รู้จัก SMIC หัวใจสำคัญ ของสงครามเทคโนโลยี จีน-สหรัฐฯ /โดย ลงทุนแมน
หลายปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกา และ จีน
ได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด เพื่อแย่งชิงความเป็นมหาอำนาจ
โดยเฉพาะในเรื่อง “เทคโนโลยี”
ซึ่งหนึ่งในวิธีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้เพื่อสกัดกั้นการเติบโตของเทคโนโลยีจีน
คือ แบนการใช้งานเทคโนโลยี หรือห้ามทำธุรกิจกับบริษัทจากจีน ไล่มาตั้งแต่ Huawei, Tencent และ ByteDance บริษัทแม่ของแอปวิดีโอสั้นยอดนิยม TikTok
และไม่นานมานี้ มีบริษัทจีนอีกรายหนึ่ง ชื่อว่า “SMIC”
ได้ถูกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศขึ้นบัญชีดำ ไม่ให้ทำธุรกรรมกับบริษัทอเมริกันเช่นกัน
SMIC ประกอบธุรกิจอะไร
และมีความสำคัญต่อสงครามเทคโนโลยีขนาดไหน?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปในปี 2019
บริษัทจีนรายแรกที่ถูกสหรัฐฯ ประกาศแบนไม่ให้บริษัทสัญชาติอเมริกันทำธุรกิจด้วย ก็คือ Huawei
ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และผู้พัฒนาอินเทอร์เน็ต 5G รายใหญ่ของโลก
โดยสหรัฐฯ ให้เหตุผลว่า Huawei อาจร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงของจีน ใช้เทคโนโลยีล้วงเอาข้อมูลและทรัพย์สินทางปัญญาของชาวอเมริกัน
คำสั่งดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อ Huawei พอสมควร
เพราะการผลิตสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้มีประสิทธิภาพสูงทัดเทียมกับคู่แข่งรายอื่น จำเป็นจะต้องใช้ “ชิป” ที่นำเข้าจากต่างประเทศ
เมื่อ Huawei ค้าขายกับบริษัทต่างประเทศได้ยากขึ้น จึงหันมาพึ่งผู้ผลิตชิปในจีนแทน
ซึ่งผู้เล่นรายใหญ่สุดของตลาดชิปในจีน คือ Semiconductor Manufacturing International Corporation หรือ “SMIC”
SMIC เป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติจีน ที่รับจ้างผลิตแผงวงจร หรือ ชิป
ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2000 หรือ 20 ปีที่แล้ว
ผลประกอบการล่าสุดของบริษัท
ปี 2017 รายได้ 93,000 ล้านบาท กำไร 5,400 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 101,000 ล้านบาท กำไร 3,800 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 94,000 ล้านบาท กำไร 6,700 ล้านบาท
โดยที่ Huawei ถือเป็นลูกค้าหลักของบริษัท
ซึ่ง SMIC มีสัดส่วนยอดขายที่เป็นการขายชิปให้ Huawei สูงถึง 20% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัท
แต่นอกจากเป็นซัปพลายเออร์ที่ผลิตชิปให้ Huawei แล้ว
SMIC ยังมีส่วนสำคัญต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีจีนเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนได้มีนโยบาย “Made in China 2025”
ซึ่งเป็นแผนที่จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูง มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตในอนาคต
ซึ่งส่วนประกอบสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยประเภทต่างๆ คงหนีไม่พ้น ชิป
โดยรัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายลดการนำเข้าชิปจากต่างประเทศ และเพิ่มสัดส่วนการผลิตชิปของบริษัทท้องถิ่น จากปัจจุบัน 16% เป็น 70% ของความต้องการตลาดในประเทศ ภายในปี 2025
ซึ่งนี่คงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มเพ่งเล็ง SMIC เป็นพิเศษนั่นเอง..
โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นบัญชีดำ SMIC
ซึ่งการขึ้นบัญชีดำนี้ ส่งผลทำให้บริษัทที่ต้องการส่งออกชิ้นส่วนที่เป็นส่วนประกอบในการนำไปผลิตชิป ไปให้กับบริษัท SMIC จะต้องขอใบอนุญาตจากภาครัฐเสียก่อน
โดยสหรัฐฯ มีข้อกล่าวหาในลักษณะเดียวกันกับกรณี Huawei
คือ SMIC อาจนำชิ้นส่วนจากบริษัทอเมริกัน ไปผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานความมั่นคงของประเทศจีน
ซึ่งการถูกขึ้นบัญชีดำ ก็น่าจะทำให้ SMIC ผลิตชิปได้ยากลำบากขึ้น
และนอกจากนั้น มันอาจส่งผลให้การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปของบริษัท รวมไปถึงประเทศจีน ชะลอความเร็วลงอีกด้วย
จริงๆ แล้ว ในปัจจุบัน เทคโนโลยีของ SMIC ก็ยังตามหลังบริษัทต่างชาติอยู่พอสมควร
โดย SMIC สามารถผลิตชิปได้ขนาดตั้งแต่ 14-350 นาโนเมตร
แต่ทว่า ชิปขนาดเล็ก 14-28 นาโนเมตร ซึ่งเป็นชิปขนาดเล็ก และทรงประสิทธิภาพ กลับมีสัดส่วนในการผลิตเพียงแค่ 14% เท่านั้น
ขณะที่บริษัทผู้นำในตลาดโลกอย่าง Taiwan Semiconductor Manufacturing หรือ TSMC จากไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายสำคัญให้กับ Apple และ Samsung สามารถผลิตชิปได้เล็กถึงขนาด 5 นาโนเมตร ซึ่งมีประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงานกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนก็ได้มีการสนับสนุนเงินทุนให้กับ SMIC เป็นมูลค่ากว่า 66,000 ล้านบาท รวมทั้งมีมาตรการยกเว้นภาษี เพื่อหวังให้อุตสาหกรรมผลิตชิปภายในประเทศ เติบโตแบบก้าวกระโดด จนเทียบเท่าบริษัทชั้นนำของโลกได้
อ่านถึงตรงนี้ เราคงพอเห็นแล้วว่า
เทคโนโลยีในอนาคต ที่ประเทศจีนวาดภาพเอาไว้
ไม่ว่าจะเป็น 5G, Internet of Things, AI หรือระบบอัตโนมัติ
ล้วนมีจุดเริ่มต้นมาจากธุรกิจผลิตชิป
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่บริษัท SMIC จะตกเป็นเป้าหมายการโจมตี ในสงครามเทคโนโลยีครั้งนี้
เพราะสหรัฐฯ คงไม่ยอมปล่อยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีได้อย่างราบรื่น จนก้าวตามตัวเองทัน
ซึ่งเชื่อว่าต่อไป การแข่งขันระหว่างสองประเทศนี้ คงจะยิ่งดุเดือดเข้มข้นขึ้น
รวมทั้งต่างฝ่าย อาจมีนโยบายโจมตีขุมกำลังสำคัญทางเทคโนโลยีของฝั่งตรงข้าม อีกมากมาย
เพราะสุดยอดพลังอำนาจในโลกอนาคต
อาจไม่ใช่ อำนาจทางการทหาร หรืออำนาจทางการเมือง
แต่คือ อำนาจ ในเรื่องของเทคโนโลยี..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://edition.cnn.com/2020/12/22/tech/smic-us-sanctions-intl-hnk/index.html
-https://www.cnbc.com/2020/09/28/us-sanctions-against-chipmaker-smic-hit-china-tech-ambitions.html
-https://www.cnbc.com/2019/06/04/china-ramps-up-own-semiconductor-industry-amid-the-trade-war.html
-https://www.smics.com/uploads/Q3_2020%20Financials-1%20(1).pdf
-https://finance.yahoo.com/quote/0981.HK
-https://www.scmp.com/tech/big-tech/article/3084760/china-injects-us22-billion-local-chip-foundry-smic
同時也有3部Youtube影片,追蹤數超過11萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Youtube影片中提到,บทสรุปเส้นทาง บริษัทเทคโนโลยีจีนใน 4 ยุค ยุคที่ 1 : 1994-2000 ยุคก่อร่างสร้างฐาน ยุคที่ 2 : 2001-2008 ยุคแผ่ขยาย กลายเป็นอาณาจักร ยุคที่ 3 : 2009-20...
「เทคโนโลยี ai จีน」的推薦目錄:
- 關於เทคโนโลยี ai จีน 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於เทคโนโลยี ai จีน 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於เทคโนโลยี ai จีน 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於เทคโนโลยี ai จีน 在 ลงทุนแมน Youtube 的最佳貼文
- 關於เทคโนโลยี ai จีน 在 iT24Hrs Youtube 的最佳解答
- 關於เทคโนโลยี ai จีน 在 วรัทภพ รชตนามวงษ์ WARATTAPOB Youtube 的精選貼文
- 關於เทคโนโลยี ai จีน 在 จีนเดินหน้าปั้นอุตฯ AI ท่ามกลางปัญหาชิปป่วนทั่วโลก - YouTube 的評價
- 關於เทคโนโลยี ai จีน 在 จีนใช้เทคโนโลยี AI เพื่อก้าวเป็นเบอร์ 1 โลก - YouTube 的評價
- 關於เทคโนโลยี ai จีน 在 อ้ายจง - หลายโรงเรียนในประเทศจีน นำเทคโนโลยี AI และ VR... 的評價
เทคโนโลยี ai จีน 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
กรณีศึกษา ญี่ปุ่นมียูนิคอร์นเพียง 3 ราย / โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึง เทคโนโลยี เราจะนึกถึงประเทศใดเป็นลำดับแรก?
เชื่อว่าในอดีต หลายคนคงบอกว่า “ญี่ปุ่น”
แต่ถ้าในปัจจุบัน ลองถามเด็กรุ่นใหม่
คำตอบที่ได้ อาจจะเปลี่ยนไปเป็น สหรัฐอเมริกา หรือ จีน
และดูเหมือนว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของทั้ง 2 ประเทศ กำลังแซงหน้าญี่ปุ่นไปไกลแล้ว
ทำไมสถานการณ์ถึงออกมาเป็นเช่นนี้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
จนมีขนาดใหญ่เป็นรองเพียงแค่สหรัฐอเมริกา
มูลค่า GDP ของประเทศญี่ปุ่น
ปี 1965 อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท
ปี 1975 อยู่ที่ 16 ล้านล้านบาท
ปี 1985 อยู่ที่ 42 ล้านล้านบาท
ปี 1995 อยู่ที่ 165 ล้านล้านบาท
โดยปัจจัยสำคัญคือ รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการนำเข้าเทคโนโลยีมาจากต่างประเทศ
จึงทำให้ภาคอุตสาหกรรม พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่เปลี่ยนโลกขึ้นมาได้มากมาย
เช่น รถไฟชินคันเซน, เครื่องเล่นเพลงแบบพกพา, หลอด LED
แต่ในขณะนั้น เศรษฐกิจอันร้อนแรง ก็ได้เกิดภาวะฟองสบู่แตกครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลเรื้อรังมาจนถึงทุกวันนี้
ปี 2018 GDP ญี่ปุ่นมีมูลค่า 151 ล้านล้านบาท
น้อยกว่าเมื่อเกือบ 3 ทศวรรษที่แล้วเสียอีก
รวมทั้งญี่ปุ่นยังถูกประเทศจีนแซงหน้าขึ้นมามีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าด้วย
ซึ่งในช่วงที่ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับภาวะชะลอตัวนานหลายปีนั้น
บริษัทเทคโนโลยี จากทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน ก็ได้ก้าวขึ้นมามีอิทธิพลในเวทีโลกมากกว่าอย่างชัดเจน
Apple, Amazon, Google, Facebook, Alibaba, Tencent กลายเป็นกลุ่มบริษัทมูลค่าสูงสุดของโลก ที่สร้างสินค้าและบริการเปลี่ยนวิถีชีวิตคนยุคใหม่
ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ตโฟน หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ
นอกจากนี้ สิ่งที่จะเป็นอนาคตให้กับวงการเทคโนโลยี ก็คือ กิจการสตาร์ตอัป
ถึงแม้ สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น คือ 3 ประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดในโลก
แต่สตาร์ตอัปของญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จ กลับมีน้อยกว่าอีก 2 ประเทศมาก
จำนวนสตาร์ตอัประดับยูนิคอร์น ที่มีมูลค่าธุรกิจสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3 หมื่นล้านบาท
จีน 206 บริษัท
สหรัฐอเมริกา 203 บริษัท
ญี่ปุ่น 3 บริษัท..
โดยยูนิคอร์นทั้งสามแห่งของญี่ปุ่น ได้แก่
1. Preferred Networks (มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท)
ผู้พัฒนาเทคโนโลยี AI เกี่ยวกับ Internet of Things
2. Liquid Group (มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท)
ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มตลาดแลกเปลี่ยนเงิน Cryptocurrency
3. SmartNews (มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท)
ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันนำเสนอข่าวตามความสนใจของผู้ใช้บริการ
ก่อนหน้านี้ ยูนิคอร์นแห่งแรกของญี่ปุ่นมีชื่อว่า Mercari ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท แต่ปัจจุบันบริษัทได้จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว
และที่น่าประหลาดใจคือ กองทุน Vision Fund มูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท ของ SoftBank บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้นำการลงทุนในสตาร์ตอัปเทคโนโลยี
ได้ระดมทุนให้กับ 69 กิจการทั่วโลก แต่ในจำนวนนั้น ไม่มีบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นเลย
เพราะอะไร อุตสาหกรรมเทคโนโลยีญี่ปุ่นในวันนี้ ถึงเติบโตช้ากว่าคนอื่น?
หลายปีที่ผ่านมา พฤติกรรมผู้บริโภค ได้เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ
สินค้าและบริการในรูปแบบ แอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์ม เริ่มมีความสำคัญมากกว่า อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ชนิดต่างๆ ที่บริษัทญี่ปุ่นเคยครองตลาด
ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองมานาน ได้ส่งผลกระทบในปัจจัยหลายด้าน จนญี่ปุ่นไม่สามารถพัฒนานวัตกรรมได้ทันคู่แข่ง
สำหรับในเรื่องการลงทุน
เหตุการณ์ในอดีตทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นรวมถึงกองทุนต่างๆ สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำ
พวกเขาเลือกที่จะเก็บเงินสด หรือซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล
แทนที่จะลงทุนในสตาร์ตอัป ที่มีความเสี่ยงสูงมาก
ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเริ่มที่จะสู้สหรัฐอเมริกา และจีนไม่ได้ในเรื่องธุรกิจเกิดใหม่
และมันยังส่งผลให้คนวัยทำงาน อยากสมัครเข้าบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีความมั่นคงในแง่รายได้
มากกว่าออกไปเริ่มต้นธุรกิจเสี่ยงๆ
ด้วยเหตุนี้ พื้นฐานเกี่ยวกับสตาร์ตอัปญี่ปุ่น ทั้งด้านเงินทุนและบุคลากร จึงมีค่อนข้างจำกัด
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่น ได้พยายามแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว
โดยเปิดตัวโครงการสนับสนุนให้เมืองฟุกุโอกะ เป็นเมืองศูนย์กลางสตาร์ตอัปของประเทศ
และตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะมีสตาร์ตอัปยูนิคอร์นถึง 20 แห่งภายในปี 2023
ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ยูนิคอร์นจะเกิดขึ้นได้จริงตามที่ญี่ปุ่นหวังไว้หรือไม่..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://edition.cnn.com/…/te…/japan-tech-startups/index.html
-https://www.smejapan.com/business…/3-unicorn-startups-japan/
-https://cdn.group.softbank/…/2019/sbg_annual_report_2019_00…
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.CD…
-https://www.worldatlas.com/…/what-was-the-japanese-economic…
-https://www.hurun.net/EN/Article/Details?num=A38B8285034B
เทคโนโลยี ai จีน 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
กรณีศึกษา ญี่ปุ่นมียูนิคอร์นเพียง 3 ราย / โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึง เทคโนโลยี เราจะนึกถึงประเทศใดเป็นลำดับแรก?
เชื่อว่าในอดีต หลายคนคงบอกว่า “ญี่ปุ่น”
แต่ถ้าในปัจจุบัน ลองถามเด็กรุ่นใหม่
คำตอบที่ได้ อาจจะเปลี่ยนไปเป็น สหรัฐอเมริกา หรือ จีน
และดูเหมือนว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของทั้ง 2 ประเทศ กำลังแซงหน้าญี่ปุ่นไปไกลแล้ว
ทำไมสถานการณ์ถึงออกมาเป็นเช่นนี้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
จนมีขนาดใหญ่เป็นรองเพียงแค่สหรัฐอเมริกา
มูลค่า GDP ของประเทศญี่ปุ่น
ปี 1965 อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท
ปี 1975 อยู่ที่ 16 ล้านล้านบาท
ปี 1985 อยู่ที่ 42 ล้านล้านบาท
ปี 1995 อยู่ที่ 165 ล้านล้านบาท
โดยปัจจัยสำคัญคือ รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการนำเข้าเทคโนโลยีมาจากต่างประเทศ
จึงทำให้ภาคอุตสาหกรรม พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่เปลี่ยนโลกขึ้นมาได้มากมาย
เช่น รถไฟชินคันเซน, เครื่องเล่นเพลงแบบพกพา, หลอด LED
แต่ในขณะนั้น เศรษฐกิจอันร้อนแรง ก็ได้เกิดภาวะฟองสบู่แตกครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลเรื้อรังมาจนถึงทุกวันนี้
ปี 2018 GDP ญี่ปุ่นมีมูลค่า 151 ล้านล้านบาท
น้อยกว่าเมื่อเกือบ 3 ทศวรรษที่แล้วเสียอีก
รวมทั้งญี่ปุ่นยังถูกประเทศจีนแซงหน้าขึ้นมามีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าด้วย
ซึ่งในช่วงที่ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับภาวะชะลอตัวนานหลายปีนั้น
บริษัทเทคโนโลยี จากทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน ก็ได้ก้าวขึ้นมามีอิทธิพลในเวทีโลกมากกว่าอย่างชัดเจน
Apple, Amazon, Google, Facebook, Alibaba, Tencent กลายเป็นกลุ่มบริษัทมูลค่าสูงสุดของโลก ที่สร้างสินค้าและบริการเปลี่ยนวิถีชีวิตคนยุคใหม่
ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ตโฟน หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ
นอกจากนี้ สิ่งที่จะเป็นอนาคตให้กับวงการเทคโนโลยี ก็คือ กิจการสตาร์ตอัป
ถึงแม้ สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น คือ 3 ประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดในโลก
แต่สตาร์ตอัปของญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จ กลับมีน้อยกว่าอีก 2 ประเทศมาก
จำนวนสตาร์ตอัประดับยูนิคอร์น ที่มีมูลค่าธุรกิจสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3 หมื่นล้านบาท
จีน 206 บริษัท
สหรัฐอเมริกา 203 บริษัท
ญี่ปุ่น 3 บริษัท..
โดยยูนิคอร์นทั้งสามแห่งของญี่ปุ่น ได้แก่
1. Preferred Networks (มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท)
ผู้พัฒนาเทคโนโลยี AI เกี่ยวกับ Internet of Things
2. Liquid Group (มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท)
ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มตลาดแลกเปลี่ยนเงิน Cryptocurrency
3. SmartNews (มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท)
ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันนำเสนอข่าวตามความสนใจของผู้ใช้บริการ
ก่อนหน้านี้ ยูนิคอร์นแห่งแรกของญี่ปุ่นมีชื่อว่า Mercari ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท แต่ปัจจุบันบริษัทได้จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว
และที่น่าประหลาดใจคือ กองทุน Vision Fund มูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท ของ SoftBank บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้นำการลงทุนในสตาร์ตอัปเทคโนโลยี
ได้ระดมทุนให้กับ 69 กิจการทั่วโลก แต่ในจำนวนนั้น ไม่มีบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นเลย
เพราะอะไร อุตสาหกรรมเทคโนโลยีญี่ปุ่นในวันนี้ ถึงเติบโตช้ากว่าคนอื่น?
หลายปีที่ผ่านมา พฤติกรรมผู้บริโภค ได้เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ
สินค้าและบริการในรูปแบบ แอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์ม เริ่มมีความสำคัญมากกว่า อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ชนิดต่างๆ ที่บริษัทญี่ปุ่นเคยครองตลาด
ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองมานาน ได้ส่งผลกระทบในปัจจัยหลายด้าน จนญี่ปุ่นไม่สามารถพัฒนานวัตกรรมได้ทันคู่แข่ง
สำหรับในเรื่องการลงทุน
เหตุการณ์ในอดีตทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นรวมถึงกองทุนต่างๆ สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำ
พวกเขาเลือกที่จะเก็บเงินสด หรือซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล
แทนที่จะลงทุนในสตาร์ตอัป ที่มีความเสี่ยงสูงมาก
ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเริ่มที่จะสู้สหรัฐอเมริกา และจีนไม่ได้ในเรื่องธุรกิจเกิดใหม่
และมันยังส่งผลให้คนวัยทำงาน อยากสมัครเข้าบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีความมั่นคงในแง่รายได้
มากกว่าออกไปเริ่มต้นธุรกิจเสี่ยงๆ
ด้วยเหตุนี้ พื้นฐานเกี่ยวกับสตาร์ตอัปญี่ปุ่น ทั้งด้านเงินทุนและบุคลากร จึงมีค่อนข้างจำกัด
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่น ได้พยายามแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว
โดยเปิดตัวโครงการสนับสนุนให้เมืองฟุกุโอกะ เป็นเมืองศูนย์กลางสตาร์ตอัปของประเทศ
และตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะมีสตาร์ตอัปยูนิคอร์นถึง 20 แห่งภายในปี 2023
ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ยูนิคอร์นจะเกิดขึ้นได้จริงตามที่ญี่ปุ่นหวังไว้หรือไม่..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://edition.cnn.com/2019/11/25/tech/japan-tech-startups/index.html
-https://www.smejapan.com/business-news/3-unicorn-startups-japan/
-https://cdn.group.softbank/en/corp/set/data/irinfo/financials/annual_reports/pdf/2019/sbg_annual_report_2019_001.pdf
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.CD?locations=JP
-https://www.worldatlas.com/articles/what-was-the-japanese-economic-miracle.html
-https://www.hurun.net/EN/Article/Details?num=A38B8285034B
เทคโนโลยี ai จีน 在 ลงทุนแมน Youtube 的最佳貼文
บทสรุปเส้นทาง บริษัทเทคโนโลยีจีนใน 4 ยุค
ยุคที่ 1 : 1994-2000 ยุคก่อร่างสร้างฐาน
ยุคที่ 2 : 2001-2008 ยุคแผ่ขยาย กลายเป็นอาณาจักร
ยุคที่ 3 : 2009-2015 ยุคอาณาจักรอินเทอร์เน็ตรุ่งเรือง
ยุคที่ 4 : 2016-ปัจจุบัน ยุค BIG DATA / AI
ในแต่ละยุคจะมีความน่าสนใจอย่างไร ให้เราได้เรียนรู้กันบ้าง? ร่วมพูดคุยกับคุณพิมพ์ขวัญ อดิเทพสถิตย์ เจ้าของเพจ China Talk with Pimkwan ทาง Blockdit
ใน #BREAKTHROUGH #ก้าวข้ามขีดจำกัดทางIDEA
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้
การลงทุนในความรู้ไม่มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรกด”Subscribe”ลงทุนแมนไว้ในทุกช่องทาง
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website -https://www.longtunman.com/
Blockdit - https://www.blockdit.com/longtunman
Facebook - http://facebook.com/longtunman
Twitter - http://twitter.com/longtunman
Instagram - http://instagram.com/longtunman
Line - http://page.line.me/longtunman
YouTube -https://www.youtube.com/longtunman
Spotify - https://open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Soundcloud - http://soundcloud.com/longtunman
Apple Podcasts - http://podcasts.apple.com/th/podcast/...
Clubhouse - @longtunman
#ลงทุนแมน #ห้องประชุมลงทุนแมน #ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง #BREAKTHROUGH #THEBRIEFCASE #longtunman #ลงทุนแมนORIGINALS #ลงทุนเกิร์ลTALK #ลงทุนเกิร์ล

เทคโนโลยี ai จีน 在 iT24Hrs Youtube 的最佳解答
Digital Thailand กับ เอิ้น ปานระพี สนุกสุดๆกับการลองพักโรงแรม FlyZoo Hotel รีวิวโรงแรมแห่งอนาคต FlyZoo Hotel โรงแรมไฮเทค ที่ไม่ต้องใช้คน ใช้หุ่นยนต์กับระบบอัจฉริยะทั้งโรงแรม ใน alibaba campus ณ เมืองแห่งอีคอมเมิร์ซ เมืองหางโจว ประเทศจีน
จะอัจฉริยะขนาดไหน
.
คำเตือน : เทปนี้ ฮามากค่ะ ???
.
( Advanced Technology and Smart Home Trip #iT24Hrs X TeC X Prop2Morrow )
#ทริปเทคโนโลยี #FlyZoo #Alibaba

เทคโนโลยี ai จีน 在 วรัทภพ รชตนามวงษ์ WARATTAPOB Youtube 的精選貼文
รับข่าวสารและสิทธิพิเศษก่อนใคร จาก วรัทภพ
คลิกลิงก์แอดไลน์ http://line.me/ti/p/~@warattapob
คุณกลัวหุ่นยนต์มาแย่งงานคนอย่างเราหรือไม่? ในอนาคตอันใกล้นี้
อีกเพียงไม่กี่ปี จะมีหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่การทำงานของคนมากขึ้นเรื่อยๆ
หุ่นยนต์สามารถแทนคนได้ ทั้งด้านแรงงาน และสมอง
แล้วคนอย่างเราๆ จะอยู่อย่างไร จะตกงานกันหมดหรือไม่
จะเป็นวิกฤต หรือ โอกาส ที่จะทำให้โลกของเราก้าวไปข้างหน้า
? พบกับวิดีโอใหม่ทุกวัน ?
และถ้าคุณไม่อยากพลาดวิดีโอต่อๆไปของผม
ซึ่งจะอัพเดท วิธีหาเงินรูปแบบใหม่ และ เรื่องเกี่ยวกับจีนที่คุณไม่รู้
? กด “SUBSCRIBE - ติดตาม และกดกระดิ่งแจ้งเตือน ตอนนี้เลย!! ?
https://www.youtube.com/channel/UC6GkGouzOitA6vUzOEBEqwA?view_as=subscriber
—
// ดูวิดีโอของ "วรัทภพ" ตามเพลย์ลิสต์
VLOG IN CHINA ชีวิตในจีน กินเที่ยว
https://bit.ly/2AqaFNB
การทำตลาดจีน และส่งออกจีน
https://bit.ly/2GWdITq
รีวิว ธุรกิจจีนและเศรษฐกิจจีน
https://bit.ly/2M8Phkx
ความรู้ หาเงิน เพิ่มรายได้ ที่จะทำให้คุณรวยเร็วขึ้น
https://bit.ly/2CR2Jqc
การตลาดและการขาย สมัยใหม่
https://bit.ly/2M8P7cV
วิธีเริ่มต้นธุรกิจ สำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่
https://bit.ly/2ChCNT7
ไอเดียธุรกิจเงินล้าน
https://bit.ly/2TrY2IT
พัฒนาตัวเอง เพื่อความสำเร็จในด้านที่ต้องการ
https://bit.ly/2LTPms2
แรงบันดาลใจและกำลังใจ ในการใช้ชีวิต
https://bit.ly/2TKQAbW
แกะคำคม ข้อคิด นักปราชญ์ และนักธุรกิจ
https://bit.ly/2SDzHjh
PODCAST
https://bit.ly/2SBlrHR
VLOG IN THAILAND
https://bit.ly/2AUvnWf
—
// วรัทภพ รชตนามวงษ์ คือ ใคร?
ผม "วรัทภพ รชตนามวงษ์" เป็นคนไทย เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่
เป็นผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจมาแล้ว 14 ธุรกิจ
ทั้งในประเทศไทย และ จีน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 จนถึงปัจจุบัน
ผมตั้งใจทำสื่อเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์
ให้คนรุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิตและรวย “เร็วขึ้น”
—
// ติดตาม วรัทภพ รชตนามวงษ์ เพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.warattapob.com
SOCIAL
Line official : http://line.me/ti/p/~@warattapob
Facebook : https://fb.me/WarattapobRachatanamwong
Instagram : https://www.instagram.com/warattapob_rachatanamwong
Twitter : https://twitter.com/warattapob
YouTube: https://bit.ly/2GZBwpf
PODCAST
Apple Podcast : https://apple.co/2QjW5fM
Spotify : https://spoti.fi/2F4V2OL
Soundcloud : https://bit.ly/2QjfVYm
—
#หุ่นยนต์ #เทคโนโลยี #อาชีพในอนาคต
วิดีโอนี้เกี่ยวกับ หุ่นยนต์ VS คน - จะทำอย่างไร อีกไม่นาน หุ่นยนต์จะแย่งงานจากคน
https://youtu.be/E9Sp65OS9KQ
https://youtu.be/E9Sp65OS9KQ

เทคโนโลยี ai จีน 在 จีนใช้เทคโนโลยี AI เพื่อก้าวเป็นเบอร์ 1 โลก - YouTube 的美食出口停車場

ช่องทางติดตามสถานีข่าว TNN ช่อง16 https://www.tnnthailand.com https://www.facebook.com/TNNthailand/https://twitter.com/tnnthailand ... ... <看更多>
เทคโนโลยี ai จีน 在 อ้ายจง - หลายโรงเรียนในประเทศจีน นำเทคโนโลยี AI และ VR... 的美食出口停車場
หลายโรงเรียนในประเทศจีน นำเทคโนโลยี AI และ VR เทคโนโลยีเสมือนจริง มาใช้ในการเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา อย่างภาพที่อ้ายจงนำมา... ... <看更多>
เทคโนโลยี ai จีน 在 จีนเดินหน้าปั้นอุตฯ AI ท่ามกลางปัญหาชิปป่วนทั่วโลก - YouTube 的美食出口停車場
จีน พยายามก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจและ เทคโนโลยี ของโลก แข่งกับสหรัฐและชาติตะวันตก ที่ผ่านมาทำได้สำเร็จไปแล้วหลายเรื่อง ... ... <看更多>