เวลาเห็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในสาขาต่างๆ ทั้งด้าน ธุรกิจ วิทยาศาสตร์ ศิลปิน นักสร้างสรรค์ หลายคนมักคิดว่าบุคคลเหล่านี้มันไม่ธรรมดา เขาต้องมีอะไรที่เก่งกว่าชาวบ้านแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่สามารถสร้างผลงานอะไรออกมาได้สุดยอดขนาดนี้หรอก
.
แต่นักจิตวิทยาอย่าง ดีน ซิมอนตัน ก็ค้นพบความจริงบางอย่าง ว่าความเชื่อเหล่านั้นไม่เป็นความจริงแล้ว เพราะความจริงแล้วอัจฉริยบุคคลเหล่านั้นเขาไม่ได้เก่งกว่าเพื่อนพ้องในสาขาของตัวเองเลย แต่เขาแค่ผลิตผลงานออกมาในปริมาณมากกว่าคนอื่นหลายเท่าแต่เราไม่เคยเห็นมัน
.
กล่าวคือ ผลงานชิ้นเอกของเขาที่เราเห็นกัน มันเป็นเพียงหนึ่งในหลายร้อยหลายพันชิ้นที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมาเท่านั้น
.
ยกตัวอย่างเช่น ผลงานศิลปะของปีกัสโซ เขาสร้างสรรค์จิตรกรรมกว่า 1,800 ชิ้น ประติมากรรมกว่า 1,200 ชิ้น เครื่องเคลือบกว่า 2,800 ชิ้น และภาพลายเส้นกว่า 12,000 ชิ้น ยังไม่นับรวมภาพพิมพ์ พรมปูพื้น และพรมผนังอีกจำนวนมาก แต่ผลงานที่เขาได้รับการยกย่องจริงๆ มีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
.
ถ้าให้เห็นภาพใกล้ตัวคนไทยอย่างอาจารย์เฉลิมชัย ก็เชื่อเหลือเกินว่าคุณรู้จักผลงานของอาจารย์เฉลิมชัยเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ในขณะที่ท่านสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอื่นๆ อีกมากกว่า 1,000 ชิ้น
.
ในวงการวิทยาศาสตร์อย่าง ไอน์สไตน์ที่เขียนบทความเกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปและสัมพัทธภาพซึ่งปฏิรูปสาขาวิชาฟิสิกส์อันโด่งดัง ทว่ายังมีผลงานของเขาที่ถูกตีพิมพ์อีกทั้งหมด 248 กลับสร้างอิทธิพลน้อยมาก
.
หรือ แม้แต่ มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊คเอง ที่ออกฟีเจอร์ใหม่ๆ และ บริการเจ๋งๆ ให้เราได้ใช้มากมาย แต่หารู้ไม่ว่ามีโปรเจคอีกนับร้อยนับพันที่ถูกพับเก็บไป
.
ดีน ซิมอนตัน จึงมองว่า โอกาสที่ผลิตผลงานหรือแนวคิดที่ทรงอิทธิพลหรือประสบความสำเร็จได้นั้นขึ้นอยู่กับจำนวนแนวคิดทั้งหมดที่ถูกผลิตออกมาด้วย พูดง่ายๆ ก็ คือ ยิ่งทำออกมาในปริมาณมากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่จะมีผลงานที่ประสบความสำเร็จออกมามากเท่านั้น
.
โดยในทุกสาขาอาชีพ แม้แต่คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดก็มักจะพบว่าเขาผลิตผลงานที่พอถูไถออกมาในปริมาณมากเช่นกัน
.
ไม่เพียงแค่ปริมาณของผลงาน ดีน ซิมอนตัน ยังพบอีกว่า ช่วงเวลาที่มีการผลิตผลงานก็มีผลเช่นกัน พูดง่ายๆ คือ ช่วงเวลาไหนที่มีการผลิตผลงานออกมามาก ก็มีโอกาสที่จะได้ผลงานชั้นยอดปรากฎออกมามากเช่นกัน
.
อย่าง ทอมัส เอดิสัน ในช่วงเวลา 5 ปี ระหว่างที่เขาอายุ 30-35 ปี คือช่วงเวลาที่เขาประดิษฐ์หลอดไฟ เครื่องเล่นจานเสียง และโทรศัพท์คาร์บอน อันโด้งดังได้ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเขายังยื่นขอสิทธิบัตรสำหรับสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ อีกมากกว่า 100 ฉบับ ไล่ตั้งแต่ปากกาสำหรับเขียนบทความกระดาษคัดลอกข้อความ เทคนิคการดองผลไม้ ไปจนถึงวิธีใช้แม่เหล็กเพื่อขุดแร่เหล็ก
.
ทอมัส เอดิสัน ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้เขาจะจดสิทธิบัตรมากถึง 1,093 ฉบับ แต่สิ่งประดิษฐ์ที่ดีเลิศอย่างแท้จริงอาจนับได้ด้วยนิ้วมือเพียงข้างเดียวเท่านั้น
.
คนมากมายต่างเชื่อกันว่าปริมาณกับคุณภาพเป็นสิ่งที่ไม่อาจมาพร้อมกันได้ เพราะถ้าคุณอยากทำงานให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณต้องทำงานในปริมาณที่น้อยลง แต่ความเชื่อนี้ผิดถนัดครับ อันที่จริงเมื่อเป็นเรื่องของการสร้างสรรค์แนวคิด ปริมาณเป็นหนทางที่นำไปสู่คุณภาพได้อย่างแน่นอนที่สุด
.
สมัยเรียนมหาวิทยาลัยปี 4 ผมมีโอกาสเข้าร่วมโครงการแข่งขันวางแผนธุรกิจสตาร์ทอัพ ช่วงที่เข้าแคมป์ในขั้นตอนค้นหาไอเดีย วิทยากรซึ่งเป็นนักธุรกิจก็ให้ตั้งโจทย์ให้เขียนไอเดียของตัวเองลงใน Post-it โดยตั้งโจทย์อย่างชัดเจนว่า เน้นปริมาณ ไม่เน้นคุณภาพ
.
กล่าวคือ เขียนไอเดียออกมาให้เยอะที่สุดภายในเวลาที่กำหนด ไม่ต้องสนว่าดีไหม ไม่ต้องถามเพื่อนข้างๆ และห้ามตัดสินไอเดียของเพื่อนคนอื่นในทีมด้วย เมื่อเสร็จแล้วไอเดียที่มากมายเหล่านั้นก็จะถูกคัดเลือกตามขั้นตอนของมันเอง
.
หรือ แม้แต่การทำเพจสมองไหล ซึ่งวันนี้มีผู้ติดตาม 2 แสนคนภายใน 1 ปี ครึ่ง ซึ่งจุดเริ่มต้นที่เป็นกุญแจปลดล็อคความสำเร็จของมันเกิดจากที่บทความของผมได้ไปออกรายการโหนกระแสทางช่อง 3
.
แต่กว่าบทความนั้นจะไปเข้าตา คุณหนุ่มกรรชัย ผมก็เขียนบทความติดต่อกันทุกวันตลอด 7 เดือน รวมกันมากกว่า 300 บทความ ในขณะที่เพจมีผู้ติดตามไ่ม่ถึง 1,000 คน ซึ่งบทความเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ดีมาก แค่พอถูๆ ไถๆ ได้เท่านั้น
.
หลังจากที่ได้ไปออกรายการจนเริ่มมีฐานผู้ติดตามประมาณ 4,000 คน ก็มีบทความที่เป็นไวรัลถูกแชร์มากกว่า 10,000 ครั้ง จนเพจเติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นมีผู้ติดตาม 70,000 คน
ซึ่งช่วงเวลาที่ผมสามารถเขียนบทความที่เป็นไวรัลมากที่สุด ก็คือช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงโควิดที่ผมมีเวลาเขียนบทความออกมาหลายบทความนั่นเอง
.
หรือ แม้แต่การเขียนคำพาดหัว หรือ คำคม ตอนเช้า ผมก็ไม่ได้เขียนครั้งเดียวแล้วนำมาใช้เลย แต่ผมเขียนออกมาประมาณ 20-25 แบบ กว่าจะได้พาดหัวหรือคำคมที่ดีที่สุดไปลงเผยแพร่จริง
.
เพราะส่วนใหญ่คำแรกๆ ที่เขียนออกมามันมักจะไปซ้ำหรือใกล้เคียงกับของคนอื่นที่เราเคยเห็นเคยอ่านผ่านๆ มา การทำออกมาในปริมาณเยอะๆ จะช่วยคัดกรองแนวคิดที่ใกล้เคียงกับคนอื่นออกไป และพอเราเขียนมากจนเริ่มหมดหนทาง เราจะถูกบังคับให้คิดอะไรนอกกรอบแบบแปลกๆ เอง
.
หลายคนที่ทำเพจหรือขายของออนไลน์ มักจะทักเข้ามาหาผมว่าทำไมคอนเทนต์ของเขาไม่มีคนสนใจ ทั้งที่เขาก็ตั้งใจทำสุดฝีมือแล้ว ปัญหามันเกิดจากอะไร แล้วต้องทำยังไงถึงจะทำคอนเทนต์ออกมาได้เก่ง
.
พอผมเข้าไปดูเพจของพวกเขาก็พบว่า พวกเขายังทำออกมาไม่ถึง 10 คอนเทนต์เลย ยิ่งไปกว่านั้น บางคนทำออกมาเป็นคอนเทนต์แรกเท่านั้น ก็หวังจะให้คนแชร์เป็นร้อยเป็นพันเสียแล้ว
.
Adam Grant ได้กล่าวเอาไว้ในหนังสือ Originals ว่า “คนจำนวนมากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างสรรค์ผลงานได้ก็เพราะพวกเขาผุดแนวคิดออกมาแค่ไม่กี่อย่างและเอาแต่หมกหมุ่นกับการขัดเกลาแนวคิดเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบ
.
ฉะนั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณผุดไอเดียเจ๋งๆ ขึ้นมา แล้วคิดว่ามันดีสุดๆ แล้ว ผมแนะนำให้ “ฉีก” ไอเดียนั้นทิ้งซะ เพราะสมองจะบังคับให้คุณคิดไอเดียเพิ่มในวิธีการที่แปลกใหม่ จนสุดท้ายคุณจะได้ไอเดียที่ไม่เหมือนใคร และบ่อยครั้ง ไอเดียนั้นก็มักจะนำไปสู่ผลงานที่สร้างสรรค์จนใครต่อใครคาดไม่ถึง
.
.
.
ค้นหาเทคนิคการสร้างสรรค์สุดยอดผลงานของตัวเองได้ในหนังสือ Originals
.
เป็นเจ้าของสุดยอดหนังสือเล่มนี้ได้ง่ายๆ เพียงคลิก https://m.me/432860907260347?ref=sale_pmQAnRxa
.
.
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น
ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
.
แต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน
ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
.
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ
ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過59萬的網紅NotebookSPEC,也在其Youtube影片中提到,Dell Notebook ในงาน Commart 2020 ครั้งนี้ แม้ไม่ได้ออกบูธด้วยตนเอง ก็จัดโปรโมชั่นภายในงาน Commart 2020 ร่วมกับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายออกมา อาทิ Advice / ...
บทความ it 在 Pop Siwapat Facebook 的最讚貼文
10 ความเข้าใจผิดที่ทำให้คนเราทุกข์ไปจนตาย!!!
พศิน อินทรวงค์
1. เข้าใจว่า ปัญหาคือสิ่งที่ต้องปฏิเสธ
ไม่เข้าใจว่า ปัญหาคือเรื่องธรรมดาที่ต้องเรียนรู้และยอมรับ
2. เข้าใจว่า ความสุขเป็นสิ่งที่ต้องแสวงหา
ไม่เข้าใจว่า ตราบใดที่ยังแสวงหาความสุขจะไม่มีวันเกิด
3. เข้าใจว่า ความคิดควบคุมได้
ไม่เข้าใจว่า ไม่มีใครควบคุมความคิดได้
เพราะความคิดคือธาตุปรุงแต่งตามธรรมชาติ
4. เข้าใจว่า อีกนานกว่าจะตาย
ไม่เข้าใจว่า ความตายมาถึงได้ทุกเมื่อ
5. เข้าใจว่า ทำดีแล้วต้องได้ดี
ไม่เข้าใจว่า ทำดีไม่ได้อะไรนอกจากได้ละกิเลส
6. เข้าใจว่า ชีวิตต้องแสวงหาความมั่นคง
ไม่เข้าใจว่า ความมั่นคงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
7. เข้าใจว่า ดีกับเขาแล้วเขาต้องดีกับเรา
ไม่เข้าใจว่า เรามีหน้าที่ดีกับเขา
ส่วนเขาจะดีหรือไม่ดีกับเรามันก็เรื่องของเขา
8. เข้าใจว่า ต้องรักษาทุกสิ่งให้ดีที่สุด
ไม่เข้าใจว่า ดีที่สุดคือไม่มีอะไรให้ต้องรักษา
9. เข้าใจว่า ความสำเร็จคือสิ่งสูงสุด
ไม่เข้าใจว่า การยึดในความสำเร็จนั่นแหละทุกข์ขั้นสูงสุด
10. เข้าใจว่า ตนเองสำคัญที่สุด
ไม่เข้าใจว่า เรื่องสำคัญที่สุดคือการไม่มีตนเอง
***ติดต่อ พศิน อินทรวงค์***
วิทยากร/บรรยาย/หนังสือ/บทความ
https://www.facebook.com/talktopasin2013
***ติดตามช่องยูทูป***
พศิน อินทรวงค์ - Pasin Intarawong
https://www.youtube.com/channel/UCccGJ9suemcJiF6WQqxUuGQ
10 misconceptions that make people suffer until death!!!
Phasin Inthorn
1. Understand that the problem is something to reject.
I don't understand that the problem is normal to learn and accept.
2. Understand that happiness is a must seek.
I don't understand that as long as I seek happiness, there will be no
3. Understand that the thought is controlling.
I don't understand that no one has control of
Because the thought is the natural ingredient.
4. I understand that it takes a long time to die.
I don't understand death comes anytime.
5. I understand that I do good things, I must be good
I don't understand that I can't do good things but I have to
6. Understand that life must seek stability
Not understanding that stability is impossible
7. Understand that he is good with him, he must be good to us.
I don't understand that we have a good duty to him.
As for him whether good or bad to us, it's his business.
8. I understand that I have to keep everything the best.
I don't understand that the best is nothing to cure.
9. Understand that success is supreme
I don't understand that holding on to success is the ultimate suffering.
10. I understand that I am the most important person.
I don't understand that the most important thing is not having myself.
*** Contact Phisin Inthong ***
Speaker / lecture / book / article
https://www.facebook.com/talktopasin2013
*** Subscribe to the YouTube channel ***
Pasin Intrakong - Pasin Intarawong
https://www.youtube.com/channel/UCccGJ9suemcJiF6WQqxUuGQTranslated
บทความ it 在 สมองไหล Facebook 的最佳解答
ยุคนี้ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า การมีรายได้ทางเดียวถือเป็นความเสี่ยงอย่างมาก เพราะหากรายได้ดังกล่าวขาดหายไป ก็จะกระทบกับ “สภาพคล่อง” ทางการเงินของเราทันที
.
ดังนั้น สำหรับใครที่ตอนนี้มีงานประจำอยู่แล้ว หรือ มีรายได้ที่ค่อนข้างคงที่ ก็ควรคิดถึงการสร้างรายได้เสริมควบคู่ไปกับรายได้ปัจจุบันด้วย
.
โดยสิ่งแรกให้ลองเน้นไปที่การพัฒนาต้นทุนทางปัญญาของตัวเองที่มีอยู่แล้ว เช่น ความรู้ ทักษะ งานอดิเรก ประสบการณ์ คอนเนคชั่น และ ไอเดีย แล้วนำมาพัฒนาขึ้นให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อื่น จนสามารถเป็นรายได้เสริม เพิ่มตะกร้าใบที่ 2, 3 และ 4 ได้
.
โดยโค้ชหนุ่ม หรือ ที่เรียกกันว่า Money Coach ได้แนะนำวิธีการสร้างรายได้เสริมจากต้นทุนทางปัญญาเอาไว้ในหนังสือ MONEY 101 อยู่ทั้งหมด 4 ทาง คือ
.
1) จาก ความรู้ หรือ ทักษะ ที่ตัวเองมี
.
อันดับเเรกลองค้นดูหลักฐานการศึกษาหรือประกาศนียบัตร ฝึกอบรมที่เคยผ่านมาทั้งหมด เพราะมันอาจเจอไอเดียในการเริ่มต้นอาชีพเสริมได้
.
เช่น เรียนจบมาทางบัญชี ก็อาจหารายได้เสริมโดยการรับจ้างทำบัญชี หรือถ้าเคยเข้าคอร์สเรียนทำขนมก็อาจเอาความรู้มาลองทำขนมขาย หรือจะทำคลิปวิดีโอสอนทำขนม เพื่อรับค่าโฆษณาจากทางยูทูบบ้างก็ได้
.
ผมเองตอนสมัยเรียนอยู่มัธยมเคยเป็นนักกีฬาเทควันโด ซึ่งก็พอจะมีผลงานที่สามารถนำมาทำการตลาดให้คนอยากมาเรียนอยู่บ้าง
.
แต่ด้วยความที่ตอนนั้นยังเด็กอายุประมาณ 16 ปี ซึ่งไม่มีเงินทุนพอที่จะเช่าสถานที่เปิดโรงเรียน หรือ ซื้ออุปกรณ์การเรียนอยู่แล้ว เพราะต้องบอกว่าอุปกรณ์กีฬาเทควันโดนั้นค่อนข้างแพงราคาแต่ละชิ้นประมาณ 1,000 UP
.
ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยลองทักแชทไปหา ผู้อำนวยการโรงเรียนว่าอยากจะเปิดชมรมสอนเทควันโดในโรงเรียนช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยใช้โรงยิมของโรงเรียนเป็นสถานที่ฝึกซ้อม และของบจากโรงเรียนในการซื้ออุปกรณ์ทั้งหมด
.
ผมเริ่มทำใบปลิวประชาสัมพันธ์เพื่อหาคนที่สนใจเรียน โดยเก็บค่าเรียนไม่เเพงคนละ 500 บาท เพราะไม่มีภาระค่าเช่าสถานที่และอุปกรณ์ใดๆ ผมมีหน้าที่แค่สอนเท่านั้น
.
ซึ่งตอนนั้นมีคนสนใจมาเรียนกับผมประมาณ 20 คน ผมจึงมีรายได้ประมาณ 10,000 บาท/เดือน
.
2) จาก งานอดิเรก หรือ ประสบการณ์ ที่เคยผ่านมา
.
ลองสำรวจตัวเองดูว่างานที่เคยทำหรืองานอดิเรกคืออะไร เคยถูกเจ้านายมอบหมายให้ทำอะไรบ้าง เคยมีประสบการณ์ทำกิจกรรมอะไรกับเพื่อนๆ สมัยมหาวิทยาลัยหรือเพื่อนที่ทำงานบ้าง
.
ลิสต์ออกมาให้หมด แล้วลองนั่งคิดต่อยอดดูทีละอย่างว่าอะไรที่พอจะสร้างเป็นงานเสริมได้บ้าง เเละที่สำคัญต้องค้นหาตลาดให้เจอ
.
ถ้าเป็นคนชอบกินชอบเที่ยวก็ลองทำเพจ ชวนกิน พาเที่ยว ลงในสื่อออนไลน์เพื่อรับค่าโฆษณา
.
ส่วนตัวผมเองชอบอ่านหนังสือเป็นงานอดิเรก เวลาอ่านหนังสือเยอะๆ มันก็จะมีไอเดียใหม่ๆ ซึ่งไอเดียเหล่านั้นก็สามารถนำมาเขียนบทความให้เหล่านักอ่านได้
.
ส่วนตลาดของการอ่าน ตอนนั้นก็มีแอพที่ชื่อ Blockdit ซึ่งเป็นเเอพที่เปิดให้คนมาเขียนบทความโดยมีรายได้ 100-300 บาท/บทความ เป็นค่าตอบแทนหากบทความของเราถูกใจผู้อ่าน
.
หลังจากเขียนไป 1 ปี ก็มีคนเข้ามาปรึกษาขอให้เลือกหนังสือที่เหมาะกับตัวเองให้ ก็เลยเกิดไอเดียตอนนั้นว่าจะรับให้คำปรึกษาและขายหนังสือมันซะเลย
.
3) สายสัมพันธ์ที่นำไปสู่โอกาสทางธุรกิจ
.
ลองมองดูคนรอบข้างว่าเขาทำอะไรอยู่ แล้วลองหาช่องทางเชื่อมโยงกับเขาเพื่อสร้างเป็นรายได้เสริม ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำได้เหมือนกัน
.
โค้ชหนุ่มเล่าในหนังสือ MONEY 101 ว่าเคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งเธอไปสมัครเรียนคอร์สงานคราฟต์แบบ DIY (Do It by Yourself) ทั้งงานไม้ งานเย็บปักถักร้อย
.
หลังเรียนจบเธอเรียนเย็บซองผ้าสำหรับใส่โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตส่งเป็นการบ้าน แล้วโพสต์รูปลง FB เพียงเพื่อยากโชว์ผลงานตัวเอง
.
หลังจากโพสต์ไปได้ไม่นานก็มีเพื่อนติดต่อหลังไมค์มาขอให้เธอเย็บซองผ้าสำหรับใส่โทรศัพท์จำนวน 300 ชิ้น เป็นของชำร่วยแจกงานแต่งงาน
.
เเน่นอนว่าเธอไม่สามารถเย็บคนเดียวได้ทั้ง 300 ชิ้นอยู่เเล้ว เธอจึงรับหน้าที่การตลาดเเล้วนำงานไปจ่ายให้กับทุกคนที่มาเรียนคอร์ส DIY ด้วยกัน
.
เพียงเท่านี้อาชีพเสริมเล็กๆ ก็เริ่มตันขึ้นได้แล้ว แถมยังมีพอร์ตงานเอาไว้โชว์ลูกค้าคนอื่นเพื่อรับงานในอนาคตได้อีก
.
4) ไอเดียทางธุรกิจ (จากปัญหาที่พบ)
.
แนวทางสุดท้ายก็คือ ไอเดียงานเสริมหรือธุรกิจที่เกิด "ปัญหา" ร่วมกันของคนส่วนใหญ่ และเรามองเห็น "โอกาส" "ช่องว่าง" หรือ "วิธีการ" ที่สามารถ "จัดการ" กับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ แบบนี้ก็สามารถพัฒนาเป็นอาชีพเสริม และต่อยอดเป็นธุรกิจได้เหมือนกัน
.
ส่วนตัวผมก็คือการทำธุรกิจ การขายหนังสือ นี่แหละ
.
ซึ่งถ้าใครที่เคยซื้อหนังสือกับผมจะรู้ว่า ผมไม่ได้ขายเหมือนคนอื่น เพราะการขายของผมคือการเลือกหนังสือที่เหมาะสมให้กับลูกค้า
.
เพราะผมเจอปัญหาว่าคนส่วนใหญ่สนใจอยากอ่านกันสือกันเยอะมาก แต่แค่ไม่มีใครบอกเขาว่า ถ้าเขาอยากทำธุรกิจ อยากทำออนไลน์ อยากเป็นนักขาย อยากบริหารคนให้เก่ง หรือ แม้กระทั่งกำลังอกหัก ควรอ่านเล่มไหน
.
ผมจึงแก้ปัญหานี้ด้วยการเลือกหนังสือที่เหมาะกับเขาให้ซะเลย ซึ่งเป็นบริการที่ไม่มีในตามร้านหนังสือทั่วไป
.
และถ้าหากเราสามารถแก้ “ปัญหา” ให้กับผู้คนคนได้ เขาก็พร้อมที่จะ “จ่ายเงิน” ให้กับเราได้อย่างไม่ยากเย็น
.
เอาจริงๆ ย้อนกลับไปตอนผมเริ่มอ่านหนังสือใหม่ๆ ผมเองก็คาดคิดเหมือนกันว่ามันจะนำมาสร้างรายได้ได้มากขนาดนี่
.
จากแต่ก่อนผมจะอ่านหนังสือที ต้องกำเงินเท่าค่าแรงขั้นต่ำไปซื้อหนังสือ แต่ตอนนี้กลับมีผู้เขียนและสักนักพิมพ์ส่งหนังสือมาให้ผมอ่านถึงหน้าบ้านฟรีๆ จนแทบอ่านไม่ทัน
.
มาถึงตรงนี้ผมไม่เสียดายเงินกว่าครึ่งแสนที่ผมนำไปซื้อหนังสืออ่านเลย เพราะตอนนี้มันสามารถสร้างรายได้ให้ผมได้มากกว่า ค่าความรู้ ที่เคยเสียไปหลายเท่า
.
เพราะฉะนั้นคุณลองสังเกตงานอดิเรก หรือ สิ่งที่คุณชอบทำทุกวันดูครับ ลองเติมความคิดสร้างสรรค์เข้าไป แล้วลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ มันอาจจะสร้างรายได้ให้กับคุณก็ได้
.
ถึงแม้เเรกๆ เงินอาจจะได้น้อย แต่ถ้าพัฒนาทุกวัน คุณอาจจะตกใจกับตัวเลขรายได้ที่มาจากงานอดิเรกของตัวเองไปเลยก็ได้
.
.
หลังจากได้ฟังเเนวทางเเละตัวอย่างทั้ง 4 ข้อเเล้ว คราวนี้มาลองประเมินโอกาสในการสร้างรายได้ของคุณให้มีหลากหลายทางดู ลิสต์ออกมาเเล้วเขียนลงในกระดาษให้เยอะที่สุดก่อน
.
อย่าเพิ่งคิดว่าอะไรจะทำหรือไม่ทำ แต่ให้ลิสต์รายการออกมาก่อน สร้างทางเลือกให้มากพอก่อน แล้วค่อยมาตัดสินใจทีหลังว่าอะไรคือทางเลือกที่ดีที่สุดเเล้ว
.
หลังจากลิสต์ออกมาแล้ว มันก็เหลือแค่ว่า คุณจะ “ลงมือทำ” หรือเปล่า เท่านั้นเอง...
.
.
.
ชีวิตที่มั่นคง เริ่มต้นด้วย ความรู้ทางการเงิน ด้วยการอ่านหนังสือการเงินดีๆ สักเล่ม อย่าง MONEY
.
.
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
.
แต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
.
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล
บทความ it 在 NotebookSPEC Youtube 的最佳貼文
Dell Notebook ในงาน Commart 2020 ครั้งนี้ แม้ไม่ได้ออกบูธด้วยตนเอง ก็จัดโปรโมชั่นภายในงาน Commart 2020 ร่วมกับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายออกมา อาทิ Advice / JIB / BaNANA / IT City โดยเป็นในส่วนของ Gift Voucher รวมไปถึงของแถมทั้งจากโปรโมชั่นหลักของ Dell เอง หรือโปรโมชั่นของแต่ละร้าน รวมถึงมีส่วนลดตามหน้าร้านต่างๆ และส่วนลดจากทาง Shopee อีกด้วย
แน่นอนว่ามีการอัพเดท Dell Notebook รุ่นใหม่ๆ ที่ต้องบอกว่ามากันเพียบ พร้อมขายในงานทันทีด้วย ซึ่งน่าตื่นเต้นกับการมีตัวเลือกชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000U / Ryzen 4000H แล้ว อย่าง Inspiron 5405 / Inspiron 5505 / G5 15 SE ซึ่งได้ทั้งความสดใหม่ ความแรงลื่น และราคาที่ถูกกว่าที่เคยมีมาของ Dell Notebook เอง
แน่นอนว่าฝั่งของชิปประมวลผล Intel ก็ยังมีให้เลือกเช่นเดิม เพิ่มเติมคือรุ่นใหม่ ที่ใช้เป็น Core i Gen 10H อาทิ Inspiron 7501 / XPS 15 / Alienware m15 R3 / Alienware Area-51m R2 เรียกได้ว่า Dell ก็พร้อมที่จะนำเสนอ Notebook ที่ตอบสนองในทุกๆ การทำงาน ความบันเทิง รวมไปถึงการเล่นเกมด้วย
สำหรับบทความนี้เราจะมาจัดอันดับ Dell Notebook รุ่นใหม่น่าซื้อ ในงาน Commar 2020 ขนโปรแรงของแถมเพียบ รุ่นไหนน่าซื้อที่สุดกัน แน่นอนว่าเราจะเน้นรุ่นใหม่เป็นหลัก เพราะได้ความสดใหม่ในราคาเอาจริงๆ ก็คุ้มค่าไม่แพ้กัน จะมีรุ่นอะไรบ้าง ไปชมกันต่อเลย
บทความ https://bit.ly/2QaMeLk
#Commart2020 #Notebook2020 #DellNotebook #AdminPong
บทความ it 在 บทความนั้นถูกเขียนด้วย AI หรือ มนุษย์ ? AI Writer Detector 的美食出口停車場
Scroll for details. New! Watch ads now so you can enjoy fewer interruptions. Got it. ... <看更多>
บทความ it 在 รวมบทความ It - Facebook 的美食出口停車場
รวมบทความ It. 19.04.2021. YOUTUBE.COM. ปัญหาของระบบไร้สายที่แก้ได้ด้วย WIFI 6 - พร้อมรีวิว. Zyxel WAX650S Access Point WIFI 6 ตัวท็อป! ... <看更多>