BMW คือ รถในฝันของผมตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และในวันนี้ความฝันของผมก็เป็นจริงแล้วในวัย 24 ปี ถือว่าเร็วเกินฝัน เพราะถ้าย้อนกลับไปสมัยเรียน หรือ ปีที่แล้ว ด้วยราคาของรถ และ ความเป็นไปได้ของรายได้ ณ ตอนนั้น ผมคิดว่าตัวเองจะได้นั่งรถ BMW อย่างเร็วสุดก็คงอายุ 40 ปี ที่สำคัญ คือ ผมถอยมันออกมาในวันที่ 13 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันคนถนัดซ้ายสากลพอดี (เพราะผมถนัดซ้าย)
.
อย่างไรก็ตาม หากการซื้อรถ BMW คันนึง เป็นเพียงแค่การได้เป็นเจ้าของรถหรู ก็คงไม่ใช่ สมองไหล เพราะแน่นอนว่าการพิชิตรถในฝันในครั้งนี้ มันได้ให้บทเรียนทั้งในด้าน การเงิน ธุรกิจ การตลาด และ แรงบันดาลใจ กับผมมากมาย ผมจึงกลั่นออกมาเป็น 3 ข้อคิด มาเล่าให้ทุกคนฟังในบทความนี้ครับ
.
1. เมื่อไหร่ที่คุณบอกตัวเองว่า “คุณจ่ายไหว” นั่นคือ สัญญาณว่า “คุณจ่ายไม่ไหว” เพราะถ้าคุณจ่ายไหวจริงๆ คุณต้องสามารถซื้อของสิ่งนั้นได้เลยทันทีโดยไม่ต้องถามคำถามนี้กับตัวเอง เพราะมันไม่ได้มีผลอะไรต่ออนาคตของคุณ เหมือนกับที่เวลาที่คุณซื้อหมากฝรั่งนั่นแหละ คุณไม่มานั่งคิดหรอก ว่าคุณจะจ่ายค่าหมากฝรั่งไหวไหม
.
นี่คือ คำพูดที่ M.J. DeMarco ได้กล่าวเอาไว้ในหนังสือ The Millionaire Fastlane ซึ่งผมคิดว่าจริงมากๆ เพราะผมเคยมีประสบการณ์ถามตัวเองว่า “จ่ายไหวไหม คงจ่ายไหวแหละ” เวลาจะซื้อของ โดยเฉพาะการซื้อผ่อน และ สุดท้ายก็ต้องผ่อนแบบทุลักทุเลจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดทุกที
.
นับตั้งแต่ผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ทุกครั้งที่ผมมีคำถามในหัวระหว่าง “จ่ายไหว” กับ “จ่ายไม่ไหว” (ซึ่งก็มักจะลงเอยด้วยการหลอกตัวเองว่า “จ่ายไหว”) ผมจะไม่ซื้อของสิ่งนั้นอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอะไรที่ไม่ใช่ทรัพย์สิน หรือ การลงทุน
.
ดังนั้น ทุกครั้งที่ผมจะซื้อของ ไม่ว่าของสิ่งนั้น จะเล็ก จะใหญ่ จะถูก หรือ จะแพง ผมจะต้องมีเงินสดพร้อม และ ไม่มีคำถามว่าจ่ายไหวไหม
.
ทุกครั้งที่ผมจะซื้ออะไรก็ตาม ผมจะต้องเลือกระหว่าง “ซื้อสด” หรือ “ซื้อผ่อน” เท่านั้น ไม่ใช่ เลือกได้แค่ “ซื้อผ่อน” แล้วมานั่งคิดว่าผ่อนไหวไหม เพราะจุดจบ คือ การใช้ชีวิตด้วยความกังวลทุกที ฉะนั้น ถ้าเป็นแบบนี้อย่าฝืนครับ ถ้าวิธีทำเงินเดิมมันซื้อไม่ได้ ก็ไปเปลี่ยนวิธีทำเงินก่อน แล้วค่อยมาซื้ออีกที
.
การซื้อรถ BMW ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมมีเงินพร้อมสำหรับซื้อสดได้ทันทีโดยไม่เดือดร้อนชีวิตในอนาคต ไม่ว่าจะเจอวิกฤตอะไรก็ตาม ซึ่งผมก็ใช้วิธีนี้มาตั้งแต่ซื้อคอมพิวเตอร์ ซื้อกล้อง และ ทุกอย่างในชีวิตแล้ว
.
ผมจึงเดินเข้าไปในโชว์รูม แล้วถามเซลล์ว่า “ช่วยอธิบายข้อเสนอ ระหว่าง ซื้อสด กับ ซื้อผ่อน (ผมขอดาวน์ 60%)ให้ผมหน่อย เพราะผมอยากรู้ว่า แบบไหนดีกว่ากัน”
.
ปรากฎว่า
- ข้อเสนอในการซื้อเงินสด คือ ได้ส่วนลด 100,000 บาท
- ส่วนข้อเสนอในการซื้อผ่อน คือ ได้ส่วนลด 50,000 บาท และ ผ่อน 0%
.
ซึ่งปกติ เวลาเราผ่อน เราจะต้องเสียดอกเบี้ยประมาณ 2-3 % ซึ่งผมอยากจะขอผ่อนแค่ 4 ปี นั่นหมายความว่า ผมสามารถประหยัดเงินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 120,000 บาท และ ได้ส่วนลดอีก 50,000 บาท
.
คำถาม คือ ถ้าผ่อนไม่ต้องเสียดอก แถมได้ส่วนลดน้อยกว่าซื้อสดแค่ครึ่งเดียว แล้วจะจ่ายเงินสดไปทำไม ?
.
ผมจึงเลือกซื้อผ่อน โดยขอดาวน์ 60% เพราะไม่อยากผ่อนต่อเดือนสูง (ประมาณ 2X,XXX) และ ขอผ่อน 4 ปี 1,000,000 บาท เพราะไม่อยากผ่อนยาว
.
และ แน่นอนว่า เมื่อเราซื้อของในจุดที่เราเลือกได้ว่าจะซื้อสด หรือ ซื้อผ่อน และ ไม่มีคำถามในหัวว่า จ่ายไหวไหม เราก็จะได้เป็นเจ้าของมันแบบสบายใจ ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง และ ใช้ชีวิตต่อไปด้วยความมั่นใจ
.
2. พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรก็ตาม มันจึงทำให้บทบาทหน้าที่ของธุรกิจ โดยเฉพาะฝ่ายขาย หรือ เซลล์ ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งหากใครดื้อด้าน ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ทำธุรกิจแบบเดิมๆ ทำงานแบบเดิมๆ ก็เตรียมตัวหายไปจากชีวิตของลูกค้าได้เลย
.
ยกตัวอย่าง การตัดสินใจซื้อรถ BMW ซึ่งในครั้งนี้ตัวผมได้ใส่หมวกเป็นลูกค้าและสัมผัสมันโดยตรง
.
คือ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน ถ้าคุณจะซื้อรถสักคันหนึ่ง สิ่งที่คุณทำก็คือ การถามข้อมูลจากเพื่อน ถามพ่อแม่ ถามคนใกล้ตัวที่มีความรู้ จากนั้นก็ตระเวณไปตามโชว์รูมต่างๆ เพื่อตัดสินใจอีกครั้ง
.
ซึ่งตัวแปรที่มีผลในการตัดสินใจซื้อรถของลูกค้า ก็คือ เซลล์
.
ดังนั้น โชว์รูมไหน มีเซลล์ที่ขายเก่ง พูดเก่ง นำเสนอเก่ง ให้รายละเอียดเก่ง ปกปิดจุดอ่อนเก่ง ก็จะได้เงินของลูกค้าไป ยิ่งถ้าเซลล์สามารถทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ก่อนโดยที่ไม่ยอมให้เขาไปเจอข้อเสนออื่นที่ดีกว่าจากคู่แข่งด้วยยิ่งดี
.
แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เพราะก่อนที่ลูกค้าจะซื้ออะไร เขาจะ “ค้นหาข้อมูล” จากออนไลน์ก่อนเสมอ ทั้งรุ่นรถ เปรียบเทียบราคา จุดเด่น จุดด้อย และ ข้อเสนอต่างๆ
.
ส่วนตัวก่อนที่ผมจะตัดสินใจซื้อ ผมได้ศึกษาข้อมูล ดูรีวิวมาเป็นเดือน บอกเลยครับว่า ไม่มีข้อมูลจากเว็บไหน หรือ คลิปไหนจากยูทูปที่ผมยังไม่ดู แต่ละคลิปผมดูซ้ำมากกว่า 5 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลรายละเอียดตัวรถ ความรู้สึกในการขับขี่ ความปลอดภัย ข้อดี ข้อเสีย ราคา และ ข้อเสนอต่างๆ ผมดูมาหมดแล้ว จนมาจบที่รถรุ่น Bmw 220i gran coupe m sport
.
เห็นไหมครับว่า ลูกค้าตัดสินใจซื้อตั้งแต่บนออนไลน์แล้ว เขาไม่เดินไปฟังเซลล์แล้วตัดสินใจที่หน้าร้านอีกแล้ว ที่สำคัญคือ เซลล์ที่เราเลือกจะติดต่อไป ก็คือ คนที่เขาทำคอนเทนต์ ให้ข้อมูล รีวิว ให้กับเราได้ดีที่สุด ละเอียดที่สุด น่าเชื่อถือที่สุด โดยเฉพาะคนที่บอกข้อเสียด้วย ไม่ใช่อวยอย่างเดียว
.
นั่นหมายความว่า ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรอยู่ ถ้าคุณไม่ทำ “ออนไลน์” คุณก็จะไม่สามารถเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาที่ลูกค้ากำลังตัดสินใจได้ และ ถ้าคุณไม่เข้าไปอยู่ในช่วงที่ลูกค้าตัดสินใจ มันก็ไม่มีทางเลยที่ลูกค้าจะเดินไปหาคุณที่หน้าร้าน เพื่อจ่ายเงินให้กับคุณ
.
เพราะคนเราจะซื้อของกับคนที่เรา รู้จัก ไว้ใจ และ เห็นว่าเขาโปร่งใส เท่านั้น ซึ่งการทำคอนเทนต์บนออนไลน์ ก็เหมือนการทำความรู้จักลูกค้า ที่สำคัญคือ การทำความรู้จักบนออนไลน์ มันง่ายกว่าต่อหน้า เพราะลูกค้าจะไม่มีกำแพงปิดกั้นคุณ เพราะเขาไม่ต้องกลัวว่าจะโดนคุณขายของ หรือ จะโดนคุณหลอก เขาสามารถเลือกได้ว่าจะดูคุณไหม ถ้าดีก็ดูต่อ ไม่ดีก็แค่เปลี่ยนไปดูคนอื่น มันจึงทำให้ลูกค้าเปิดใจง่ายกว่า
.
แต่การทำความรู้จักต่อหน้า ลูกค้าจะตั้งกำแพงขึ้นมาก่อน เขาจะมีอคติกับทุกคำพูดของคุณว่าจะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อดี เขาจะมีข้อโต้แย้งในหัวขึ้นมาตลอดเวลา และ ไม่เปิดใจง่ายๆ
.
ถ้าลูกค้าเขาเข้ามาดู ฟัง อ่าน คอนเทนต์ของคุณในออนไลน์มากๆ มันก็เหมือนเขารู้จักคุณ คุณเป็นเพื่อนเขา ในระดับนึงแล้ว แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่จ่ายเงินให้กับคุณล่ะ จริงไหม ?
.
ต่อมาในหมวกของเซลล์ ต้องบอกว่าเมื่อพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเปลี่ยนไป บทบาทหน้าที่ของเซลล์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน คือ เซลล์ไม่ได้มีหน้าที่ขายเหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะหน้าที่ขาย หน้าที่นำเสนอ หน้าที่โน้มน้าว ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อมันได้ย้ายไปอยู่ในคอนเทนต์บนออนไลน์แล้ว
.
แต่หน้าที่ของเซลล์ คือ
.
(1) อำนวยความสะดวก คือ คุณไม่ต้องพูดโน้มน้าวใดๆ เพราะลูกค้าเขาตัดสินใจมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว คุณไม่ต้องนำเสนอข้อมูลใดๆ เพราะเขาดูมาหมดแล้ว คุณไม่ต้องปกปิดข้อเสียใดๆ เพราะมันจะยิ่งทำให้เขาเห็นว่าคุณไม่จริงใจ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวกับสินค้าของคุณที่ลูกค้าไม่รู้
.
คุณมีหน้าที่แค่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าซื้อได้ง่ายที่สุด บริการให้ประทับใจที่สุด ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด
.
อย่างตัวผม เมื่อเดินเข้าไปใน โชว์รูม สิ่งที่ผมถามเซลล์ คือ ได้ส่วนลดเท่าไหร่ ซื้อสดมีข้อเสนออะไรบ้าง หรือ ถ้าซื้อผ่อนมีข้อเสนออะไรบ้าง สามารถเปลี่ยนขุดแต่งให้ผมพร้อมวันออกรถได้ไหม ผมรู้จักกับร้าน ติดฟิล์ม และ เคลือบแก้วดีๆ อยู่แล้ว สามารถให้เขาเอารถไปติดฟิล์ม และ เคลือบแก้วเลยโดยที่ผมไม่ต้องมาโชว์รูมเองหลายรอบได้ไหม ทำให้เสร็จทุกอย่างเลย ผมมาโชว์รูมอีกครั้ง คือ วันขับรถออกเลย สามารถจัดการให้ได้ไหม ?
.
หน้าที่ของเซลล์ คือ อำนวยความสะดวกตามที่ผมขอให้ได้ และ บริการให้ผมประทับใจที่สุด
.
เห็นไหมครับว่า คำถาม มันไม่ใช่ รถรุ่นไหนดี รุ่นนี้ขับเป็นยังไง ราคาเท่าไหร่ มีข้อดี ข้อเสียตรงไหนบ้าง แบบสมัยก่อนแล้ว
.
(2) Upsell ให้ลูกค้าจ่ายเงินเพิ่ม คือ เวลาลูกค้าดูข้อมูลมา ลูกค้าดูแค่สิ่งที่เขารู้ว่าเขาต้องการเท่านั้น แต่เมื่อลูกค้าเดินมาหน้าร้าน หน้าที่ของเซลล์ คือ ทำให้เขาจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีก ในสิ่งที่เขาไม่รู้ว่าเขาต้องการ โดยแลกกับความคุ้มค่าที่ลูกค้า (อาจจะ) ไม่รู้มาก่อน
.
อย่างตัวผม ตอนแรกราคารถอยู่ที่ 2,169,000 บาท แต่พอมาซื้อจริงๆ เซลล์เสนอว่าจะเพิ่มการรับประกันรถ หรือ BSI จากเดิม 3 ปี 60,000 กิโลเมตร เป็น 5 ปี 100,000 กิโลเมตร โดยเพิ่มเงินอีกแค่ 80,000 บาทไหม เพราะรถยุโรปเวลาเข้าเช็คระยะที่ศูนย์แต่ละครั้ง ต้องเสียเงินหลักหมื่น แต่ถ้ายังอยู่ใน BSI จะเข้าศูนย์ และ ซ่อมกรณีเกิดจากตัวรถฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ที่สำคัญรถส่วนใหญ่ 3 ปีแรกไม่ค่อยเข้าศูนย์หรอก มันจะไปหนักช่วงปีที่ 4 เป็นต้นไปมากกว่า
.
ซึ่งเมื่อผมคิดคำนวณแล้ว คือ “ตกลง” ผมได้ความคุ้มค่า เซลล์ได้เงินเพิ่ม Win Win และยังไม่รวมพวกชุดแต่ง และ อื่นๆ อีก ที่ผมต้องจ่ายเงินเพิ่มจากเดิมที่ไม่ได้คิดตรงนี้ เพราะผมไม่รู้ว่าตัวเองต้องการมาก่อน ซึ่งเป็นหน้าที่ของเซลล์ที่จะต้องยื่นข้อเสนอ เพื่อ Upsell ให้ลูกค้าจ่ายเงินเพิ่มให้ได้ กลายเป็นว่าสุดท้ายผมต้องจ่ายเงินไปรวมๆ ประมาณ 2,2XX,XXX บาท
.
สรุปคือ คอนเทนต์ก็เหมือนเซลล์แมนที่ทำหน้าขายแทนคุณ เมื่อเขาปิดการขายลูกค้าคนไหนได้ คอนเทนต์ก็จะส่งลูกค้าที่ ตัดสินใจแล้ว และ พร้อมซื้อ มาให้คุณ ส่วนคุณมีหน้าที่แค่นั่งอยู่เฉยๆ ให้ลูกค้าเดินเข้ามาหาเอง จากนั้นก็อำนวยความสะดวก บริการ และ Upsell ให้ลูกค้าจ่ายเงินเพิ่มด้วยความพอใจแบบ Win Win ซึ่งผมเรียกหลักการนี้ว่า “Inbound Content Marketing หรือ การตลาดโดยใช้คอนเทนต์แบบแรงดึงดูด”
.
ซึ่งผมได้สอนแบบเจาะลึกถึงรายละเอียด และ กระบวนการ เอาไว้ในคลาส Online Signature 2021 ทั้งหมดแล้ว หากคุณอยากจะนั่งเฉยๆ แล้วให้ลูกค้าวิ่งเข้าหาเองได้ ก็สามารถเข้ามาลุยด้วยกันได้ครับ
.
3. เหตุผลที่ผมเลือกซื้อ BMW ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นรถยุโรป ขับแล้วเท่ สมรรถนะเยี่ยม ที่อยากมีไว้ในครอบครองเท่านั้น แต่มันมีผลกับการทำงานในเชิงจิตวิทยาของผมด้วย
.
หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า BMW ไม่ได้เริ่มต้นธุรกิจจากการผลิตรถยนต์ แถมยังเคยตกอับถึงขนาดเอาเศษเหล็กมาทำเครื่องครัวขายเพื่อความอยู่รอดมาแล้ว
.
ย้อนกลับไปในปี 1916 ก่อนจะมาเป็น BMW บริษัทมีชื่อว่า Rapp Motorenwerke ทำธุรกิจผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน จากนั้นไม่กี่ปีต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น Bayerische Motoren Werke ซึ่งเป็นชื่อเต็มของ BMW โดยโลโก้ที่เราเห็นกันทุกวันนี้จนจำขึ้นใจ ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากลักษณะการหมุนของใบพัดเครื่องบิน รวมเข้ากับสีฟ้าและขาว ซึ่งเป็นสีประจำแคว้นบาวาเรีย (Bavaria) ที่ตั้งของบริษัท BMW โดยเครื่องยนต์ของเครื่องบิน BMW IIIA เป็นเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดในยุคนั้น ต่อมา เครื่องยนต์ BMW IV ก็สามารถสร้างสถิติโลกเพดาลบินสูงสุดได้
.
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า BMW กำลังไปได้ดี แต่ทุกอย่างก็พังลง เมื่อเยอรมนีแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ผลจากสงครามทำให้การผลิตเครื่องยนต์เครื่องบินกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายในเยอรมนี จากผลของสนธิสัญญาแวร์ซาย
.
BMW ที่เคยผลิตแต่เครื่องยนต์เครื่องบินมาโดยตลอด ต้องหันไปผลิตเครื่องมือทำฟาร์ม และเบรกรถไฟ ซึ่งในระหว่างนั้นเอง Max Friz หัวหน้านักออกแบบของ BMW ก็ได้วางแผนออกแบบ รถมอเตอร์ไซค์ ควบคู่ไปด้วย
.
จนในปี 1923 BMW ก็เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์คันแรก ที่มีชื่อรุ่นว่า R32 ซึ่งเปิดตัวในงาน Berlin Motor Show
.
หลังจากนั้นในปี 1928 ธุรกิจผลิตรถยนต์ของ BMW ก็เริ่มต้นขึ้น โดย BMW 3/15 PS คือรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้ชื่อของ BMW และกลายเป็นที่ฮือฮาทันที เพราะสามารถชนะการแข่งขันรายการ Alpine Rally ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าร่วมแข่งขัน
.
หลังจากนั้นในปี 1933 ก็ได้เปิดตัว BMW 303 ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกที่มาพร้อมกับกระจังหน้าแบบไตคู่ (Kidney Grille) จนรูปแบบดังกล่าวได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ของรถ BMW ทุกรุ่นในปัจจุบัน
.
แต่ก็เหมือนเดจาวู เมื่อทุกอย่างกำลังไปได้สวย BMW ก็ล้มลงอีกครั้ง เมื่อเยอรมมีแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 อีกครั้ง ทั้งโรงงานรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ พังเกือบหมด
.
BMW ต้องกลับไปผลิตของใช้ในครัวเรือน ก่อนจะกลับมาสร้างมอเตอร์ไซค์ได้อีกครั้งในปี 1948 และรถยนต์ในปี 1951
.
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง BMW กลับมาขายรถที่จัดเต็มเรื่องสมรรถนะ ซึ่งถือว่าเป็นรถที่มีเทคโนโลยีล้ำสุดในช่วงเวลานั้น
.
แต่ดูเหมือนว่า จุดสูงสุดของวิศวกรรมจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับจุดต่ำสุดของ BMW
.
เนื่องจากช่วงหลังสงคราม คนสนใจแต่ปากท้องของตัวเอง และคงไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อรถคันใหญ่ที่มีวิศวกรรมล้ำหน้าราคาแพง ทำให้รถของ BMW ขายได้ไม่ค่อยดี ส่วนตลาดมอเตอร์ไซค์ก็เริ่มซบเซา
.
สุดท้ายบริษัทมีปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก จนถึงขั้นที่ว่าบอร์ดของบริษัท ตอบรับข้อเสนอการควบรวมกิจการกับทาง Daimler-Benz อย่างไรก็ตาม ดีลนี้ไม่เกิดขึ้น เพราะถูกต่อต้านจากทั้งคนงานและผู้ถือหุ้นรายย่อย
.
Herbert Quandt หนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัท ตัดสินใจหาเงินมาซื้อหุ้นในส่วนที่จะขายให้ทาง Daimler-Benz นั้นเอาไว้เอง ทำให้ BMW ยังคงเป็นบริษัทคู่แข่งกับ Benz ต่อไป ซึ่งผ่านมา 59 ปี ปัจจุบันคนตระกูล Quandt ก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน BMW Group อยู่
.
ต่อมากิจการของ BMW ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ BMW มีการปรับเปลี่ยนให้รถที่ทำออกมามีขนาดเล็กลง สามารถตอบโจทย์คนทั่วไปมากขึ้น และ เติบโตขึ้นผ่านการซื้อขายบริษัทอื่นๆ ตามมาอีกหลายครั้ง ทั้งแบรนด์ MINI และ Rolls-Royce จนปัจจุบัน BMW มีมูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านบาท
.
หลายคนอาจจะคิดว่า ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เส้นทางของเขาคงจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่เคยล้มเหลว ไม่เคยเจอวิกฤตอะไรมาก่อน
.
แต่สำหรับ BMW พวกเขาต้องดิ้นรนถึงขนาดต้องทำหม้อทำกระทะขายเพื่อความอยู่รอดมาแล้ว
.
แต่ไม่ว่า BMW จะเจอกับสงครามโลกกี่ครั้ง จะเจอวิกฤตกี่หน แต่เขาก็ “ไม่ยอมแพ้” และ ต่อสู้จนกลับมาเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จได้เสมอ
.
ชีวิตคนเราก็เช่นกัน ผมทั้งเคยทำธุรกิจเจ๊ง ถึงกับต้องขอยืมเงินเพื่อน 100 บาท เพื่อมาซื้อมาม่า กับ ไข่ไก่กินประทังชีวิต 1 สัปดาห์ ดิ้นรนอีกหลายเดือน และ ไปขออาศัยอยู่บ้านเพื่อน เมื่อตอนสมัยเรียน นอกจากนี้ธุรกิจของผมก็เจ๊งเพราะโควิด-19 ไม่ต่างกับใครอีกหลายคน
.
เราทุกคนล้วนมีวันที่ดี และ มีวันที่ร้ายสลับกันไป ดังนั้น ทุกครั้งที่ผมขึ้นไปนั่งบนรถของ BMW หน้ามองตรง มือจับพวงมาลัย แล้วสูดลมหายใจลึกเข้าเต็มปอด
.
มันเหมือนเป็นเครื่องเตือนใจผมว่า “ต่อให้จะเจอวิกฤตอะไร เจอวันที่แย่แค่ไหน จงอย่ายอมแพ้ จงสู้ต่อไป ก้าวไปข้างหน้า แล้วเราจะประสบความสำเร็จได้ เหมือนกับ BMW …”
.
และนี่คือ เหตุผลที่ผมเลือก BMW เพราะทุกครั้งที่ผมเหยียบคันเร่งของรถ มันก็เหมือนผมกำลังเหยียบคันเร่งให้ชีวิตของตัวเอง
.
ปล. หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยเจอวิกฤต และไม่ยอมแพ้ BMW คือ รถที่เหมาะสมกับคุณที่สุดครับ ถ้าคุณอยากเป็นเจ้าของรถอย่าง BMW ก็ทักไปหาคุณปุ๋ย ที่ดูแลผมอยู่ได้เลย เขาดูแลดีมากๆ ครับ
.
โทร 090-6786187 | ID Line : pueybmw | เพจ : ปุ๋ย เซลรถหรู ภาคใต้ | Facebook : ปุ๋ย บี้เอ็ม ภาคใต้
.
ปล.2 ส่วนใครอยากนั่งอยู่เฉยๆ แล้วให้คอนเทนต์บนออนไลน์ ดึงดูดลูกค้าวิ่งเข้าหา ก็เข้ามาลุยกับผมและพี่น้องอีกมากกว่า 300 คน ในคลาส Online Signature 2021 ได้ครับ
.
ทักไลน์มาได้ที่ @samounglai
同時也有9部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅7Car小七車觀點,也在其Youtube影片中提到,BMW 總代理汎德今天 (7/1) 上午選在台北南港展覽館舉行 Luxury Class 發表會,將甫於今年上海車展登場的 G11/G12 世代 7 Series 小改款車型正式於國內上市,引進車款與建議起跳售價分別為 730i (408 萬)、730d (418 萬) 、 740i M Sport...
「bayerische motoren werke」的推薦目錄:
- 關於bayerische motoren werke 在 สมองไหล Facebook 的精選貼文
- 關於bayerische motoren werke 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於bayerische motoren werke 在 Servus Belles Abenteuer in Deutschland 小貝德國冒險求生日記 Facebook 的精選貼文
- 關於bayerische motoren werke 在 7Car小七車觀點 Youtube 的精選貼文
- 關於bayerische motoren werke 在 Ruby Liu Youtube 的精選貼文
- 關於bayerische motoren werke 在 7Car小七車觀點 Youtube 的最佳貼文
- 關於bayerische motoren werke 在 Bayerische Motoren Werke - Home | Facebook 的評價
bayerische motoren werke 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ทำไม เยอรมนี จึงเป็นประเทศแห่ง รถยนต์? ตอนที่ 1 /โดย ลงทุนแมน
“รถยนต์” คือวิศวกรรมชั้นยอดที่คนเยอรมันภาคภูมิใจ
ในบรรดาแบรนด์รถยนต์หรู รถเยอรมันจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คนทั้งโลกใฝ่ฝัน
ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Benz, Porsche, BMW, Audi และ Volkswagen
ทั้ง 5 แบรนด์ ล้วนเป็นตัวแทนของสมรรถนะ ฟังก์ชันการใช้งาน
และการออกแบบที่คนทั่วโลกยอมรับ
หากไล่เรียงไปบนแผนที่ของประเทศเยอรมนี จะพบว่า
สำนักงานใหญ่ของบริษัทรถยนต์ทั้ง 5 ล้วนตั้งกระจายอยู่ทั่วประเทศ
Mercedes-Benz และ Porsche อยู่ชตุทท์การ์ท ทางตะวันตกของประเทศ
BMW และ Audi อยู่ในรัฐบาเยิร์น ทางตะวันออกเฉียงใต้
และ Volkswagen ตั้งอยู่ใจกลางทางตอนเหนือ ในเมืองว็อลฟส์บวร์ค
เรื่องทั้งหมดนี้ราวกับว่า ลมหายใจของชาวเยอรมันขับเคลื่อนเป็นจังหวะเดียวกันกับเครื่องยนต์..
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ.2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม เยอรมนี จึงเป็นประเทศแห่ง รถยนต์?
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเยอรมนี มีจุดเริ่มต้นมาจากการก่อตั้งมหาวิทยาลัยด้านเทคนิค
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ที่เน้นการศึกษาในสายช่าง และสายอาชีพวิศวกรรมโดยเฉพาะ
รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ออทโท ฟอน บิสมาร์ค
ได้สนับสนุนให้มหาวิทยาลัยทำความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม
มีงานวิจัยร่วมกันระหว่างนักวิชาการ กับนักธุรกิจในแวดวงอุตสาหกรรม
งานวิจัยด้านวิศวกรรม จึงถูกนำไปใช้ในโลกธุรกิจได้ง่าย
เมื่อธุรกิจสามารถทำกำไรได้ ก็ให้เงินกลับมาสนับสนุนงานวิจัยต่อไปไม่สิ้นสุด
และด้วยทัศนคติต่ออาชีพ “ช่างกล” ในเยอรมนีที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรป
หลายๆ คนที่ชื่นชอบในเครื่องยนต์กลไก จึงได้โลดแล่นบนเส้นทางความฝันของตัวเอง
หนึ่งในนั้นก็คือ Karl Benz วิศวกรผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเมืองคาร์ลสรูเฮอ (KIT) ทางตะวันตกของประเทศ
Karl Benz ได้ก่อตั้งบริษัท Benz & Cie ในปี ค.ศ. 1883
และพยายามพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเบนซิน
ให้เหนือกว่ารถในยุคนั้น ที่ใช้พลังงานไอน้ำจากถ่านหิน
ประเด็นสำคัญก็คือ การใช้น้ำมันเบนซิน จะเป็นการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพดีกว่าไอน้ำ
ทำให้เครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันมีขนาดเล็กกว่าเดิมมาก
ในช่วงแรก เครื่องยนต์ใช้น้ำมัน ถูกออกแบบให้เข้ากับรถ 3 ล้อ และเกิดเป็น รถยนต์คันแรกของโลก
“Benz Patent Motorwagen” ในปี ค.ศ. 1886
กิโลเมตรที่ 0 ของรถยนต์เยอรมัน เริ่มออกเดินทางแล้ว..
ในปีเดียวกันนั้นเอง Gottlieb Daimler วิศวกรผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเมืองชตุทท์การ์ท ห่างจากเมืองคาร์ลสรูเฮอเพียง 60 กิโลเมตร
ก็ได้ออกแบบรถยนต์ 4 ล้อ ที่มีเครื่องยนต์ใช้น้ำมันเช่นเดียวกัน
และก่อตั้งบริษัท Daimler Motors ที่เมืองชตุทท์การ์ท ในปี ค.ศ. 1890
ทั้ง 2 บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมัน
และจุดประกายให้เหล่าวิศวกรมากมายทำตามความฝัน
หนึ่งในนั้นคือ August Horch วิศวกรผู้จบจากวิทยาลัยเทคนิคแห่งเมือง Mittweida
และเคยทำงานให้กับ Benz & Cie มาก่อน
Horch ได้ลาออกมาก่อตั้งบริษัทรถยนต์ Horch ของตัวเอง
แต่ก่อตั้งได้ไม่นานก็ประสบความล้มเหลวด้านการบริหาร
แล้วก็กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งพร้อมกับชื่อใหม่
เพราะติดเรื่องกฎหมายที่ไม่สามารถใช้ชื่อเดิมได้
คำว่า Horch เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า ฟัง
ซึ่งมีความหมายเดียวกับภาษาละตินว่า Audi
บริษัทรถยนต์ Horch จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Audi (อาวดี้) ในปี ค.ศ. 1910
ถึงแม้ประเทศเยอรมนีจะเป็นผู้ริเริ่มอุตสาหกรรม มีบริษัทรถยนต์มากมาย
แต่รถยนต์เยอรมันทั้งหมดล้วนเป็นรถยนต์ที่ประกอบด้วยมือ
ถึงแม้จะมีงานออกแบบที่สวยงาม และตอบโจทย์การใช้สอย
แต่ใช้เวลานานมากในการผลิต และมีราคาสูง
เยอรมนีจึงผลิตรถยนต์ได้เพียงปีละ 900 คัน ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1900
และถูกแซงหน้าโดยประเทศอุตสาหกรรมน้องใหม่อย่างสหรัฐอเมริกา
ที่มีกระบวนการผลิตแบบสายพานลำเลียงของ เฮนรี ฟอร์ด ที่ทำให้สามารถผลิตรถยนต์ได้
จำนวนมากๆ ถึงแม้จะไม่สวยงาม แต่ก็มีราคาถูก และเข้าถึงคนทั่วไปได้
แล้วเหตุการณ์ที่ซ้ำเติมเส้นทางลำบากให้ยากยิ่งกว่าเดิม
ก็คือสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งจักรวรรดิเยอรมันเป็นผู้ริเริ่มเอง..
สงครามนี้สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1918 ด้วยความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิเยอรมัน
ต้องลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซาย ที่ระบุให้รับผิดชอบในฐานะผู้ก่อสงคราม
ถูกปลดอาวุธ จำกัดอาณาเขต ห้ามผลิตเครื่องบิน และชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาล
การห้ามผลิตเครื่องบิน ทำให้บริษัทที่เคยผลิตเครื่องยนต์ให้เครื่องบิน
อย่าง Bayerische Motoren Werke หรือ BMW แห่งเมืองมิวนิก รัฐบาเยิร์น
ที่เพิ่งก่อตั้งในปี ค.ศ. 1917 ต้องประสบความยากลำบาก
หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Karl Rapp ผู้เคยเป็นช่างเทคนิคให้ Benz & Cie มาก่อน
ต้องปรับเปลี่ยนให้ BMW มาผลิตระบบเบรกสำหรับรถราง
รัฐบาลเยอรมันพยายามพิมพ์เงินเพื่อใช้หนี้ค่าปฏิกรรมสงคราม แต่ผลที่ได้กลับทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างมโหฬาร จนกลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจ
วิกฤติครั้งนี้ ทำให้รถยนต์ที่มีราคาสูงอยู่แล้ว ยิ่งขายไม่ออก
บริษัทรถยนต์ทั้งหลายจึงต้องปรับตัวกันอย่างหนัก
ความต้องการรถขนาดเล็ก ทำให้ BMW หันมาผลิตรถมอเตอร์ไซค์เข้าสู่ตลาด
ส่วน 2 บริษัทรถยนต์คู่แข่ง Daimler และ Benz ต้องควบรวมกันในปี ค.ศ. 1926
และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Mercedes-Benz ที่มีสำนักงานอยู่ในเมืองชตุทท์การ์ท
เช่นเดียวกับ Audi ที่ต้องควบรวมกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ อีก 4 บริษัท
กลายเป็นที่มาของสัญลักษณ์ห่วงทั้ง 4 ของแบรนด์ Audi
ด้วยความที่รถยนต์ของ Mercedes-Benz มีขนาดใหญ่และราคาแพง
หนึ่งในทีมออกแบบ Ferdinand Porsche จึงได้เสนอรถยนต์แบบใหม่
ที่ปรับขนาดให้เล็ก และมีน้ำหนักเบาลงเพื่อลดราคา
Ferdinand Porsche วิศวกรผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคนิคชตุทท์การ์ท
มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วยุโรป จากการประดิษฐ์มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
แต่ข้อเสนอของ Porsche ก็ไม่ผ่านบอร์ดผู้บริหารของ Mercedes-Benz
Porsche จึงลาออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง ในปี ค.ศ. 1931
โดยเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการพัฒนามอเตอร์ และเครื่องยนต์
มาถึงตรงนี้ เรามาทบทวนกันอีกสักครั้งว่า..
รถยนต์เยอรมันแต่ละแบรนด์มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
Mercedes-Benz เป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนี
ส่วนอีก 3 แบรนด์ คือ BMW, Audi และ Porsche
หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์เหล่านี้ ล้วนเคยทำงานกับ Mercedes-Benz มาก่อน
ดูเหมือนว่าเวลานี้ รถยนต์แต่ละแบรนด์ต่างก็เริ่มขับเคลื่อนไปบนถนนของตัวเอง
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญ คือการก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศของ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์”
ซึ่งจะทำให้รถยนต์ทุกแบรนด์ ต้องกลับมาอยู่บนถนนแห่งชะตากรรมเส้นเดียวกันอีกครั้ง..
ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทำให้หัวหน้าพรรคนาซีได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเผด็จการเบ็ดเสร็จ
เพื่อให้ชนชาติเยอรมันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ฮิตเลอร์จึงริเริ่มแผนฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ในครั้งนี้ ความยิ่งใหญ่ของชนชาติเยอรมันจะไม่ใช่เส้นทางรถไฟ
แต่ต้องเป็นไฮเวย์..
ทางด่วนระหว่างเมือง หรือ เอาโทบาห์น (Autobahn) ได้ถูกสร้างขึ้นทั่วประเทศ
เพื่อเติมเต็มไฮเวย์เหล่านี้ ฮิตเลอร์มีความคิดที่จะสร้างรถยนต์ขนาดครอบครัวที่ใครๆ ก็ซื้อได้ เรียกว่า รถของประชาชน หรือในภาษาเยอรมันคือ “Volkswagen”
โครงการรถของประชาชน จะชนะใจชนชั้นแรงงานทั่วจักรวรรดิเยอรมัน
ก่อนที่ฮิตเลอร์จะกล่อมประชาชนเหล่านั้นให้เข้าสู่สงครามที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา
สงครามโลกครั้งที่ 2..
เตรียมพบกับซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ทำไม เยอรมนี จึงเป็นประเทศแห่ง รถยนต์? ตอนที่ 2 ได้ในสัปดาห์หน้า..
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ.2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.berghahnjournals.com/downloadpdf/journals/mobility-in-history/8/1/mih080116.pdf
-https://www.carmudi.com.ph/journal/infographic-history-of-bmw/
bayerische motoren werke 在 Servus Belles Abenteuer in Deutschland 小貝德國冒險求生日記 Facebook 的精選貼文
[抓! 下班抓BMW 偽裝車跟無法理解的德國笑點]
為什麼拍這台偽裝車! 因為他的後面有中文,寫著電池受測車!
在慕尼黑看到BMW偽裝車不難,但我第一次看到後面有中文的,我覺得很酷!
身為「邦產車」BMW=Bayerische Motoren Werke 意思是巴伐利亞汽車製造公司,連Logo 都是巴伐利亞藍白格紋!
在我住的慕尼黑東邊東邊就有兩個廠,離我近的那一個,聽說是生產零件的,另一個遠一點的,現在主力都是生產電動車。
所以我家這邊,我有一次看到地區報告,薪水因為BMW跟周遭產業加持,薪資的確比別的鄉鎮高,所以這邊的人都滿凱的!
那我其實要講的重點不是BMW,
存粹覺得看到這台偽裝車很有趣
本篇重點是德國人的笑點我不懂。
前天,我跟室友開車在路上,他說他很累,所以我開。
前面一台大貨車,載啤酒的,寫著
Mein Lieblingsport =Biertransport
(我最愛的運動=載啤酒運動)
室友笑到美丁美噹,我不懂點在哪!
(柯批抓頭🤔🤔🤔)
然後他說「噢! 早上我看到另一台車也超好笑的!那是一台專門去Volksfest 的啤酒車!寫說 - 你開太快 超車我就沒啤酒喝了」
(柯批抓頭二🤔🤔🤔🤔🤔)
好笑點在哪!? 我說他怎麼知道超車那個要去啤酒節? 沒道理啊!
室友:🙄🙄🙄🙄🙄🙄 噢~你很難笑欸!
好笑在哪!?
窩哺洞啊!
事件發生在工作,我要一個報價要超久,終於拿到了,那個東西是故意被弄壞的,而且是大鐵板,所以能弄壞鐵板也是滿猛的!
拿到報價了以後,對方業務郵件寫了「客人真猛! 這都能弄爛!」
我貼他一張日耳曼人拿著茅的照片,我意思意思想表達是「你們德國人都很粗魯!」那照片就可能在某博物館出現過,
我書讀的不多,我不知道哪個博物館。
他大哥回一堆名字典故,說他不懂那張圖意思!
我說就是個笑話! 🤗
他持續追問,求我解釋!當然嘻嘻哈哈帶過~
我是不會說「你們日耳曼都很粗壯的😅」
事件之二:
今天下午,我又跟那個業務說「欸 ! 我明天要放假了! 有事快說!我趕快處理! 」
業務哥:蛤! 你放假! 這麼好!
貝:對啊! 終於撐過第一年的婚姻了!
業務哥:oh! Du Arme.. 啊! 你慘! 好口憐啊!
貝:沒有! 我說我老公!是慶祝他在與我艱難在婚姻中存活下來!
業務哥阿 原來啊! 他是戰士Held! 難怪! 你是對的!
🙄🙄🙄🙄🙄🙄🙄🙄
晚上跟室友說,室友表示: 「啊!~我們都是同是天涯淪落人!」
#偽裝車就是偽裝不讓人看出設計
#不懂德國人笑點
#真的很難笑
#好笑在哪哈哈哈
#但說到婚姻都是一樣慘
#或是一樣好笑
#對明天我放假
#亞洲笑點跟德國笑點真的有差
#同事再笑一些影片都想好笑三小
#看你們笑比較好笑😑
bayerische motoren werke 在 7Car小七車觀點 Youtube 的精選貼文
BMW 總代理汎德今天 (7/1) 上午選在台北南港展覽館舉行 Luxury Class 發表會,將甫於今年上海車展登場的 G11/G12 世代 7 Series 小改款車型正式於國內上市,引進車款與建議起跳售價分別為 730i (408 萬)、730d (418 萬) 、 740i M Sport (498 萬) 、 740Li (538 萬)、 750Li xDrive (668 萬) 及 M760Li xDrive (968 萬) 。
延伸閱讀:https://www.7car.tw/articles/read/58909
更多資訊都在「小七車觀點」:https://www.7car.tw/
bayerische motoren werke 在 Ruby Liu Youtube 的精選貼文
你知道Bayerische Motoren Werke 是什麼嗎?
就是BMW的全名!我跟著德文教學練發音學起來了哈哈哈:)
透過嶄新的品牌識別,用充滿現代感、獨特美學的設計理念打造了BMW Luxury Class頂級車系,重新改寫豪華的定義!
跟我一起潛入首度揭車的記者會現場,受邀的貴賓可以在這裡享受BMW Luxury Class頂級豪華的氛圍!一入場就有迎賓光毯(近距離靠近時會自動亮起),還有獨特設計Sky Lounge 車內氣氛燈,車裡就能看到滿天星辰!
展示區有BMW Individual 的內裝皮革,共16色,只有特殊品種&表面沒有任何疤痕的皮革才會被認可!還要用特殊染缸浸泡程序鞣製皮,完成後皮革會保持天然的透氣性跟超舒服的觸感!我後來坐上座椅時真的覺得 I can sleep on it!
BMW獨家的智慧型螢幕鑰匙也好酷,透過螢幕顯示可以知道車子在遠端的狀況,像是預估車子能行駛的里程、車輛上鎖、預先開冷氣(超需要這個)等!還有劃時代的科技可以遙控停車!
BGM:
ES_Lucky Me - Craig Reeve
bayerische motoren werke 在 7Car小七車觀點 Youtube 的最佳貼文
BMW 總代理汎德今天 (5/15) 上午選在台北寶麗廣場舉行 BMW X7 發表會,將這款甫於去年洛杉磯車展登場的 BMW 頂級 SUV 正式導入國內市場,首波引進 250 輛 xDrive40i 車型,建議售價新台幣 488 萬元起。
延伸閱讀:https://www.7car.tw/articles/read/57913
更多資訊都在「小七車觀點」:https://www.7car.tw/
bayerische motoren werke 在 Bayerische Motoren Werke - Home | Facebook 的美食出口停車場
Bayerische Motoren Werke. 504 likes · 5 talking about this. This is a page about the best BMW cars ever built. Enjoy and feel free to share or post... ... <看更多>