เรื่องน่ารู้ ที่หลายคนอาจไม่รู้ กับ วิธีการอ่านฉลากอาหาร
ผมเป็นคนหนึ่งที่ก่อนจะเอาอะไรผ่านเข้าปากไปลงกระเพาะอาหาร ถ้าอาหารนั้นมีฉลากโภชนาการอยู่ อย่างน้อยต้องชายตามองสักเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจซื้อมันมาครับ เดี๋ยววันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการอ่านฉลากอาหารแบบเข้าใจง่ายๆกันว่ามันมีประโยชน์ขนาดไหนครับ ยกตัวอย่างจากฉลากอาหารในภาพคือตัวอย่างอาหารชนิดหนึ่งที่ผมคิดว่าเห็นภาพเลย
ส่วนแรก คือ จำนวนหน่วยบริโภคต่อครั้ง และ ขนาดหนึ่งหน่วยบริโภคคือเท่าใด
อย่างในภาพคือ 1 หน่วยบริโภคเท่ากับ 310 ซีซี และ จำนวนหน่วยบริโภคต่อขวด = 1
นั่นแปลว่าฉลากอาหารที่เราจะเห็นในส่วนที่กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนั้น สามารถใช้อ้างอิงในการกิน 1 ครั้งจนหมดได้เลย
แต่ถ้าสมมติตัวเลขใหม่ จำนวนหน่วยบริโภคต่อขวด = 2 นั่นแปลว่า ฉลากโภชนาการในส่วนถัดไป ทุกอย่างต้องเอาไป "คูณสอง"ทั้งหมด อันนี้ระวัง tricky นิดนึง เพราะของกินหลายๆอย่างทำเป็นเหมือนจำนวนหน่วยบริโภคนั้นเยอะๆ เพื่อที่จะทำให้ตัวโภชนาการในส่วนต่อไปดูเหมือนเป็นขนมที่ healthy ไป (ทั้งๆที่อาจจะไม่ใช่)
ส่วนที่ 2 คือ พลังงานทั้งหมด ต่อ 1 หน่วยบริโภค
อันนี้ตรงไปตรงมาครับ คือ คำนวณจากสารอาหาร คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และ ไขมัน เอามารวมกันว่ากี่แคลอรี่ โดยจะแยกออกเป็น 2 ส่วนคือ พลังงานรวม และ พลังงานจากไขมัน
พลังงานรวม = คาร์โบไฮเดรต + โปรตีน + ไขมัน
ตัวอย่างในภาพ พลังงานรวม = 240 kcal แต่มีพลังงานจากไขมัน 120 kcal เท่ากับว่า เราจะได้พลังงานจากโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตอีก 120 kcal โดยมีที่มาจากคำนวณ ดังนี้
โดยคาร์โบไฮเดรต 1 กรัมจะให้พลังงาน 4 kcal
โปรตีน 1 กรัมจะให้พลังงาน 4 kcal
ไขมัน 1 กรัมจะให้พลังงาน 9 kcal
แล้วเราก็เอาตัวเลขของสารอาหารต่างๆไป คูณตามจำนวนกรัมที่มีนั่นเอง
ต่อมา ถามว่าทำไมต้องแยกพลังงานจากไขมันออกมาต่างหาก คำตอบก็คือ ค่าตัวเลขในส่วนนี้จะมีความจำเป็นมากสำหรับคนที่ทานอาหารเช่นกลุ่มคีโตจีนิค (ketogenic diet) ที่เน้นพลังงานจากไขมันมากกว่า 80% ของแหล่งอาหารทั้งที่ทานเข้าไป ถ้าเราไม่ได้สายคีโตก็ดูไว้ผ่านๆได้ครับ
ส่วนที่ 3 คือ คุณค่าทางโภชนาการ ส่วนนี้สำคัญที่สุด
จะมีตัวเลขแยก 2 ฝั่ง คือ ฝั่งที่อยู่ติดกับชื่อ สารอาหาร (ฝั่งซ้าย) และ ตัวเลข % ทางฝั่งขวา
ตัวเลขฝั่งซ้าย หน่วยจะเป็น กรัม ที่ได้ ถ้าเราทานสิ่งนั้นเข้าไป 1 หน่วยบริโภค
ตัวเลขฝั่งขวา หน่วยจะเป็น % เพราะเขาจะเอาไปอิงกับสารอาหารนั้นๆที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โดยเทียบกับมาตรฐาน Thai RDI ที่คำนวณว่าคนไทยควรได้รับพลังงาน 2000 kcal ต่อวัน (โดยมาจาก คาร์โบไฮเดรต ทั้งหมด 300 กรัม / โปรตีน 50 กรัม /ไขมัน 65 กรัม)
แล้วคนไทยแต่ละคนต้องการพลังงาน 2000 kcal เท่ากันหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ใช่แน่ๆครับ ดังนั้นการดู % ในส่วนนี้ก็พอดูเป็นแนวทางได้ แต่ไม่สามารถใช้อ้างอิงได้ครับ คิดให้เห็นภาพง่ายๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆ หนัก 45 กก. กับ ผู้ชายหนัก 90 กก. สัดส่วน % ไม่มีทางเท่ากันแน่นอน เพราะความต้องการพลังงานของสองคนนี้อาจจะอยู่ที่ 1800 กับ 2200 kcal ต่อวัน ตามลำดับ ประมาณนี้)
ดังนั้นแล้ว ให้สังเกตที่ตัวเลขทางฝั่งซ้ายนี้เป็นหลักครับ แต่ถ้าอยากรู้ว่าร่างกายเราต้องการพลังงานกี่ kcal ต่อวัน สามารถคำนวณได้จากสูตรที่ผมจะให้ไว้อีกทีครับ (สูตรนี้บอกก่อนว่ามีความไม่นิ่งพอสมควร แต่พอใช้เป็นแนวทางได้)
ต่อเนื่องกับส่วนที่ 3 คราวนี้เราต้องมาไล่ดูกันไปทีละตัวเลยครับ
ตัวแรก : ไขมัน
ไขมัน จะแสดงผลรวม ไขมันทั้งหมด และจะแยกย่อยอีกออกเป็น ไขมันอิ่มตัว (Saturated fat) ไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fat) ไขมันทรานส์ (Trans fat) และ คอเรสเตอรอล (Cholesterol) ผมมีทริคง่ายๆเลยเวลาดูฉลากไขมัน
• ไขมันทรานส์ (Trans fat) ไขมันทรานส์คือพวกของกลุ่มไขมันกลายร่างที่ปัจจุบันเรารู้แล้วว่ากินแล้วจะทำให้ตายด้วยโรคหัวใจเร็วขึ้น อันนี้ควรต้องเป็น 0 g ศูนย์กรัม เท่านั้น ห้ามมีหลงมาอย่างเด็ดขาด
• คอเรสเตอรอล (Cholesterol) อันนี้ทุกคนคงรู้จักกันดีแล้ว ไม่มีไว้ก่อนดีที่สุดครับ คือ ศูนย์
• ไขมันอิ่มตัว (Saturated fat) คือ ไขมันที่แข็งตัวในอุณหภูมิห้อง จะพบได้เยอะในเช่น น้ำมันจากสัตว์ หนังสัตว์ น้ำมันหมู และไขมันอิ่มตัวมักจะมากับอาหารที่คอเลสเตอรอลสูง ดูเผินๆเหมือนจะไม่ดี แต่จริงๆก็ต้องมีข้อยกเว้นไว้บางเช่น ในคนที่ทานน้ำมันมะพร้าวที่มีกรดไขมันอิ่มตัวบางชนิด เช่น กลุ่มของ MCT oil กลุ่มนี้จะเป็นแหล่งพลังงานชั้นดีมากๆสำหรับสายคีโตจีนิก เพราะสมองจะนำไขมันอิ่มตัวชนิดนี้ไปใช้พลังงานได้อย่างรวดเร็ว
แต่ขอย้ำอีกครั้ง ถ้าอาหารนั้นไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะไปด้านคีโต ไขมันอิ่มตัวเยอะๆในฉลาก เราควรต้องให้ความระมัดระวังครับว่าอาหารนั้นมันคืออะไร แล้วก็สุดท้าย ไขมันอิ่มตัวจะบอกว่าแย่อีกก็ไม่ได้ เนื่องจากการที่มันทนความร้อนได้สูงมากพวกน้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว หรือ น้ำมันปาล์มจึงเป็นน้ำมันทีเหมาะกับมาทำอาหารผัดๆทอดๆแบบร้อนๆน้ำมันท่วมแบบอาหารไทยแบบนี้ครับ ดังนั้นเวลาดูต้องแยกกันว่า อาหารชนิดนั้นคืออะไร
• ไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fat) คือ ไขมันที่ไม่แข็งตัวในอุณหภูมิห้อง ตรงกันข้ามกับอันเมื่อกี้ เรื่องของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นเรื่องใหญ่มาก ขอเล่าสั้นไว้ตรงนี้ก่อนครับ อันนี้ดูเผินๆ ก็เหมือนว่าถ้ามีเยอะก็จะดี เช่น การทานมะกอกจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ เพราะมะกอกมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงมาก แต่ในขณะเดียวอาหารบางอย่างมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงมาก เช่น กลุ่มของ industrial seed oil กลับอาจจะไม่ดีมากเท่ากับในกรณีแรก เพราะว่ามีความแตกต่างของมันอยู่นั่นเอง เราน่าจะเคยได้ยินคำว่า omega-3 หรือ omega-6 มานานแล้ว นั่นละครับ มันคืออันเดียวกันและมันก็อยู่ในกลุ่มของกรดไขมันไม่อิ่มตัว และในฉลากอาหารส่วนมากจะไม่ได้บอกว่า ไขมันไม่อิ่มตัวในนั้นเป็นชนิดไหน วิธีการที่จะรู้ได้อย่างเดียวคือ ต้องดูว่าอาหารนั้นเป็นอาหารอะไรประกอบด้วยครับ เรื่องนี้ผมขออธิบายละเอียดในคราวหน้า
• ถามว่าสัดส่วนไขมันควรทานวันละกี่กรัม ถ้ายึดตาม Thai RDI คือ ไขมันทั้งหมดต่อวันไม่เกิน 65 กรัม โดยต้องเป็นไขมันไม่อิ่มตัวอย่างน้อย 45 กรัม และ สัดส่วนนี้จะเปลี่ยนไปในกลุ่มของคนที่ทานคีโตครับ แต่คนทั่วไปอาจจะยึดตามแนวทางของ Thai RDI ไว้ก่อน บวกลบ เล็กน้อยตามพลังงานขั้นต่ำของร่างกายครับ ถ้าจะเอาให้เป๊ะขึ้น พลังงานจากไขมันควรเป็น 20 - 35% ของพลังงานรวมทั้งหมด และมีสัดส่วนของ กรดไขมันไม่อิ่มตัว : กรดไขมันอิ่มตัวคือ เท่ากับ 2.2 : 1 โดยคร่าวๆ (เริ่มเครียดเลย ทำไมยากจัง 55)
• ในฉลากส่วนใหญ่จะระบุเฉพาะปริมาณไขมันอิ่มตัว เราก็ต้องเอา ไขมันทั้งหมด - ไขมันอิ่มตัว จะได้เท่ากับปริมาณไขมันไม่อิ่มตัวนั่นเองครับ (อย่าพึ่งงงนะครับ)
ตัวที่สอง : คาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรต สารอาหารหลักที่พวกเราชอบกัน ไม่ว่าจะเป็น แป้ง น้ำตาล เส้นพาสต้า ล้วนมีพลังงานหลักมาจากส่วนนี้ ในฉลากมักจะแยกออกไว้ 2 อย่าง
• ใยอาหาร หรือ Fiber ขั้นต่ำประมาณ 25 กรัมต่อวัน อาหารที่ไฟเบอร์สูง จะช่วยเรื่องระบบการย่อยอาหารขับถ่าย และ ยังช่วยทำให้เราอิ่มได้นาน
• น้ำตาล (sugar) ต้องดูว่าน้ำตาลอันนั้นคือน้ำตาลตามธรรมชาติที่อยู่ในอาหาร (natural sugar) เช่น น้ำตาลฟลุกโตสในผลไม้ หรือเป็น น้ำตาลที่ใส่เพิ่มเข้าไป (added sugar) เช่น น้ำอัดลม โดยเราจะสนใจหลักๆคือ น้ำตาล added sugar ไม่ควรมีหรือมีให้น้อยที่สุดจะเยี่ยมครับ คนเราไม่ควรได้น้ำตาลเกิน 24 กรัมต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ อาหารในธรรมชาติที่มี natural sugar อยู่ ถ้าไม่นับผลไม้แล้วก็น่าจะหาได้ยากมาก
• ส่วนที่เหลือก็คือ แป้งที่เราเข้าใจกันนั่นเอง แต่เขาจะไม่ได้บอกตรงๆก็ต้องเอามาบวกลบกันออกมา
• พลังงานจากคารโบไฮเดรตต่อวัน ค่าเฉลี่ยโดยประมาณคือ 300 กรัมต่อวัน แล้วก็บวกลบเอาตามขนาดตัวครับ ถ้าไม่เคร่งก็ให้เน้นที่พลังงานมาจากแป้ง ที่ไม่ใช่น้ำตาล โดยมีไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้จริงๆแล้ว แป้งยังแยกเป็น คารโบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวหอมมะลิที่สีมาแล้วอย่างสวยงาม กับ ข้าวกล้องที่ยังไม่ผ่านการขัดสี (Complex carbohydrate) สองอย่างนี้ แคลอรีต่อกรัมเท่ากัน แต่ผลต่อร่างกายไม่เหมือนกัน ดังนั้นต้องดูชนิดของคาร์โบไฮเดรตที่ทานด้วยครับ
ตัวที่สาม : โปรตีน
• ถ้าไม่ได้กินนมชนิดต่างๆแล้ว หรือกลุ่มของเวย์โปรตีน ผมว่าส่วนนี้เราน่าจะไม่เคยสังเกตมันบนฉลากแน่ๆครับ
• คนทั่วไปๆก็ทานโปรตีนประมาณ 0.8 – 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว ถ้าหัก 60 กก. ก็ทาน 60 กรัมโปรตีนนั่นเอง
• ไขขาว 1 ฟอง มีโปรตีนประมาณ 5 กรัม ลองกะดูครับ
• ถ้าคนเล่นกล้ามก็ต้องการมากกว่านี้อีกมาก เช่น 2-3 กรัมต่อน้ำหนักตัว
จากจุดนี้ก็น่าจะพอเข้าใจภาพได้เลยว่า ตัวเลข % อาจจะไม่มีผลอะไรกับการวางแผนอาหารในกลุ่มคนเฉพาะที่ต้องการผลลัพธ์ที่พิเศษ แต่สำหรับคนทั่วไปก็ใช้ตาม % อ้างอิงก็ไม่เสียหายครับ
ส่วนที่ 4 : โซเดียม
ไม่ควรเกิน 2300 มิลลิกรัมต่อวัน เรามักจะเจออาหารที่โซเดียมสูงๆในบรรดาจำพวกซอสและขนมขบเคี้ยวทั้งหมด
เป็นอย่างไรกันบ้างครับเอาแค่ 4 ส่วนนี้ก็ลายตามากแล้วครับ 555+ อันนี้ยังไม่นับถึงพวก วิตามิน เกลือแร่ หรือ ส่วนประกอบของอาหารที่เราต้องมาเพ่งพิจารณากันจริงๆเลยครับ
เอาตรงๆ มันดูเหมือนจะยากมากครับในครั้งแรก ทำไมต้องซีเรียสขนาดนี้ แต่เชื่อผม มันยากแค่ครั้งแรกตอนที่เราหยิบมันขึ้นมา เพราะส่วนใหญ่เราก็กินอะไรไม่ได้ต่างจากเดิมมาหรอกครับในแต่ละวัน อ่านสักครั้งสองครั้งพอจำได้แล้ว เราก็จะหยิบมากินโดยที่ไม่ต้องดู เพราะว่าเราจำคุณค่าทางโภชนาการได้หมดแล้วนั่นเอง และการดูสัดส่วนโภชนาการผมคิดว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญมากชนิดหนึ่งในการดูแลสุขภาพร่างกายของเราเอง
ถ้ามีคำถามใดๆก็ฝากไว้ได้นะครับ ผมจะพยายามมาตอบให้ถ้าสามารถทำได้ครับ ขอบคุณอีกครั้งที่อ่านมาจนจบครับ 😊
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「added sugar คือ」的推薦目錄:
- 關於added sugar คือ 在 หมอๆ ตะลุยโลก Facebook 的精選貼文
- 關於added sugar คือ 在 Fit & Flexible Eating Diary Facebook 的最讚貼文
- 關於added sugar คือ 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最讚貼文
- 關於added sugar คือ 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的最佳解答
- 關於added sugar คือ 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
- 關於added sugar คือ 在 大象中醫 Youtube 的最佳貼文
- 關於added sugar คือ 在 added sugar (อ่านว่า ชูเกอร์)... - อายุรศาสตร์ ง่ายนิดเดียว | Facebook 的評價
- 關於added sugar คือ 在 มื้อว่าง ~ถั่วอบ เมล็ดมะม่วงอบ กล้วยตาก ~โกโก้เย็นๆ ... 的評價
added sugar คือ 在 Fit & Flexible Eating Diary Facebook 的最讚貼文
9.9 Plant Protein 🍀
LIFZ Sport Protein เป็นโปรตีนจากถั่วลันเตา (Soy Free) ตอบโจทย์คนที่แพ้ถั่วเหลืองได้ดีเลยหละ ☺️
จุดเด่นของ Green Peas Protein ตัวนี้ คือ มีส่วนผสมของ BCAAS + L-Carnitine + Creatine
3 ตัวนี้ช่วยในเรื่องการฟื้นฟูซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ช่วยชะลอการสูญเสียกล้ามเนื้อ อีกทั้ง ช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญ ทำให้ร่างกายดึงไขมันออกมาใช้เป็นพลังงานได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญทานแล้ว รับประกัน ท้องไม่อืด ไม่บวม ละลายน้ำง่าย ไม่กระทบต่อระบบย่อยอาหาร และ ระบบขับถ่าย แน่นอน เราสุ่มกินมาเกือบ 2 วีค สอบผ่านจ้ะ 😆
เหมาะสำหรับสายลีนทั้ง ช และ ญ / คนที่ต้องการรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ (Maintain) / คนที่ร่างกายอยู่ในช่วงฟื้นฟูจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ไม่สามารถ อกล ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (คุมโภชนาการ) / คนที่ต้องการเน้นในการเพิ่มกล้ามเนื้อลดไขมัน ไม่ต้องการ Bulk Up แต่มีกล้ามเนื้อ และ รูปร่างฟิตกระชับหุ่นมากขึ้น
2️⃣ Favors (🍫Chocolate & 🌸Vanilla)
🍀 💯 Vegan
🍀 0% Cholesterol
🍀 Dairy Free / Soy Free / Lactose Free
🍀 Gluten Free / Non-GMO
🍀 No Added Sugar
และเป็นการเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการ โปรโมชั่น 9.9 ก็ต้องมาเด้อ 3 วันจุกๆตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 11.09 สะดวกช้อปทางไหน ไปจัดกันได้โลด
🆔 LINE : @lifzsport.official
🛒 Shopee : https://shp.ee/zucvy3w
🛒 Lazada : https://bit.ly/3cdeUiv
🧘🏻♀️ คลิป อกล ฉบับเต็มพร้อมบรรยาย รอโพสถัดไปนะะะ
.
.
.
.
.
.
#tipsyisahealthygirl #laksh_reviewbytipsy #plantprotein #plantbased #protein #vegan #veganlife #veganprotein #วีแกน #อาหารคลีน #ของดีบอกต่อ #โปรตีน #โปรดีบอกต่อ #บอกต่อ #แท็กเพื่อนมาดู #รีวิว #ออกกำลังกาย #ออกกำลังกายที่บ้าน #ลดน้ำหนัก #ลดความอ้วน #ฟิตหุ่น #หุ่นดีสุขภาพดีแบบปลอดภัย #workout #preworkout #postworkout #fit #fitgirl #ชุดออกกำลังกาย #bodybuilding
added sugar คือ 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最讚貼文
"เครื่องดื่มเสริมวิตามินซี เสริมสุขภาพได้หรือไม่"
มีคำถามจากลูกเพจถึงกระแสการดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะพวกเครื่องดื่มเสริมวิตามินซี ว่ามันจะได้ประโยชน์จริง หรือไม่ เพราะวิตามินซีที่ใส่มาในเครื่องดื่มนี้น่าจะเป็นวิตามินสังเคราะห์ แล้วมันมีน้ำตาลสูง หรือมีการเติมพวกสารเคมีอื่นๆ อย่างนี้จะเป็นผลเสียต่อสุขภาพหรือเปล่า ?
.
... คำตอบรวมๆ คือ มันก็มีประโยชน์นะ เสริมสุขภาพได้ แต่จะต้องเลือกให้เหมาะสมด้วย
.
พวก "เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (healthy drinks)" นั้น เป็นที่นิยมกันมาซักระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากร่างกายของเราต้องการทั้งน้ำและวิตามินเกลือแร่ต่างๆ ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เครื่องดื่มเสริมวิตามินเกลือแร่จึงช่วยเติมเต็มสารอาหารที่ร่างกายเราต้องการ (แต่สร้างขึ้นเองไม่ได้) เพิ่มเติมจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ในขณะที่การดื่มเครื่องดื่ม ก็ช่วยรักษาสมดุลของระดับน้ำในตัวเรา ซึ่งน้ำเป็นส่วนประกอบของร่างกายถึง 60-70%
.
ในบรรดาวิตามินต่างๆ ที่ร่างกายต้องการนั้น ถ้าเป็นวิตามินกลุ่มที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามิน เอ ดี อี และ เค พวกนี้จะสะสมอยู่ในไขมันส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ และไม่จำเป็นที่ร่างกายจะต้องได้รับเพิ่มเติมทุกวัน ไม่เหมือนกับกลุ่มวิตามินบีรวม และ วิตามินซี ที่จะละลายในน้ำและถูกร่างกายขับออกไปกับปัสสาวะได้ จึงควรที่จะบริโภคเพิ่มเติมให้กับร่างกายทุกวัน ไม่ว่าจะจากทางการกินอาหาร เช่น ผักผลไม้ หรือจากการกินวิตามินเสริม ในรูปของวิตามินเม็ดหรือ วิตามินแบบน้ำ ที่มีข้อดีตรงที่ร่างกายจะดูดซึมไปใช้งานได้รวดเร็วขึ้น
.
สำหรับ "วิตามินซี หรือ กรดแอสคอร์บิก (ascorbic acid)" นั้น เป็นที่ทราบกันดีว่ามีส่วนช่วยหลายอย่างต่อการทำงานของร่างกาย ไม่ว่าจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันป้องกันโรค ช่วยลดความรุนแรงหรือระยะเวลาที่ป่วย (เช่น เป็นหวัด) ให้ลดลง เสริมการสร้างคอลลาเจนและสมานแผล ช่วยการ ดูดซึม ธาตุเหล็ก และเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ไม่ให้มาทำลายเซลล์ของอวัยวะต่างๆ แต่จากการที่ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างวิตามินซีขึ้นเองได้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องได้รับวิตามินซีให้เพียงพอ โดยปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน สำหรับคนไทยอายุ 6 ปีขี้นไป (Thai RDI) สำหรับวิตามินซีจะอยู่ที่ 60 มิลลิกรัม
.
แต่มีจุดที่ต้องพิจารณาในการเลือกบริโภคอาหารด้วย เช่น วิตามินซีนั้นจะถูกทำลายได้โดยง่ายเมื่อถูกความร้อนและแสง ดังนั้น ถ้าต้องการให้ได้รับวิตามินซีในปริมาณที่พอเพียงต่อวัน จากอาหารที่กิน ก็ควรจะรับประทานผักผลไม้สด มากกว่าที่จะผ่านการหุงต้มมาแล้ว ... ซึ่งจะเห็นว่า การดื่มเครื่องดื่มเสริมวิตามินซี ก็จะเข้ามาช่วยเติมเต็มในส่วนนี้ได้ โดยควรจะสังเกตที่ฉลากด้วยว่ามีปริมาณของวิตามินซี อยู่มากเพียงพอหรือไม่ คือใกล้เคียงหรือมากกว่าระดับ Thai RDI ที่แนะนำหรือไม่ ซึ่งในกรณีของเครื่องดื่มเสริมวิตามินซีจะมีตัวเลข Thai RDI ซึ่งเป็นตัวเลขที่ อย. แนะนำ แต่ในทางการแพทย์แล้วนั้น ผู้ใหญ่สามารถบริโภคได้ถึง 2,000 – 3,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครื่องดื่ม วิตามินซีที่ดีควร ต้องอยู่ในภาชนะที่กันไม่ให้แสงเข้า และจัดเก็บโดยไม่ถูกความร้อนสูงเพื่อไม่ให้วิตามินซีถูกทำลาย
.
ทีนี้ มาในข้อสงสัยที่ว่า แล้ววิตามินซีสังเคราะห์ที่ใส่อยู่ในพวกเครื่องดื่มเสริมสุขภาพนี้ มันจะดีเหมือนวิตามินตามธรรมชาติที่อยู่ในผักผลไม้หรือเปล่า ซึ่งจากบทความของ Carr และ Vissers ในวารสารวิจัย Nutrients ปี ค.ศ. 2013 (ดูลิงค์ด้านล่าง) ที่รีวิวงานวิจัยต่างๆ ในคนและในสัตว์ทดลอง เปรียบเทียบผลการออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ระหว่างได้รับวิตามินซีสังเคราะห์กับวิตามินซีจากอาหาร ได้ข้อสรุปว่า แม้จะเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปตามชนิดของสัตว์ทดลอง แต่สำหรับคนแล้ว ไม่ได้พบความแตกต่างกันระหว่างวิตามินซีสังเคราะห์และวิตามินซีธรรมชาติ วิตามินซีสังเคราะห์นั้น ยังมีข้อดีที่ค่อนข้างทนทาน ไม่สลายง่าย ร่างกายดูดซึมได้ง่าย
.
ปัญหาจริงๆ ที่กังวลกัน กลับเป็นเรื่องปริมาณของ "น้ำตาลใส่เพิ่ม (added sugar)" เช่น น้ำตาลซูโครส หรือ ฟรุกโตสไซรัป ที่มีแฝงอยู่ในน้ำผลไม้ โดยที่มักจะเติมมาค่อนข้างสูงมากในเครื่องดื่มเสริมวิตามินซี เพื่อปรับรสชาติให้มีความเปรี้ยวน้อยลง มีความหวานมากขึ้น (ผู้บริโภคควรดูปริมาณน้ำตาล ที่ตารางข้อมูลโภชนาการมากกว่าที่จะอ่านเฉพาะส่วนประกอบสำคัญที่เขียนไว้เพื่อความชัดเจน ซึ่งคนทั่วไปไม่ควรจะกินน้ำตาลเกิน 24 กรัมต่อวัน) และกลับกลายเป็นผลเสียต่อร่างกาย ที่จะไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเส้นเลือดอย่างรวดเร็ว (เพราะไม่ต้องเสียเวลาย่อย เหมือนการกินผักผลไม้) รวมทั้งไปเพิ่มปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่รับประทานในหนึ่งวัน ซึ่งถ้าไม่ออกกำลังชดเชยให้เพียงพอ ก็จะนำไปสู่ปัญหาน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นได้
.
ทางออกหนึ่งที่จะหลีกเลี่ยงพวกน้ำตาลใส่เพิ่ม ก็คือเลือกเครื่องดื่มที่ใช้สารเพิ่มความหวาน เช่น แอสพาร์แทม (aspartame) ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันมานานในอาหารและเครื่องดื่มที่ปราศจากน้ำตาล ผ่านการศึกษาวิจัยด้านความปลอดภัยมาอย่างมากมาย และหน่วยงานด้านอาหารและยาของนานาประเทศ ล้วนระบุว่าแอสพาร์แทมนั้น สามารถใช้เป็นสารปรุงแต่งรสชาติอาหารได้อย่างปลอดภัยเมื่อใช้ในปริมาณที่กำหนด (ประมาณ 40-50 มิลลิกรัม ต่อ 1 กิโลกรัมน้ำหนักตัว ต่อวัน) และไม่ได้สัมพันธ์กับโรคมะเร็งชนิดต่างๆ อย่างที่เคยร่ำลือกัน ... ยกเว้นเสียแต่ว่าผู้ที่มีสภาวะฟีนิลคีโตนูเรีย ที่มีผิดปกติทางพันธุกรรม ไม่สามารถย่อยฟีนิลอะลานีนในแอสพาร์แตมได้ จึงห้ามบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มี แอสพาร์แทม
.
สุดท้ายแล้วในเครื่องดื่มวิตามินซีแบรนด์ต่างๆที่เราบริโภคนั้นล้วนแต่มีการใส่สารกันบูด หรือวัตถุกันเสีย ที่ใช้สำหรับถนอมอาหารหรือยืดอายุให้ได้นานขึ้น ซึ่งผู้บริโภคไม่ต้องเป็นห่วง เพราะสารกันบูดแต่ละชนิดที่ใส่ลงไปมีปริมาณที่น้อยมากและยังได้รับอนุญาตให้ใช้ในประเทศไทยซึ่งมีความปลอดภัย เพราะสารเหล่านั้นได้ผ่านการทดสอบทางพิษวิทยา พร้อมทั้งผ่านการประเมินความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามาเรียบร้อยแล้ว จึงทำให้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และร่างกายจะสามารถขับถ่ายออกทางปัสสาวะภายใน 12-24 ชั่วโมง
.
โดยสรุปแล้ว เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเสริมวิตามินซีนั้น สามารถที่จะนำมาดื่มได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเสริมสุขภาพได้ โดยถ้าเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม มีปริมาณของวิตามินซีที่เพียงพอ มีระดับน้ำตาลต่ำ (หรือใช้สารให้ความหวาน ทดแทนน้ำตาล) ก็จะเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางเลือกหนึ่งในการเติมสารอาหารให้กับร่างกาย เสริมจากการรับประทานผักผลไม้ในแต่ละวัน
ข้อมูล เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ จาก https://science.howstuffworks.com/innovation/edible-innovations/vitaminwater.htm
ข้อมูล วิตามินซี จาก https://www.healthline.com/nutrition/how-much-vitamin-c-should-i-take-daily
ข้อมูล งานวิจัยวิตามินซีสังเคราะห์ จาก https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3847730/
ข้อมูล แอสพาร์แทม จาก https://www.cancer.org/cancer/cancer-causes/aspartame.html
added sugar คือ 在 มื้อว่าง ~ถั่วอบ เมล็ดมะม่วงอบ กล้วยตาก ~โกโก้เย็นๆ ... 的美食出口停車場
... Instagram: “มื้อว่าง ~ถั่วอบ เมล็ดมะม่วงอบ กล้วยตาก ~โกโก้เย็นๆ @keefdrinksbrand อร่อยได้ ไม่รู้สึกผิด 1ซอง แค่60แคล หวานน้อย คือดี!! (No sugar added… ... <看更多>
added sugar คือ 在 added sugar (อ่านว่า ชูเกอร์)... - อายุรศาสตร์ ง่ายนิดเดียว | Facebook 的美食出口停車場
added sugar เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อ้วน ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ควบคุมเบาหวานไม่ได้ เพิ่มการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด แนวทางสุขภาพทุกแนวทางใน ... ... <看更多>