนยุโรปและคนอเมริกัน ที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและกองทุนรวม ต่อมูลค่าสินทรัพย์ถือครอง เท่ากับ 28% และ 31% ตามลำดับ
จึงแสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นไม่ค่อยสนใจการลงทุนในหุ้นและกองทุนรวมมากนัก และยังชอบถือครองเงินสด ด้วยการฝากเงินไว้ในธนาคารจำนวนมากอีกด้วย
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในญี่ปุ่นนั้น อยู่ในระดับที่ต่ำมาต่อเนื่องหลายปี แม้กระทั่งในปัจจุบันก็อยู่ที่ประมาณ 0%
คำถามสำคัญก็คือ ทำไมคนญี่ปุ่น ยังเลือกที่จะฝากเงินกับธนาคารจำนวนมาก แทนที่จะนำเงินไปลงทุนในหุ้นและกองทุนรวม ที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ?
เหตุผลที่อธิบายเรื่องนี้ สามารถสรุปออกมาได้ 3 ประเด็น คือ
1. ประสบการณ์ที่เลวร้ายจากเหตุการณ์ฟองสบู่แตกครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น
หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 ญี่ปุ่นก็เริ่มเข้าสู่ระยะของการฟื้นฟูประเทศ ช่วงหลังจากนั้นเป็นต้นมา เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็เติบโตแบบก้าวกระโดด
ในช่วงปี 1961-1971 เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยกว่า 9% ต่อปี และเติบโตมาอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา จนถึงในช่วงทศวรรษ 1980
ในตอนนั้น ผลกำไรของบริษัทในญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท และธนาคารหลายแห่งมีการปล่อยกู้ให้แก่บริษัทจำนวนมาก
การเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้ทั้งบริษัทและผู้คนในญี่ปุ่นต่างร่ำรวย จนเกิดการเข้าไปเก็งกำไรราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์
ราคาหุ้นในตลาดปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดัชนี Nikkei ที่สะท้อนตลาดหุ้นญี่ปุ่น พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง จนเกือบแตะ 40,000 จุด ในปี 1989 จากระดับประมาณ 8,000 จุดในปี 1982
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.5% ในปี 1989 มาอยู่ที่ 6% ในปี 1990 เพื่อเพิ่มต้นทุนการกู้ยืม ไม่ให้เกิดการกู้ไปเก็งกำไรในสินทรัพย์ต่าง ๆ
จนสุดท้าย เมื่อแรงเก็งกำไรเริ่มอ่อนลง ก็ถึงคราวฟองสบู่ลูกใหญ่ระเบิดออก
ราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ และราคาอสังหาริมทรัพย์ ก็เริ่มปรับตัวลดลง และลดลงเรื่อย ๆ จนหลายคนเจ็บตัวอย่างหนักจากการลงทุน
วิกฤติฟองสบู่ครั้งใหญ่ในครั้งนั้น ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นหลังจากนั้นมาหลายสิบปีแทบจะหยุดอยู่กับที่ และเป็นแบบนี้มาแล้วราว 3 ทศวรรษ
ซึ่งนี่เองเป็นหนึ่งเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้คนญี่ปุ่นจำนวนมาก รู้สึกขยาดกับการลงทุนโดยเฉพาะในตลาดหุ้น รวมทั้งยังปลูกฝังความคิดนี้มายังรุ่นลูกรุ่นหลานต่อ ๆ มา จนถึงตอนนี้
2. ภาวะเงินเฟ้อฝืด
ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ส่งผลโดยตรงต่อภาคครัวเรือน
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนของคนญี่ปุ่นนั้นลดลง จากการที่หลายคนต้องตกงาน ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลโดยตรงต่อการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ
ข้อมูลจาก Statista ระบุว่า ในช่วงปี 1990-2020
ญี่ปุ่นประสบกับภาวะเงินฝืด (เงินเฟ้อติดลบ) ทั้งหมด 14 ปี
ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะเงินฝืด นั่นหมายความว่า ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มที่จะลดลง
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ชาวญี่ปุ่นจึงเกิดแรงจูงใจในการถือเงินสด มากกว่าที่จะนำเงินออกไปใช้จ่าย หรือชะลอการใช้จ่ายออกไปก่อน เพราะพวกเขาเชื่อว่า ในอนาคตเงินจำนวนเท่าเดิมนั้นจะสามารถซื้อสินค้าและบริการได้มากกว่าในปัจจุบัน และนำเอาเงินไปฝากกับธนาคารไว้ก่อนนั่นเอง
3. ความรู้ ความเข้าใจด้านการเงิน ของคนญี่ปุ่น
หลายคนคงแปลกใจถ้าบอกว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น มีคนจำนวนไม่น้อยที่ขาดความรู้ด้านการเงิน
ซึ่งเรื่องนี้ มีผลการสำรวจของธนาคารกลางญี่ปุ่นระบุว่า ประชาชนชาวญี่ปุ่นนั้นมีความรู้ด้านการเงินน้อยกว่าประชาชนในประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี
การขาดความรู้ความเข้าใจทางด้านการเงิน ทำให้คนญี่ปุ่นจำนวนมาก กลัวการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง และชอบในการเก็บเงินออมด้วยการฝากธนาคารที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า
นอกจากนี้ โรงเรียนในญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องการลงทุนเท่าที่ควร โดยศาสตราจารย์ Nobuyoshi Yamori ที่สอนสาขาวิชาเศรษฐกิจและธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยโกเบ ระบุว่า
“โรงเรียนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น ใช้เวลาสอนเรื่องการเงินการลงทุนให้นักเรียนน้อยมาก ขณะที่ครูที่มาสอนวิชาดังกล่าวก็ไม่ได้รับการฝึกอบรม หรือมีความรู้ ความเข้าใจ ในด้านการเงินการลงทุนที่ดีมากนัก”
จึงทำให้เด็กญี่ปุ่นจำนวนมากขาดความรู้ด้านการเงิน ซึ่งส่งผลให้เมื่อทำงานมีรายได้แล้ว พวกเขาเลือกที่จะฝากเงินกับธนาคาร มากกว่านำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ โดยเฉพาะหุ้น
อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็น่าจะเข้าใจว่าทำไมที่ผ่านมา คนญี่ปุ่นจำนวนมากตัดสินใจถือเงินสด หรือฝากเงินไว้กับธนาคารอย่างมากและไม่ค่อยชอบการลงทุนในหุ้นมากนัก ทั้ง ๆ ที่ญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่มีตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่าปัจจุบัน เงินเยนของญี่ปุ่น เป็นสกุลเงินที่ถูกใช้ซื้อขายบิตคอยน์มากที่สุดอันดับที่ 2 ของโลก เป็นรองเพียงแค่เงินดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งเราอาจบอกได้ว่า แม้คนญี่ปุ่นจำนวนมาก จะไม่ชอบสินทรัพย์เสี่ยงสูง และนิยมฝากเงินไว้ในธนาคาร
แต่ในทางกลับกันก็มีคนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย ที่หันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง อย่างบิตคอยน์
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.stat.go.jp/english/data/handbook/pdf/2020all.pdf
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.KD.ZG?locations=JP
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tokyo_Stock_Exchange
-https://www.statista.com/statistics/710680/global-stock-markets-by-country/
-https://tradingeconomics.com/japan/deposit-interest-rate
-https://en.wikipedia.org/wiki/Demographics_of_Japan
-https://data.worldbank.org/country/JP
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lost_Decades
-https://www.statista.com/statistics/270095/inflation-rate-in-japan/
-https://www.fsa.go.jp/frtc/kenkyu/event/20150305/s3_2.pdf
-https://www.investopedia.com/tech/top-fiat-currencies-used-trade-bitcoin/
-https://globalriskinsights.com/2021/06/japans-cryptocurrency-market-set-to-bloom-or-wither/
event คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
อัฟกานิสถาน ประเทศที่ผู้คน มีความสุขน้อยที่สุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
เมื่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คือสิ่งที่ทุกคนล้วนใฝ่ฝัน
ถึงแม้ความสุขจะวัดออกมาเป็นตัวเลขได้ยาก แต่ก็มีหลายองค์กรที่พยายามสร้างเกณฑ์ในการวัด และจัดอันดับว่าประเทศไหนที่ผู้คนมีความสุขมากที่สุดในโลก
หนึ่งในนั้นคือ World Happiness Report 2021
ที่ได้ทำการสำรวจทั้งหมด 149 ประเทศทั่วโลก
ผลปรากฏว่า ประเทศที่ผู้คนมีความสุขมากที่สุดในโลก คือ ฟินแลนด์
ส่วนประเทศไทย ผู้คนมีความสุขอยู่ในอันดับที่ 54
และประเทศที่ผู้คนมีความสุขน้อยที่สุดในโลก คือ อัฟกานิสถาน
เรื่องของฟินแลนด์ลงทุนแมนเคยเล่าให้ฟังบ้างแล้ว
แต่สำหรับอัฟกานิสถาน ทำไมผู้คนในประเทศนี้ถึงมีความสุขน้อยที่สุดในโลก ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จากรายงานของ World Happiness Report 2021 พบว่า
ประเทศที่คนมีความสุขมากที่สุดในโลก 3 อันดับสุดท้ายคือ
147. รวันดา ประเทศในทวีปแอฟริกา คะแนน 3.415
148. ซิมบับเว ประเทศในทวีปแอฟริกา คะแนน 3.145
149. อัฟกานิสถาน ประเทศในทวีปเอเชีย คะแนน 2.523
ซึ่งเกณฑ์ที่ใช้วัดว่าประเทศมีความสุขมากน้อยแค่ไหน ?
มีอยู่ 6 ข้อด้วยกัน ประกอบไปด้วย
1. รายได้
2. สุขภาพและอายุขัยเฉลี่ย
3. การสนับสนุนจากสังคม
4. อิสรภาพ
5. การได้รับความไว้วางใจ
6. การคอร์รัปชันของคนในสังคม
ทีนี้เรามาลองไล่เรียงแต่ละปัจจัยของอัฟกานิสถานว่าเป็นอย่างไร ?
เริ่มจากรายได้..
ชาวอัฟกานิสถาน 37 ล้านคนมี GDP เฉลี่ยต่อหัวต่อปี อยู่ที่เพียง 15,814 บาท
อยู่ในอันดับที่ 177 จากทั้งหมด 195 ประเทศ
นั่นก็อาจหมายความว่า ประชาชนในอัฟกานิสถานมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวที่ต่ำมาก
ซึ่งก็ไปสอดคล้องกับงานวิจัยของ Penn’s Wharton School
ที่พบว่า ความสุขที่ลดลง จะสัมพันธ์กับรายได้ที่มีน้อยลง
ปัจจัยด้านต่อมาก็คือ สุขภาพและอายุขัยเฉลี่ย
ในปี 2018 อัฟกานิสถานมีอายุขัยเฉลี่ยเพียง 64.4 ปี เป็นอันดับท้าย ๆ ของโลก
ส่วนการบริการสาธารณสุขก็เจอกับปัญหาการโจมตีสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์
นอกจากนี้ ยังมีการกีดกันไม่ให้ผู้หญิงจำนวนมากเข้าถึงสถานบริการด้านสุขภาพอีกด้วย
ซึ่งเรื่องนี้ก็สะท้อนมาจากการที่ผู้หญิงในอัฟกานิสถานแทบจะไม่มีสิทธิอะไรเลยในชีวิต
ผู้หญิงจะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนคนเดียว ต้องแต่งกายให้มิดชิด
ไม่เปิดเผยอวัยวะในร่างกายให้คนอื่นได้เห็น
อีกปัญหาใหญ่สำหรับผู้หญิงอัฟกานิสถานคือ การไม่มีตัวตนในสังคม
ผู้หญิงอัฟกานิสถานไม่สามารถเปิดเผยชื่อของตัวเองในที่สาธารณะได้
เอกสารทางราชการต่าง ๆ บัตรประชาชน จะไม่มีชื่อของผู้หญิงปรากฏ
มีเพียงการบอกว่า เป็นบุตรของใคร หรือหากแต่งงานแล้วก็จะระบุว่าเป็นภรรยาของใคร
และสุดท้ายเมื่อเสียชีวิต ที่ป้ายหลุมศพก็ไม่มีแม้แต่การระบุชื่อ
ทำได้เพียงระบุว่าเป็นบุตรสาวของใคร เป็นภรรยาของใคร หรือเป็นมารดาของใครเท่านั้น
ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ก็นำไปสู่โครงการ “Where Is My Name ?”
ที่ผู้หญิงออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแก้กฎหมายดังกล่าว
เพราะการระบุชื่อผู้หญิงในเอกสารสำคัญทางราชการเป็นสิทธิที่ผู้หญิงทุกคนควรได้รับ
นอกจากปัญหาด้านรายได้ สุขภาพ การสนับสนุนจากสังคม
ยังมีอีกปัญหาที่สำคัญของอัฟกานิสถาน ก็คือ “ปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ”
เริ่มมาตั้งแต่ในปี 1978 ซึ่งเป็นช่วงสงครามเย็น
เกิดการล้มล้างรัฐบาลของ โมฮัมเหม็ด ดาวูด ข่าน ประธานาธิบดีคนแรกของอัฟกานิสถาน โดยกลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์ ที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของสหภาพโซเวียต ซึ่งได้ทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง
และสังหารครอบครัวของประธานาธิบดี โมฮัมเหม็ด ดาวูด ข่าน ทั้งครอบครัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเพียง 1 ปี สหภาพโซเวียตก็เข้ามายึดอัฟกานิสถาน
กลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่างโซเวียตและอัฟกานิสถาน และโซเวียตได้ยึดครองอัฟกานิสถานอยู่นานถึง 10 ปี ซึ่งสร้างความไม่พอใจ จนเกิดกลุ่มต่อต้านโซเวียตที่ชื่อว่า กลุ่มมูจาฮีดีน
แต่หลังจากที่สหภาพโซเวียตยอมถอนทัพออกไปจากอัฟกานิสถาน
สถานการณ์กลับกลายเป็นย่ำแย่ยิ่งไปกว่าเดิม
เพราะในช่วงปี 1989 ถึง 1996 เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในอัฟกานิสถาน
จากกลุ่มมูจาฮีดีนที่ร่วมกันขับไล่สหภาพโซเวียตหันมาทะเลาะกันเอง
เพื่อแย่งชิงอำนาจในการปกครองประเทศ
นอกจากนี้ในปี 1991 ยังเกิดกลุ่มตอลิบานขึ้นเพราะต้องการต่อต้านกลุ่มมูจาฮีดีน
ซึ่งในช่วงแรก ตอลิบานก็ได้รับการสนับสนุนจากชาวอัฟกานิสถานเป็นอย่างดี
จนสามารถรวบรวมกองกำลังได้ถึงหลักหมื่น และสามารถยึดอำนาจทั้งยังจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
แต่ภายหลังที่ตอลิบานขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็เปลี่ยนคำสัญญาจากหน้ามือเป็นหลังมือ
จากคำสัญญาที่เคยให้ไว้ว่า จะสร้างความสงบ พัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า
ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง กลายมาเป็นออกกฎให้ผู้หญิงแทบจะไม่เหลือสิทธิและเสรีภาพใด ๆ เลย
สังหารผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามนิกายอื่น ๆ ที่ไม่ใช่นิกายซุนนีที่กลุ่มตอลิบานนับถือ
รวมถึงการเปลี่ยนชื่อประเทศไปเป็น Islamic Emirate of Afghanistan อีกด้วย
แต่เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นและเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็คือ เหตุการณ์ 9/11
ที่กลุ่มอัลกออิดะฮ์ พันธมิตรของกลุ่มตอลิบาน ซึ่งก่อตั้งโดย อุซามะฮ์ บิน ลาดิน ชาวซาอุดีอาระเบียได้โจมตีแบบพลีชีพทางอากาศในประเทศสหรัฐอเมริกา และได้ทำให้เกิดสงครามในอัฟกานิสถานขึ้นมาอีกครั้ง
ปัจจุบันอัฟกานิสถานยังคงมีปัญหาการก่อการร้ายและการสู้รบรุนแรงภายในประเทศ
จากข้อมูลของ Global Peace Index 2020 ได้ระบุว่า
อัฟกานิสถานเป็นประเทศที่อันตรายที่สุดในโลก จากการสำรวจทั้งหมด 163 ประเทศอีกด้วย
ด้วยความที่ประเทศยังคงอยู่ในอันตรายร้ายแรง ทำให้การพัฒนาด้านต่าง ๆ ของอัฟกานิสถานยังคงล้าหลัง เต็มไปด้วยปัญหามากมาย ทั้งด้านการศึกษา
อัตราการรู้หนังสือของคนในอัฟกานิสถานมีเพียง 38.2% เท่านั้น
รวมไปถึงปัญหาด้านคอร์รัปชัน โดยจากการจัดอันดับด้านความโปร่งใส
อัฟกานิสถานอยู่อันดับที่ 165 จากทั้งหมด 180 ประเทศ
จะเห็นได้ว่า จากทั้ง 6 เกณฑ์ที่ใช้วัดว่าแต่ละประเทศมีความสุขมากแค่ไหน
อัฟกานิสถานถูกจัดให้อยู่ในอันดับท้าย ๆ ของโลก ในทุก ๆ เกณฑ์
ผู้คนในประเทศนี้ล้วนผ่านภาพของสงครามมากมาย เผชิญกับความตายไม่เว้นแต่ละวัน
และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้ว
สำหรับผู้คนที่ยังอยู่ในสังคมที่ร้าวฉานแห่งนี้ จากเรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมา
สิ่งเดียวที่ผลักดันให้ผู้คนเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ก็อาจจะเป็นเพียงความหวังเล็ก ๆ ว่า วันพรุ่งนี้คงจะมีอะไรสักอย่างที่ดีกว่าวันนี้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.npr.org/sections/goatsandsoda/2019/03/20/704585567/looking-for-happiness-in-the-3rd-least-happy-country-in-the-world
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?locations=ZW&most_recent_value_desc=true
-https://www.forbes.com/sites/alexledsom/2021/02/07/new-study-shows-that-more-money-buys-more-happiness/?sh=3af5469970d5
-http://www.emro.who.int/afg/afghanistan-infocus/situation-reports.html
-https://applications.emro.who.int/docs/AFG/EMRLIBAFG050E.pdf?ua=1
-https://www.nia.go.th/newsnow/almanac-files/static/pdf/2564/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9F%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99_2564.pdf
-http://gotomanager.com/content/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9F%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%99/
-https://www.history.com/this-day-in-history/soviet-tanks-roll-into-afghanistan
-https://www.britannica.com/event/Afghan-War
-https://www.longtunman.com/9734
-https://thematter.co/thinkers/taliban-and-afghanistan/13225
-https://thematter.co/thinkers/taliban-and-afghanistan-2/13268
event คือ 在 jaysbabyfood Youtube 的最佳貼文
#jaysbabyfood #fansign #videocallfansign
พิกัดไฟริงไรท์นะคับ https://shp.ee/4cdya84
Timestamp:
0:00 Intro
0:48 แฟนไซน์กับคอลไซน์ต่างกันยังไง
1:29 จำนวนผู้โชคดี
2:09 ระยะเวลาในการคุย
2:48 เลือกเวอร์ชั่นซีดีได้ไหม
3:02 ไซน์ให้ตรงไหน
3:46 ประกาศไซน์
4:22 ใช้แอพ/โปรแกรมอะไรในการไซน์
5:00 ประกาศผู้โชคดี
6:11 ชื่อที่ไซน์
6:40 วันจริง ก่อนไซน์
7:00 อัดหน้าจอตอนไซน์
8:03 จัดไฟ
8:33 อินเทอร์เน็ต
8:48 ปิดโนติฟิเคชั่น
9:30 สคริปต์
10:18 กฏตอนไซน์
11:11 หลังไซน์เสร็จ
11:31 คอลวง คอลเดี่ยว คอลแรนด้อม
12:08 ต้องซื้อกี่อัลบั้ม
12:50 มีล่ามไหม
13:09 แอพที่ใช้ทำรูป HD
13:35 เตรียมสคริปต์นานไหม
14:10 ถ้าไม่มีบท เขาจะชวนคุยไหม
14:41 สรุปว่าคุ้มไหม
-----------------------------------------
- SNS -
Facebook: https://www.facebook.com/jaysbabyfood/
Twitter: https://twitter.com/jaysbabyfood
Instagram: https://www.instagram.com/jaysbabyfood/
----------------------------------------
- Production -
✂️Final Cut Pro
Music by ninjoi. - Thank You - https://thmatc.co/?l=61CD5A8A
----------------------------------------
- Business Inquiries Only -
jaysbabyfood@gmail.com
or LINE: @jaysbabyfood (with @)
----------------------------------------

event คือ 在 iMoD Official Youtube 的精選貼文
คลิปนี้ทีมงานได้รวบรวมข้อมูลเพื่อมาตอบคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยเกี่ยวกับ AirTag เช่น Apple ID หนึ่งบัญชีเชื่อมต่อ AirTag ได้สูงสุดกี่อัน ? ใช้ AirTag ติดตามเด็กหรือสัตว์เลี้ยงได้ไหม ? จะรู้ได้ยังไงว่าแบตเตอรี่ AirTag ใกล้จะหมด ?
#จุดเด่นของAirTag
- ชิป U1 อัลตร้าไวด์แบนด์
- Bluetooth LE
- ใช้วัสดุสแตนเลส
- สามารถสลักข้อความหรือสัญลักษณ์อิโมจิไว้บน AirTag ได้
- ใช้เทคโนโลยี NFC แตะเพื่อเรียกใช้โหมดสูญหาย (Lost Mode)
- ทำงานร่วมกับแอป Find My
- รองรับการทำงานร่วมกับ Siri
- มีการแจ้งเตือนให้ทราบสำหรับการติดตามที่เราไม่ต้องการ
- แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 1 ปี
- ผู้ใช้สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เอง
- มีลำโพงในตัว (ใช้ส่งเสียงในตอนที่เรากดค้นหา)
- ทนน้ำ ทนฝุ่น ระดับ IP67
- สามารถบอกตำแหน่งได้แม่นยำ บอกระยะทางและทิศทางให้ผู้ใช้ทราบในแอป Find My
- สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริม เช่น พวงกุญแจ
รายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/3sEtJQm
ราคา 990 บาทสำหรับ 1 ชิ้น หากซื้อแพ็ก 4 ชิ้นราคา 3,390 บาท
กำหนดการขายในไทยยังไม่ประกาศ
ชมข้อมูลเพิ่มเติม
? เปิดตัว AirTag คืออะไร? ทำงานยังไง เหมาะมากสำหรับคนชอบลืม ราคาเท่าไหร่ ติดตามคนได้ไหม https://youtu.be/ukXRWRRklNY
#iMoD #AirTag

event คือ 在 iMoD Official Youtube 的最讚貼文
Jon Prosser นักปล่อยข่าวลือได้โพสต์ทั้งใน Twitter, คลิป YouTube ว่า AirTags, iPad Pro, Magic Keyboard อาจเปิดตัวในเดือน มี.ค. นี้ ไม่แน่ว่าอาจมีสินค้าอื่น ๆ ฟังสรุปเรื่องนี้ดูครับ
อ่านเพิ่มเติม https://www.iphonemod.net/airtags-ipad-pro-rumors-debut-march-2021-jon-prosser-report.html
#iPadPro #AirTags #AppleMarchEvent #ข่าวลือ #iMoD
