เรื่องของจังหวะ...
บทความนี้ได้ข้อมูลมาจากหนังสือที่ดีมากๆๆๆๆเล่มนึง อรอ่านหลายรอบมากเพราะเขียนดีจริงๆ หนังสือชื่อ The Practice and Science of Drawing โดย Harold Speed
แนะนำว่าให้ไปหามาอ่าน คนที่ชอบศิลปะจะสนุกสนานไปกับมันมาก. ไม่จำเป็นต้องวาดรูปได้ก็สนุกเพราะมีข้อมูลลึกๆชวนคิดเกี่ยวกับศิลปะมากมายแบบที่หาเล่มอื่นเทียบยากค่ะ
ขออภัยถ้าอ่านแล้วงงๆ อาจจะแปลเป็นภาษาไทยไม่ค่อยถูกต้อง ช่วย comment แนะนำได้เลยนะคะ🙏
คำว่าจังหวะในบริบทของศิลปะนั้นพูดถึงพลังของลายเส้น, น้ำหนัก และสี โดยคำนึงถึงการจัดวางของมันว่ามีผลต่อความรู้สึกของเราอย่างไร เปรียบง่ายๆเสมือนกับเสียงของโน้ทดนตรีในบทเพลง
ทำนองในดนตรีนั้นส่งผลต่อความรู้สึกของมนุษย์แบบไม่ต้องการคำอธิบาย. ดนตรีและจังหวะในภาษาของเส้นและสีสันในโลกของศิลปะก็ทำงานแบบเดียวกัน. มันคุยกับเราได้เหนือการใช้ภาษาพูด
บางทีการเขียนภาพเหมือนจริงมากๆก็เป็นอันตรายต่อการสูญเสียจังหวะไปเพราะถ้าหากศิลปินให้ความสำคัญกับการคัดลอกสิ่งที่เขียนมากไปก็อาจจะส่งผลทำให้เขาลืมเรื่องของจังหวะในลายเส้นและสีซึ่งถ่ายทอดออกมาจากภายในและเป็นหัวใจสำคัญของการสื่ออารมณ์เหนือคำพูด
การพยายามหาความสัมพันธ์ในธรรมชาติระหว่างรูปทรง, สี ,ลายเส้นและ น้ำหนักเพื่อนำมาสร้าง ‘จังหวะ’ ในรูปภาพนั้นเป็นงานของศิลปิน. คุณไม่ควรที่จะลดละความพยายามนี้แม้ว่าคุณกำลังหมกมุ่นกับดีเทลวิจิตรและเหมือนจริงขนาดไหน
ภาพที่ไร้จังหวะก็ไม่ต่างอะไรกับดนตรีไร้ทำนองที่น่าเบื่อ
Line and mass
ถ้าเราถอดชิ้นส่วนของรายละเอียดในรูปภาพทุกรูปและมองทุกอย่างแบบ abstract เลย เราก็จะเห็นได้ว่ามันมีส่วนประกอบหลักๆคือ เส้น(line) และ กลุ่มก้อน (mass) บางคนก็พูดว่าเส้นนั้นเป็นแค่ขอบของกลุ่มก้อน หรือกลุ่มก้อนนั้นเป็นเพียงพื้นที่ระหว่างเส้น. จะคิดหรือมองแบบไหนก็ตาม 2 สิ่งนี้คือส่วนประกอบหลักๆของทุกๆรูปภาพ
ภาษาของเส้น
Unity and Variety
ภาษาของเส้นนั้นสามารถทำงานได้ด้วยตัวของมันเองโดยไม่ต้องอาศัยความเป็นรูปธรรมลองนึกถึงเส้นเรขาคณิต มันสื่ออารมณ์แบบ abstract ได้ด้วยตัวของมันเอง ตามธรรมชาติส่วนใหญ่แล้วภาษาของลายเส้นก็มักจะทำงานเป็นเรื่องเดียวกันกับสิ่งที่มันเป็น ยกตัวอย่าง ลองนึกถึงภาพของแม่น้ำเราก็จะนึกถึงเส้นแนวนอน คงประหลาดถ้าพยายามใช้สามเหลี่ยมอธิบายความเป็นน้ำ
ทีนี้เวลาพูดถึงคุณภาพของลายเส้น อยากให้คิดเป็น 2 แบบหลักๆคือ
1. Unity - ความสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียวกัน
2. Variety - ความหลากหลาย
*สองอย่างนี้ดูจะขัดแย้งกันแต่มันขาดกันไม่ได้ *
ความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันคือทักษะการบริหารเอาหลายๆสิ่งเข้ามาอยู่รวมกันได้อย่างมีเอกภาพ แต่ก็จะไร้ชีวิตชีวาหากขาดความหลากหลาย
ยกตัวอย่างของภาษาของความสามัคคีก็คือ เส้นที่มีความซ้ำๆ เส้นที่เว้นเท่ากันหมด เส้นตรง วงกลม เส้นขนาน เป็นต้น
เส้นที่มี unity มากที่สุดจะเป็นอะไรอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากวงกลมและเส้นตรง
ยกตัวอย่างความหลากหลายของเส้นนั้นอาจจะง่ายกว่า มันก็คือความไม่เท่ากันในรูปทรงต่างๆไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แต่ถ้าพูดถึงรูปทรงที่มีความหลากหลายที่สวยงามก็คงหนีไม่พ้นรูปไข่ ตัวอย่างที่ดีคือรูปทรงของใบหน้ารูปไข่งามๆ เพราะการเลี้ยวตัวของเส้นรอบไข่นั้นไม่มีความเหมือนกันเลยแม้แต่จุดเดียว ต่างจากวงกลมซึ่งเลี้ยวในจังหวะเท่ากันเป๊ะรอบวง
ในหนังสือมีการยกตัวอย่างยาวเหยียดมากๆในเรื่อง unity และ variety แต่ขอยกแค่บทเดียวมาพูด
แล้วจังหวะแบบไหนหละถึงงาม
พูดตรงๆว่าเรื่องนี้ไม่มีกฎตายตัว สิ่งที่หนังสือเอามายกตัวอย่างนั้นก็เป็นเพียงแค่ตัวอย่างที่นึกตามได้ง่ายและมีให้เห็นในธรรมชาติ
หน้าคน
ผู้อ่านลองนึกถึงใบหน้าคนที่ดูดี มันจะมีการจัดวางที่มี 2 หลักการนี้ผสมเข้าด้วยกันทั้ง unity และ variety
ใบหน้าของคนเรานั้นจะมีความเท่ากันเป็นสมมาตรของซ้ายและขวา ผนวกกับระยะห่างของการจัดวางนั้นก็ดูมีระเบียบเท่าๆกันแต่รูปด้านprofile ของใบหน้านั้นจะมีความหลากหลายอยู่มาก มีการยึกยือไปมาของเส้นที่เลี้ยวเข้าออกแบบไม่มีอะไรเท่ากันเลยก็ว่าได้
นี่คือตัวอย่างของการทำงานร่วมกันอย่างลงตัวของ unity ความสามัคคีและ variety ความหลากหลาย
นึกเล่นๆดูว่าหากหน้าเรามีความหลากหลายมากเกินไปก็คงจะไม่น่ามองสักเท่าไหร่ อาจจะน่ากลัวด้วยซ้ำ
สรุปคือ
ความหลากหลายแบบไร้ขอบเขตนั้นก็ทำให้เกิดความยุ่งเหยิงและไม่น่ามอง แต่ความนิ่งเกินไปแบบเส้นตรงนิ่งๆก็ช่างน่าเบื่อไร้ชีวิตชีวา
ฉะนั้นจะสังเกตได้ว่าความงามมักจะเกิดเมื่อความหลากหลายนั้นอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ของความสามัคคี
ขออนุญาตแบ่งเป็นหลายๆตอนนะคะเพราะมันยาวเหลือเกิน เดี๋ยวอ่านแล้วจะหลับเสียก่อน
The story of the rhythm...
This article is informative from a very good book. I have read it many times. It's very good. The Practice and Science of Drawing by Harold Speed.
I recommend that you go to read this. People who like art will enjoy it very much. There is no need to draw a picture. It's fun because there is deep information. I think about many art. It's difficult to find other books.
Sorry, if I have read this, I may not translate it in Thai. Please comment and suggest. 🙏
The word beat in the context of art speaks about the power of doodle, weight and color. Considering how it affects our feelings. It's simply like the sound of a musical notebook.
The melodies in music affect the human feeling without explanation. Music and rhythm in the language of lines and colors in the world of art work the same way. It talks to us beyond the use of speaking language.
Sometimes writing a very surreal image is harmful to losing a beat. If the artist focuses on copying the writings, it will make him forget about the beat in the lines and colors that are broadcasted from the inside and the heart of the media. Emotions beyond words.
Trying to find a natural relationship between shapes, colors, patterns and weight to create ' rhythm ' in the photo is the artist's work. You shouldn't lose this effort, even if you're obsessed with Fine and Real Detail.
A can't translate picture is no different than a boring music.
Line and mass
If we take off the detail in every photo and look at everything abstract, we can see that there is a main ingredient in line (line) and group (mass). Some people say that the line is just the edge of that group or group. Just a space between the lines. Whatever you think or look, 2 of these are the main components of every photo.
Language of lines
Unity and Variety
The language of the line can work on its own without concrete. Think of the geometry, abstract emotion by itself naturally. Most of the language of the stripes are the same thing. It's for example, thinking of the river's image. We think of horizontal lines. It's strange if we try to use a triangle to describe water.
Now, when I talk about the quality of the pattern, I want you to think about 2 types. Mainly,
1. Unity - Unity is united.
2. Variety - Diversity
* These two seem to be conflicting but they can't be separated *
Unity is unity. Management skills bring many things together unity. But lifeless without diversity.
For example, the language of unity is repeated, the same line, straight line, straight line, parallel circle, etc.
The line with the most unity will be nothing else, nothing but circles and straight lines.
For example, the diversity of the line may be easier than it is, the unequalities in various shapes, whatever it is. But if you talk about beautiful diversity shapes, you can't escape the oval shape. The good example is the shapes of the face, beautiful oval because of turning. The egg circumference is not the same at all. The same point is different from the circle, which turns in the same rhythm.
In the book, there is a very long example in the unity and variety. But I just lifted up one chapter to say.
What kind of beat is this? It's beautiful.
Frankly speaking, there is no rule. What a book has taken for example is just an example that it is easily recognized and naturally.
A human face.
Readers, think about the face of a good looking person. There will be alignment with these 2 principles mixed together with unity and variety.
Our faces are equally as symmetrical of left and right. Annexation with the distance of the alignment is equally organized. But the profile picture of the face is very diverse. There is a lot of the trending. The lines that turn into design are nothing equal.
This is an example of how unity, unity, unity, and diversity variety.
Just for sure, if our face had too much diversity, it wouldn't look at it. It would be scary.
In summary,
Unbounded diversity is messy and unlikely. But too stillness is boring, lifeless.
Therefore, it is observed that beauty is often born when diversity is under the rule of unity.
I ask permission to divide into several episodes because it's so long. I will read it and I will fall asleep.Translated
Search