กรณีศึกษา ทำไม มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย มาลงทุนใน Central Village
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN ได้มีการเปิดตัว Luxury Outlet แห่งใหม่และแห่งแรกของประเทศ ที่ชื่อว่า Central Village ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ
หลังจากเปิดตัวไปได้ไม่นาน ก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ที่สามารถทำยอดขายได้เป็นไปตามเป้า และความพึงพอใจของลูกค้านักช้อปที่ต้องการสินค้าแบรนด์เนมในราคาลด 35 - 70% ทุกวัน พร้อมส่วนลด on-top ต่อเนื่องตลอด
โดยโครงการนี้ ตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการ ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก
จนเป็นที่จับตาของบริษัทระดับโลกอย่าง มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย ที่ขอมาร่วมลงทุนด้วย โดยจะถือหุ้นใน Central Village ถึง 30% ในขณะที่ CPN ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เช่นเดิม
แล้วมิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย เป็นใคร?
มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย คือหนึ่งในบริษัทลูกของเครือ มิตซูบิชิ เอสเตท ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
นอกจากโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ แล้ว มิตซูบิชิ เอสเตท ก็ยังเป็นเจ้าของ Outlet ในญี่ปุ่น กว่า 9 แห่งด้วยกัน ที่คนไทยรู้จักดี ก็เช่น โกเทมบะ, ริงคุ และ ชิซุย ซึ่งถือเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ทางด้านการพัฒนา Outlet โดยตรงในญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน
แล้ว มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย สนใจอะไรใน Central Village?
อย่างแรกเลยคือ Central Village นั้นถือเป็น Luxury Outlet แห่งแรก และ แห่งเดียวของประเทศไทย ที่มีแบรนด์หรูทั้งหมดกว่า 150 แบรนด์
ตัวอย่างแบรนด์ก็คือ Coach, Club21 (Outlet by Club 21), Ermenegildo Zegna, Kate Spade New York, Kenzo, MAX&Co., Michael Kors, Polo Ralph Lauren, Salvatore Ferragamo และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย
อย่างที่สองคือ ความแข็งแกร่งด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งก็ส่งผลให้สนามบินสุวรรณภูมินั้น เป็นสนามบินที่มีนักท่องเที่ยว เดินทางมามากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สอดคล้องกับทำเลที่ตั้งของโครงการ ที่ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 10 นาที ส่งผลให้ Central Village นั้นมีทำเลที่ได้เปรียบในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าค่อนข้างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ
อย่างที่สามคือ มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย เอง ก็มีจุดมุ่งหมายที่ต้องการขยายพอร์ตธุรกิจไปยังต่างประเทศมากขึ้น จึงเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีที่สุด เพราะ CPN เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เบอร์หนึ่งของไทย และมีประสบการณ์ในการพัฒนาพื้นที่ค้าปลีกในประเทศไทยมาหลายสิบปี จนเป็นที่มาของดีล Two Nations, One Success ในครั้งนี้
แล้วการร่วมมือครั้งนี้จะได้อะไร?
คำตอบก็คือ
การเข้ามาของ มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย ก็เหมือนเป็นการเข้ามาช่วยเสริม ความแข็งแกร่ง ให้กับ Central Village มากขึ้น เพราะอย่างที่ทราบกันว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกของ CPN ในการทำธุรกิจประเภท Outlet
ซึ่งการที่ได้พาร์ตเนอร์ที่มีประสบการณ์อย่าง มิตซูบิชิ เอสเตท ก็จะสามารถนำความรู้ เทคนิคต่างๆมาปรับใช้และพัฒนา Central Village ให้ดียิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น หลักการบริการลูกค้าที่โดดเด่นในสไตล์ญี่ปุ่น, การออกแบบโครงการในเฟสใหม่ๆ เพื่อสร้างจุด Attraction, การนำแบรนด์หรูพาร์ตเนอร์จากญี่ปุ่นเข้ามาเสริม หรือแม้แต่การดึงนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะทำให้ Central Village ไปไกลกว่าแค่ Luxury Outlet อันดับ 1 ในประเทศ แต่มีเป้าหมายที่จะช่วยกันผลักดันให้กลายเป็น Outlet ดีที่สุดในอาเซียน โดยมีมาตรฐานและการบริการระดับโลก ให้สอดคล้องกับแนวคิดในการร่วมมือกันครั้งนี้ คือ World-class Outlet with Thai-Japanese Hospitality นั่นเอง
และเมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จครบทุกเฟส ก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากขึ้น ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่า การที่มี มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย เข้ามาร่วมต่อยอดความสำเร็จด้วยนั้นจะทำให้ Central Village มีอะไรที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกต่อไปในอนาคต..
club21 คือ 在 Travelerspulse Facebook 的最讚貼文
[Review] M A L D I V E S : it's love at first sight
"เทเงินหมดกระเป๋า แล้วไปเที่ยวมัลดีฟส์กันนน"
มาแล้วจ้าาา มาแล้ว รีวิวมัลดีฟส์แบบเป็นข้อๆ อยู่ที่นี่ละ ความดีงามเป็นยังไง ก่อนไปต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง แพงอย่างที่เค้าว่าจริงรึเปล่า เราขอสรุปเป็นข้อๆ ให้ตามด้านล่างนี้เลย อ่านให้เคลียร์แล้วรีบจองกันโลด!!
ช่วงแพลนทริป : สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเดินทาง
- ช่วงแพลนทริปเป็นอะไรที่ยากที่สุดสำหรับทริปนี้ เราใช้เวลาเกือบ 2 เดือนในการนั่งเทียบชาร์ตราคาของโรงแรมแต่ละที่ ซึ่งสิ่งที่ต้องเอามาพิจารณาเนี่ย มีมากมายหลายอย่างเหลือเกิน ก็เพราะเวลาเกือบ 100% ของทั้งทริปต้องอยู่ที่โรงแรมนี่นา ก็เลยต้องเลือกแบบพิถีพิถัน หัวข้อต่อไปนี้ คิดวนไป 10 ตลบได้เลยยย
- "การเดินทางจากแอร์พอร์ตไปยังโรงแรมไกลมั้ย" -
เพราะบางทีต้องต่อเครื่องไปอีกเกือบๆ ชั่วโมง ไปถึงก็เกือบจะมืดแล้ว อาจจะไม่คุ้มค่ากับชั่วโมงเดินทางที่ต้องเสียไปเท่าไหร่ถ้าโรงแรมนั้นไม่ได้มีจุดดึงดูดจริงๆ
- "มีกิจกรรมให้ทำเยอะมั้ย และมีอย่างที่เราอยากทำรึเปล่า" - เพราะโรงแรมแต่ละที่ตั้งอยู่บนโซนที่ต่างกัน ปะการัง ปลาที่เราจะได้เจอในแต่ละโซนก็ไม่เหมือนกัน แบบถ้าอยากจะไปดูโลมา แต่แถวนั้นไม่มีเลยซักตัวก็อด อยากไปดูฉลาม แต่แถวนั้นไม่มีน้องว่ายผ่านมาซักตัว ก็อดเช่นกัน เพราะฉะนั้นเช็คจากหน้าเว็บไซต์ของโรงแรมให้ดีๆ
- "ประเภทห้องพักและแพ็คเกจ" - ประเภทห้องพักส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ได้มากสุด 3 คนแต่ต้องเสริมเตียง มีทั้งแบบบีชฟรอนท์คืออยู่บนหาดทราย มองเห็นทะเลนะแต่อยู่บนบก กับแบบที่เรียกว่า Water Villa หรือ Water Suite ซึ่งเป็นบังกะโลที่ตั้งอยู่บนน้ำเลย แบบตามที่เห็นในรูปโปรโมทยอดฮิตของมัลดีฟส์นั่นแหละ ซึ่งถ้าอยากจะสัมผัสประสบการณ์แบบมัลดี๊ฟฟฟฟมัลดีฟส์แล้วก็ต้องเลือกแบบหลังนะ กระเป๋าฉีกทั้งทีก็ต้องเอาให้สุด!!
ส่วนแพ็คเกจห้องพัก ส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน 1) Breakfast & Bed ที่พักพร้อมอาหารเช้าแค่อย่างเดียว ไม่รวมเครื่องดื่ม 2) Half Board ที่พักพร้อมอาหารเช้าและอาหารเย็น ไม่รวมเครื่องดื่ม 3) Full Board ที่พักพร้อมอาหาร 3 มื้อ ไม่รวมเครื่องดื่ม และ 4) All Inclusive ที่พักพร้อมอาหารและเครื่องดื่มทุกประเภท (รวมแอลกอฮอล์ด้วย) ซึ่งถ้าจะเอาให้คุ้มค่าที่สึด เราขอแนะนำไม่แบบ 3 ก็แบบ 4 เพราะจากการรีเสิร์ชมาแล้ว อาหารบนเกาะแพงมากกกกก ก.ไก่ล้านตัว ถ้าเลือกแบบ 1 หรือ 2 ก็ต้องพกมาม่าติดตัวไปประทังชีวิตในบางมื้อ
- สิ่งที่ต้องรู้อีกอย่างคือค่าเซอร์วิสชาร์จและภาษีที่นี่ หนักหน่วงไม่แพ้กัน ราคาทุกอย่างที่เห็นต้องบวกอีก 23% นะจ๊ะ
- ค่าเงิน : บนเกาะ สามารถใช้สกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐได้ และโรงแรมทุกที่รับเครดิตการ์ด แต่เรื่องจะโดนชาร์จเพิ่มเท่าไหร่ก็แล้วแต่ช่วงเวลาว่าค่าเงินไทยจะแข็งจะอ่อน ทางที่ดีก็พกเงินสดติดเอาไว้บ้างละกัน
บัดเจ็ท : 90,000 บาท/คน (สำหรับ 5 วัน 4 คืน)
- พอพูดว่าไปมัลดีฟส์ สิ่งที่คนถามกันมากที่สุดนอกจากคำถามที่ว่า "สวยมั้ย" คือ "แพงมั้ย" เราตอบเลยว่าแพง เพราะถ้าเทียบกับการเที่ยวทะเลภาคใต้บ้านเราที่ใช้งบแค่หลักพันปลายๆ หลักหมื่นต้นๆ (ถ้าอยู่โรงแรมดีๆ) ต่อคนแล้ว มัลดีฟส์คือการลงทุนที่มากกว่านั้นแน่นอน แต่ก็มีที่พักและแพ็คเกจให้เลือกหลายเรนจ์ราคา แต่เรากับพ่อคุยกันแล้วว่าไปทั้งที ต้องทุ่ม! เทเงินเก็บของทั้งปี แล้วไปเที่ยวแบบขนหน้าแข้งร่วง ทริปนี้ก็ยอมเว้ย (ประสานมือกับพ่อรวมพลัง
เฮ่) จบที่บัดเจทต่อคน คนละ 90,000 บาท สำหรับ 5 วัน 4 คืน แจกแจงได้เป็นรายละเอียดตามต่อไปนี้
ค่าเครื่องบิน : 13,000 บาท/คน
- เราเลือกสายการบิน Bangkok Airways บินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิไปลงที่ Male ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติศูนย์กลางของมัลดีฟส์ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงถึง ซึ่งจากตรงนี้ เราต้องต่อซีเพลนประมาณ 55 นาทีและสปีดโบ๊ทอีก 5 นาทีเพื่อเดินทางไปยังรีสอร์ท ซึ่งมีค่าบริการเพิ่มเติมประมาณคนละ 11,000 บาท จองกับโรงแรมได้เลย
- ซีเพลนคืออะไร เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่เราได้ลองนั่งเครื่องบินแบบนี้ มันคือเครื่องบินที่ร่อนขึ้นและลงจากน้ำได้ เป็นลำเล็กๆ ที่นั่งฝั่งซ้ายเรียงเดี่ยว ฝั่งขวาเป็นคู่ กฎข้อเดียวคือสัมภาระที่แบกไปต้องห้ามเกินใบละ 20 กิโล
- โมเมนท์ที่ดีที่สุดของการนั่งเครื่องบินคือการได้เห็นวิวฟ้าๆ เขียวๆ ตัดกับหาดทรายขาวๆ คือมันสวยมากกกกก เหมือนอยู่ในสวรรค์จริงๆ
ค่าที่พัก : 66,000 บาท/คน
- รีสอร์ทที่เราเลือกมีชื่อว่า Como Maalifushi อยู่บนทะเลส่วนที่เรียกว่า South Atoll ซึ่งเราจิ้มเลือกห้องที่เป็นแบบ Water Suite มีพูลส่วนตัวหันหน้าออกไปหาทะเล มีซันเดคด้านนอกสำหรับนั่งชิลหรือนอนอาบแดด
แล้วก็มีอ่างอาบน้ำด้วย ส่วนแพ็คเกจที่เราเลือกเป็นแบบ Half Board รวมอาหารเช้าและอาหารเย็นสำหรับ 3 คน ราคานี้รวมเตียงเสริมแล้ว
- โรงแรมนี้คือดีมากกกก เป็นเครือของประเทศสิงคโปร์ซึ่งมี Asset อยู่ทั่วโลก และเป็นเครือเดียวกันกับ Club21 ด้วย เพราะฉะนั้นดีไซน์การตกแต่งนี่เป๊ะเว่อร์ เซอร์วิสก็ดีมากๆ
- ด้วยความที่รีสอ์ทค่อนข้างใหญ่ การเดินทางข้างในรีสอร์ทคือจักรยาน มีจอดไว้ให้หน้าบ้านเลย ปั่นเพลินๆ แค่ระวังอย่าตกน้ำอย่างเดียว แต่ถ้าใครขี้เกียจก็โทรเรียกรถกอล์ฟมารับมาส่งได้เช่นกัน
- ความพีคคือหาดทรายขาวและน้ำทะเลสีฟ้าแบบสดและใส คือถ้าสดใสกว่านี้ เนตไอดอลยังทำไม่ได้เลย และสิ่งที่ทะเลมัลดีฟส์ทำได้มากกว่าคือความ #nofilter สวยแบบไม่ต้องแต่งรูปจริง
กิจกรรม
- ราคาห้องนอกจากจะรวมที่พักและอาหารแล้ว พวกกิจกรรมทางน้ำอย่างเช่น พายเรือคายัค พาย Paddle Board คือฟรี มีหน้ากากดำน้ำแบบสนอร์เกิล เสื้อชูชีพ
และฟินให้ยืมด้วยสำหรับใครที่อยากจะกระโดดลงจากวิลล่าไปดำดูปะการัง
- ยกเว้นเสียแต่ว่าอยากจะออกจากเกาะไปทำกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่านั้น ที่โรงแรมก็มีออพชั่นให้เลือกทั้งนั่งเรือ Sunset Cruise ชมพระอาทิตย์ตกและน้องๆ โลมาไปพร้อมๆ กัน หรือ Turtle Expedition ดำน้ำไปเยี่ยมพี่เต่า หรือถ้าจะแอดวานซ์ขั้น Scuba Dive ก็สามารถบุ๊คได้ ทั้งหมดนี้มีค่าบริการเพิ่มเติม
อาหาร
- ที่ Como Maalifushi มีห้องอาหารทั้งหมด 3 ที่ เป็นอาหารนานาชาติและอาหารสำรับมัลดีฟส์ 2 ร้าน และอาหารญี่ปุ่นอีก 1 ร้าน ซึ่งแพ็คเกจ Half Board, Full Board และ All Inclusive สามารถเลือกได้ว่าอยากไปทานร้านไหน เอาตามที่กระเพาะสะดวกเลยจ้า
น้ำดื่ม
- ที่แปลกอย่างนึงคือน้ำดื่มที่นี่มีบริการในห้องไม่อั้น ทั้งแบบ Still ละ Sparkling แต่ถ้าเดินออกมานอกห้องเมื่อไหร่ อย่างเวลาไปกินข้าว ถ้าเอามาตั้งไว้บนโต๊ะปุ๊บ เสีย 3 ดอลล่าร์ทันที
5 วัน 4 คืนหมดไปกับการนั่งๆ นอนๆ หิวก็กิน กินอิ่มก็ออกไปนอนผึ่งแดด แสบตัวก็เข้ามาพักในร่ม บ่ายก็โดดน้ำไปว่ายดูปะการัง เย็นๆ ก็ไปนั่งริมหาดดูพระอาทิตย์ตก อ้อ มีพิเศษก็แค่ออกเรือไปดำน้ำดูเต่ากับดูโลมา นอกนั้นมันเป็นช่วงเวลา 5 วันที่เราลืมโลกแห่งความวุ่นวายไปเลย อ่านหนังสือจบเป็นเล่มๆ นั่งมองทะเลเอื่อยๆ แบบไม่มีอะไรมาเร่งให้ต้องนั่งคิ้วขมวด เอ้ออออ มันเป็นโมเมนท์แห่งความสุขที่ไม่ต้องมีอะไรมากเลยจริงๆ
กลับมาเครียดใหม่ตอนบิลบัตรเครดิตเรียกเก็บนี่ล่ะ..ลืมไปว่าของพ่อ ฮ่าๆๆ แต่เอาเป็นว่ามัลดีฟส์ ไม่ทำให้เราผิดหวังจริงๆ กลับมาโพนทะนาต่อให้เพื่อนทุกคนฟังว่าครั้งนึงในชีวิตต้องไปจริงๆ ระหว่างนั้นก็ทำงานงกๆ ต่อไป เก็บเงินได้อีกซักก้อนจะขอกลับไปรีเฟรชตัวเองใหม่ที่นี่ :)
#travelerspulseinmaldives
#travelerspulseentry
#travelerspulsesnap
#maldives
club21 คือ 在 Me.Melissa Facebook 的最讚貼文
กรี้ดดดด งาน SALE!!!! อยากไปๆ แต่เห็นคนแล้ว ขอคิดดูก่อนค่ะ 555
Club21 Family Sale 70-90% ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มีนาคม 10 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม ชั้น 8 ตึก Park Ventures สถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต
มีเทคนิคคำนวณราคาเซลอย่างรวดเร็วมาฝากด้วย เริ่ดตรงนี้
-ถ้าลด 90 % ตัด 0 หนึ่งตัว เช่น ถ้า 5,000 เหลือ 500
- ถ้าลด 80 % ตัด 0 คูณ 2 เช่น ถ้าลด 5,000 ตัด 0 เหลือ 500 คูณ 2 คือ 1,000
- ถ้าลด 70 % ก็ตัด 0 คูณ 3
http://catmint.in.th/club21-family-sale-70-90-2014/?utm_source=twitterfeed&utm_medium=facebook